ฮั่วเทียนหลันมองไปที่เหลียวซิรง ก่อนจะนึกประวัติข้อมูลของเหลียวซิรงขึ้นมาในหัว
เพราะเหลียวซิรงและอันหรันสนิทกันมาก ดังนั้นข้อมูลเกี่ยวกับเหลียวซิรง หลี่เฉียนและคนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ต่างก็ถูกเขาสืบมาจนหมด
เหลียวซิรงเป็นบุคคลที่โด่งดังมากในวงการบันเทิง และยังเรียกได้อีกว่าเป็นขวัญใจของชายหนุ่มมากมาย
เธอไม่มีข่าวฉาวใดๆ แต่แฟนหนุ่มที่เคยคบมาทั้งหมดนั้นต่างก็อยู่ได้ไม่เกินสามเดือนสักคน
เธอได้รับรางวัลแทบจะทุกประเภท แต่กลับไม่เคยพูดจาประจบประแจงเอาใจผู้กำกับหรือโปรดิวเซอร์แต่อย่างใด
เคยมีครั้งหนึ่งที่ฮั่วเทียนหลันคิดจะแบนเธอ เพราะเธอเคยมีเรื่องกับมู่เหว่ย
แต่ก็ถูกโจวหยวนเอ่ยห้ามเอาไว้ก่อน เนื่องจากเหลียวซิรงมีผลกระทบต่อบริษัทของเขาค่อนข้างเยอะ
อีกทั้งเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ไม่มีหลักฐานที่เป็นชิ้นเป็นอัน ถ้าหากลงมือแบนเธออย่างไม่คิดให้รอบคอบซะก่อน อาจจะส่งผลกระทบต่อฐานแฟนคลับจำนวนมากได้
และนั่นเป็นครั้งแรกที่ฮั่วเทียนหลันยอมอ่อนข้อให้กับดาราที่เขามองว่ามูลค่าของเธอช่างน้อยนิด
ทั้งสามคนนั่งทานข้าวด้วยกัน และก็เป็นครั้งแรกที่ฮั่วเทียนหลันตักอาหารใส่จานให้กับอันหรัน
สำหรับเขามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาเพราะอันหรันเป็นภรรยาของเขา
แต่อันหรันกลับตกตะลึงกับการกระทำเช่นนั้นของเขา เนื่องความสัมพนธ์ระหว่างเธอกับฮั่วเทียนหลันไม่ได้มีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมากถึงเพียงนั้น
หลายครั้งที่นั่งทานข้าวที่บ้านตระกูลฮัว ก็เป็นการทานข้าวที่ต่างคนต่างกินซะส่วนใหญ่
หรือเขาต้องการจะป่าวประกาศต่อเหลียวซิรงว่าตนนั้นมีสิทธิ์ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ
แล้วเมื่อกี้เขาหึงเธอจริงๆเหรอ
อันหรันอดไม่ได้ที่จะช้อนตาขึ้นมองฮั่วเทียนหลัน และในตอนนั้นเองฮั่วเทียนหลันก็เงยหน้าขึ้นมามองเธอพอดี
ทันใดนั้นเองรอบตัวของพวกเขาสองคนก็เต็มไปด้วยบรรยากาศแสนหวาน
เหลียวซิรงที่นั่งอยู่ด้านข้างเริ่มจะทนมองต่อไปไม่ไหว เธอโบกมือเป็นวงกว้างอยู่ด้านหน้าของพวกเขา ก่อนจะเอ่ยขึ้น : "โอ้ย กำลังกินข้าวอยู่ดีๆ ทำไมบรรยากาศรอบตัวถึงได้ดูหวานแหววขึ้นมาอย่างนี้นะ!"
อันหรันหน้าขึ้นสี เธอก้มศีรษะลงทันทีแล้วเอื้อมมือไปดึงเสื้อของเหลียวซิรง ก่อนจะเอ่ยขึ้น : "ซิรง เธอพูดอะไรเนี้ย!"
เหลียวซิรงทำท่าประหลาดใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น : "หรันหรัน เธอนี่หน้าบางเสียจริง ดูอย่างประธานฮั่วของเธอสิ ยังนั่งกินต่อได้อย่างไม่รู้สึกอะไรเลย"
อันที่จริงฮั่วเทียนหลันเองก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้หน้าบางขนาดอันหรันเช่นนั้น
เขากวาดสายตามองไปที่เหลียวซิรง ก่อนจะเอ่ย : "อาหารไม่ได้ช่วยอุดปากของเธอไว้ได้เลยเหรอ"
เหลียวซิรงยังจำที่ฮั่วเทียนหลันแกล้งเรียกบริกรหนุ่มร่างกำยำถึงสิบคนมาให้บริการเธอเมื่อกี้ได้อย่างชัดเจนในหัว เธอแสร้งยิ้มขึ้นก่อนจะเอ่ย : "หรันหรัน ทานข้าวเสร็จพวกเราไปเดินเล่นกันไหม"
อันหรันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ช่วงนี้เธอเองก็หมกตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้ออกไปเดินเล่นกับเหลียวซิรงนานมากแล้ว
ขณะที่เธอกำลังจะพยักหน้าตอบรับ สายตาก็ดันเหลือบไปเห็นฮั่วเทียนหลันซะก่อน
ฮั่วเทียนหลันไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เขาทำเพียงแค่ส่ายหัวเป็นเชิงบอกให้เธอปฏิเสธ
เหลียวซิรงส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเอ่ย : "นี่เธอใช้ชีวิตยังไงเนี้ย อยู่ที่บ้านไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรเองเลยเหรอ ทำไมต้องรอคำอนุญาตจากคนอื่นก่อนด้วยล่ะ"
อันหรันหน้าร้อนขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้น : "คุณชายฮั่วคะ ฉันแค่ไปเดินเล่นที่ห้างกับซิรงเท่านั้น เดี๋ยวตอนค่ำจะรีบกลับไปนะคะ"
น้ำเสียงของอันหรันเต็มไปด้วยความอ้อนวอน แต่ฮั่วเทียนหลันยังคงยืนกรานหนักแน่น : "ตอนกลางคืนอากาศมันหนาว ออกไปเที่ยวเล่นเตร็ดเตร่ถ้าไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง"
เมื่อไม่กี่วันมานี้เมือง Z หิมะตกอย่างรุนแรง อุณหภูมิก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ไข้หวัดเริ่มระบาดอีกครั้ง อันหรันรู้ว่าตอนนี้ฮั่วเทียนหลันกำลังเป็นห่วง
แต่เธอคิดว่าตัวเองไม่น่าจะโชคร้ายได้ถึงเพียงนั้น
อันหรันคิดอยากจะขอร้องต่อ แต่ทันใดนั้นเหลียวซิรงก็ตบโต๊ะอย่างแรง เธอเป็นผู้หญิงที่มีความคิดเป็นของตัวเองมาก และสิ่งที่เธอเกลียดที่สุดก็คือการถูกผู้ชายคอยชักนำ
"โอเค ไม่ต้องคุยเรื่องนี้แล้ว เดี๋ยวสักพักพวกเราออกไปเดินเล่นกัน ตอนเย็นประธานฮั่วยุ่งมากไม่มีเวลามาดูแลเธอหรอก"
เรื่องที่ฮั่วเทียนหลันไม่ค่อยกลับบ้านตอนเย็นนั้นเหลียวซิรงรู้ดี
เพราะพวกเขาอยู่ในแวดวงภาพยนตร์และโทรทัศน์เช่นเดียวกัน และเมื่อไม่นานมานี้มู่เหว่ยกลับมามีกระแสอีกครั้ง บางทีที่ไปถ่ายละครเธอก็มีเจอกับทีมงานของมู่เหว่ยบ้างอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
และก็มักจะเห็นฮั่วเทียนหลันไปหาเธออยู่บ่อยๆ ในรถยนต์คันหรูของเขาเต็มไปด้วยของขวัญกล่องเล็กใหญ่มากมายที่นำไปมอบให้เธอ จนกลายเป็นที่จับตามองของคนบริเวณนั้น
ฮั่วเทียนหลันไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก ราวกับปล่อยให้อันหรันตัดสินใจด้วยตัวเอง
อันหรันคิดว่าเธออยากจะออกไปเดินเล่นข้างนอกสักพัก และจะรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุด ดังนั้นเธอจึงเอ่ยขึ้น : "ฉันขอออกไปสักสองชั่วโมงนะคะ แล้วฉันจะรีบกลับบ้าน"
หลังจากนั้นพวกเขาก็นั่งทานข้าวกันต่อโดยที่ฮั่วเทียนหลันไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีกเลย
เมื่อทานข้าวเสร็จเตรียมจะจ่ายเงิน ผู้จัดการร้านก็เอ่ยขึ้น : "คุณเหลียวจ่ายเรียบร้อยแล้วครับ"
ฮั่วเทียนหลันเหลือบมองเหลียวซิรงเล็กน้อย ใบหน้าของเธอแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา ราวกับไม่ได้ตระหนักเลยสักนิดว่าตนกำลังจะยึดตัวภรรยาของคนอื่นไปโดยถือวิสาสะ
หลังจากฮั่วเทียนหลันกลับไปแล้ว อันหรันและเหลียวซิรงก็ไปเดินเล่นกันต่อที่ Crescent Square ที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น
ผู้หญิงเวลาอยู่ด้วยกันก็ไม่มีอะไรไปมากกว่าการช้อปปิ้งและลองชุดร้านนั้นร้านนี้ไปจนหมด สุดท้ายก็ได้มาทั้งถุงใหญ่ถุงเล็กมากมายหลายถุง แต่ส่วนใหญ่นั้นเป็นของเหลียวซิรงแทบทั้งหมด
อันหรันเป็นคนที่ค่อนข้างประหยัดมากๆ เพราะตัวเธอเคยผ่านชีวิตในตอนที่ยากลำบากมา
เดิมทีเหลียวซิรงอยากจะดูหนังต่อสักเรื่อง แต่พออันหรันเหลือบมองเวลาก็พบว่าตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้ว และเธอรับปากกับฮั่วเทียนหลันไปแล้วว่าอีกสองชั่วโมงจะรีบกลับไป ถ้าหากเธอกลับไปช้าเขาจะต้องโมโหขึ้นมาอีกแน่
ดังนั้นจึงนัดกับเหลียวซิรงว่าพรุ่งนี้ค่อยออกมาอีก ก่อนเธอจะเรียกรถกลับไปที่บ้านตระกูลฮัว
หลังจากกลับมาถึงบ้าน เธอกวาดสายตามองหารถของฮั่วเทียนหลันแต่กลับไม่พบแม้แต่เงา
นั่นทำให้เธอรู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยอย่างกดไม่ได้ นี่ฮั่วเทียนหลันยังไม่กลับมาอีกเหรอ
เธอรู้สึกไม่สบายใจจึงเลือกที่จะยืนอยู่บริเวณหน้าบ้านเพื่อรอเขากลับมา
แต่ผ่านไปนานกว่าชั่วโมงเขาก็ยังไม่กลับมาสักที จนร่างกายของเธอเริ่มจะแข็งทื่อขึ้นมาเนื่องจากอากาศที่ค่อนข้างหนาวเย็นเป็นอย่างมาก
เธอรู้สึกเศร้าขึ้นมาในใจ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องเพียงลำพัง อาบน้ำชำระร่างกายเสร็จเรียบร้อย แล้วจึงเดินไปนอนบนเตียง
ในวีแชทมีแจ้งเตือนข้อความที่ลั่นลานส่งมาบอกกับเธอว่าอยากดูวิวหิมะตกและยังบอกอีกว่าวันนี้ไปเที่ยวสวนสนุกกับหวังถิงมาด้วย
ประโยคที่ส่งมาทั้งหมดนั้นเธอต้องการสื่อกับอันหรันว่า เธอคิดถึงคุณแม่แล้ว
อันหรันเองก็รู้สึกไม่ดีในใจ เธอจึงกดพิมพ์ตอบกลับไปว่า : "รอให้คุณแม่กลับไปแล้วจะพาหนูออกไปเล่นทุกสัปดาห์เลยนะ"
แต่ก่อนที่จะได้กดส่งไป อันหรันก็นึกอะไรขึ้นได้ก่อน
กลับไปงั้นเหรอ แล้วเมื่อไหร่เธอถึงจะได้กลับไปล่ะ
แค่ฮั่วเทียนหลันทำดีกับเธอหน่อย เธอก็รู้สึกตัดใจจากเขาไปไม่ได้แล้ว
วันนี้ตอนที่อยู่สวนสนุกเธอมองเห็นครอบครัวหนึ่ง มีพ่อแม่ลูกสามคนกำลังจับมือกันต่อแถวรอเล่นเครื่องเล่นอยู่ด้านหน้าเธอ ภาพนั้นมันทำให้เธอรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในใจ
ถ้าหากว่าพระเจ้าเมตตา ได้โปรดทำให้พวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกได้มาอยู่ด้วยกันได้หรือเปล่า
เธอและฮั่วเทียนหลันที่กำลังจับมือเล็กๆของลั่นหลันที่ยืนอยู่ตรงกลาง จากนั้นพวกเราสามคนพ่อแม่ลูกตะลอนเที่ยวทั่วเมือง Z ไปด้วยกัน
สุดท้ายอันหรันก็เลือกที่จะลบข้อความทิ้ง ก่อนจะกดส่งรูปเซลฟี่ของตัวเองไปให้เธอแทน : "วันนี้คุณแม่ไปเที่ยวอย่างมีความสุขมากเช่นกัน ฝันดีนะลูกรัก ดวงใจของเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป"
ในความฝัน อันหรันรู้สึกหนาวมากๆ หนาวจนตัวเธอสั่นสะท้านไปหมด
เธอพยายามหาสิ่งต่างๆมาปกคลุมร่างกายเอาไว้ แต่กลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นของมันเลยแม้แต่น้อย
จนในที่สุดเธอควานไปพบสิ่งหนึ่งที่รู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก ก่อนจะขยับตัวเข้าไปแนบชิดสิ่งนั้นจนไม่เหลือระยะห่าง ถึงได้ทำให้เธอรู้สึกสบายตัวขึ้นมา
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็รู้สึกร้อนขึ้น จนเหงื่อกาฬเริ่มไหลออกมา
เธอเริ่มทนไม่ไหวกับความร้อนนี้ จึงรีบผลักมันออกไปให้ห่างจากร่างกายทันที
แต่ความร้อนนี้เปรียบได้กับภูเขาลูกใหญ่ ไม่ว่าเธอจะออกแรงผลักแค่ไหนมันก็ไม่ขยับเลยสักนิด
ฮั่วเทียนหลันกลับมาอีกทีตอนตีสอง เขาไปหามู่เหว่ยที่บ้านของเธอมา
มู่เหว่ยบอกว่าเธอเป็นหวัด ร่างกายรู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมาก และถ้าหากไม่มีฮั่วเทียนหลันคอยเฝ้าดูแลอยู่ที่บ้านนั้น มันยิ่งจะทำให้เธอรู้สึกเหน็บหนาว
หลังจากที่ฮั่วเทียนหลันกล่อมมู่เหว่ยจนหลับไปได้ เขาก็งีบหลับไปพักหนึ่ง รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าๆแล้ว
เขาลังเลเล็กน้อย แต่ก็ตัดสินใจเดินออกมาจากบ้านของมู่เหว่ย
ขับรถกลับมาที่บ้านตระกูลฮัวอย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงได้พักหนึ่ง อันหรันก็ขยับตัวเข้ามาประชิดเข้าในทันที
ร่างกายของเธอนุ่มมาก พอพิงเข้ามาหาเขาก็ทำให้รู้สึกสบายแปลกๆ
แต่หลังจากนั้นไม่นานผู้หญิงคนนี้ผลักตัวเขาออกอย่างแรง ราวกับต้องการผลักเขาให้ตกเตียงตายไปเลยอย่างไงอย่างงั้น
ฮั่วเทียนหลันขมวดคิ้ว ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟที่อยู่ด้านข้าง
ถึงได้พบว่าใบหน้าของอันหรันแดงระเรื่อ เขาเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของเธอ
อุณหภูมิร่างกายของเธอสูงมาก ตัวของเธอก็ค่อนข้างร้อน
หรือว่าเธอจะเป็นไข้ขึ้นมาจริงๆ
"น้ำ น้ำ ร้อน ร้อนมากเลย... "
อันหรันป่วยจนเริ่มเลอะเลือนเล็กน้อย เธอกวาดมือคว้านั้นนี่ไปทั่วอย่างไม่รู้สึกตัว
แต่เมื่อคว้าจับไปที่มือของฮั่วเทียนหลันแล้วพบว่าไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ เธอจึงรีบสะบัดออกอย่างแรง
ฮั่วเทียนหลันรู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้จริงๆเลย...
แต่เนื่องจากเธอป่วยอยู่ ฮั่วเทียนหลันจึงไม่ได้คิดแค้นอะไรที่ถูกเธอสะบัดมือออกเช่นนั้น
เขารีบโทรหาหมอประจำตระกูล ก่อนจะลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้อันหรัน
เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสเย็นที่กำลังแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย อันหรันจึงลืมตาตื่นขึ้นมา ก่อนจะพบกับใบหน้าหล่อเหลาของฮั่วเทียนหลัน
“คุณ คุณชายฮั่ว ... ”
ฮั่วเทียนหลันส่งเสียงอืมตอบรับ ก่อนจะหยิบน้ำอุ่นที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาถือ : "ดื่มสักหน่อยสิ!"
อันหรันตอบรับก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าแก้วน้ำจากมือของเขา แต่เธอกลับไม่มีแรงมากพอที่จะถือไว้ได้
ทำให้น้ำในแก้วหกลงบนเตียงจนผ้าปูที่นอนเปียกชื้นไปหมด
เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังสร้างปัญหา แต่สมองตอนที่เป็นไข้นั้นค่อนข้างจะเบลอ : "ขอ ขอโทษค่ะ ฉัน... "
ฮั่วเทียนหลันมองผู้หญิงโง่ตรงหน้า ก่อนจะรู้สึกปวดใจขึ้นมาเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก มันก็แค่น้ำหกเท่านั้น ทำไมถึงดูกังวลขนาดนั้น ทำราวกับว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดที่กินคนยังงั้นแหละ
ฮั่วเทียนหลันพยุงอันหรันขึ้น ก่อนจะรินน้ำอุ่นใส่แก้วให้เธอใหม่อีกครั้ง จากนั้นใช้ช้อนตักขึ้นมาแล้วจ่อไว้ที่ปากของอันหรัน ก่อนจะเอ่ยขึ้น : "อ้าปากขึ้น"
หลังจากอันหรันอ้าปากขึ้น เขาก็ทำการป้อนน้ำให้เธอทันที
ทำเช่นนั้นไปเรื่อยๆจนอันหรันยกมือขึ้นห้ามเมื่อเธอดื่มน้ำเสร็จไปได้สามแก้ว และรู้สึกว่าดื่มต่อไปไม่ไหวแล้ว : "พอแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะคุณชายฮั่ว ... "
เธอป่วยจนเบลอไปหมด แต่สมองของเธอไม่ได้ถูกทำลาย
ความรู้สึกซาบซึ้งที่อยู่ในใจส่งผ่านไปยังสมอง จนทำให้เธอรู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมา
การเป็นสามีภรรยานั้น ถ้าหากว่าใครคนใดคนหนึ่งเดือดร้อน อีกคนก็พร้อมที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเสมอ นั่นก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ
ในตอนนี้ฮั่วเทียนหลันได้ทำในสิ่งที่สามีควรจะทำแล้ว
ฮั่วเทียนหลันช่วยพยุงอันหรันให้นอนลง ก่อนจะเหลือบมองเวลา ทำไมป่านนี้หมอประจำตระกูลของเขายังไม่มาสักที
เขาจึงรีบกดสายโทรออกอีกครั้ง : "เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า"
หลี่จี้ในตอนนี้แทบคลั่ง หลังจากที่เธอได้รับแจ้งจากฮั่วเทียนหลันว่าคุณหนูฮั่วไม่สบาย เธอก็รีบขับรถออกมาทันที
ระยะทางจากบ้านของเธอไปบ้านตระกูลฮัว ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว
แต่เมื่อถึงสี่แยกไฟสีแดงที่มีไฟกะพริบเตือนให้ขับช้าลงในตอนกลางคืนนั้น เธอเองก็มองดูซ้ายขวาดีแล้วว่าไม่มีรถขับมา
แต่เมื่อเธอขับออกไปถึงกลางทางแยก ก็มีรถคันหนึ่งขับเข้ามาด้วยความเร็ว เธอพยายามเหยียบคันเร่งให้รถรีบเคลื่อนตัวออกไป แต่แล้วก็ไม่ทัน
รถคันนั้นขับพุ่งเข้าชนอย่างแรงจนรถของเธอพลิกคว่ำและกระเด็นออกไปหลายเมตร
ถุงลมนิรภัยถูกหย่อนออกมาเมื่อรถประสบอุบัติเหตุ ในตอนนี้เธอรู้สึกเวียนหัวเป็นอย่างมากเนื่องจากถูกแรงกระแทกเข้าอย่างรุนแรง
เธอใช้เวลานานพอสมควรในการปีนออกทางหน้าต่างของรถ เมื่อออกมาได้ถึงตระหนักได้ว่าตัวเองตอนนี้กำลังจะเสียเวลา
เธอจึงรีบโทรหาสามีในทันที แต่สามีของเธอบอกว่าต้องใช้เวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าถึงจะมาถึงที่เกิดเหตุ
ตอนนี้ระยะทางไปที่บ้านตระกูลฮัวใช้เพียง 10 นาทีเท่านั้น แต่เมื่อประสบเหตุการณ์เช่นนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกสิ้นหวังไปหมด
"นายน้อยฮั่วคะ ฉันขอโทษนะคะ ตอนนี้ฉันรถคว่ำ คุณพอจะรออีกหน่อยได้หรือเปล่า พยายามเช็ดตัวไล่ความร้อนของจากร่างกายของคุณหนูก่อน ไม่นานสามีของฉันคงจะมาถึงแล้ว"
เสียงของหลี่จี้สั่นจนเหมือนจะร้องไห้ เธอรู้ดีว่าหากคุณหนูฮั่วเป็นอะไรขึ้นมา เธอจะต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมด
หลังจากที่ฮั่วเทียนหลันฟังหลี่จี้อธิบายเกี่ยวกับวิธีการลดไข้เสร็จ จึงเอ่ยถามขึ้น : "เธอไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม"
หลี่จี้อึ้งไปครู่นึง ก่อนจะรีบเอ่ยตอบ : "ฉันไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันจะรีบไปให้เร็วที่สุดนะคะ"
หลังจากวางสายจากฮั่วเทียนหลัน หลี่จี้ถึงตระหนักได้ว่าเมื่อกี้ตัวเองถูกถามด้วยความเป็นห่วง
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่เย็นชามาตลอดอย่างฮั่วเทียนหลัน จะมีมุมที่อ่อนโยนเช่นนี้ นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
ฮั่วเทียนหลันทำตามวิธีที่หลี่จี้บอกเพื่อทำให้อุณหภูมิในร่างกายของอันหรันลดลง
ร่างกายของอันหรันยังคงร้อนอยู่ แต่ใบหน้าแดงกล่ำของเธอนั้นจางลงบ้างแล้ว
"คุณชายฮั่วคะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก นอนพักผ่อนอีกหน่อยก็คงดีขึ้น ตอนนี้มันดึกมากแล้ว คุณเองก็ควรจะนอนได้แล้วนะคะ!" ตัวเองป่วยขนาดนี้ แต่ก็ยังไม่วายเป็นห่วงคนอื่น เพราะไม่อยากให้เขาต้องอดหลับอดนอนเผื่อเฝ้าตน
ฮั่วเทียนหลันหรี่ตาลงเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้นี่มันยังไงกัน จนถึงตอนนี้ยังจะพูดโกหกกับเขาอีก
เขาจะอดหลับอดนอนบ้างไม่เห็นจะเป็นอะไร เธอต่างหากที่ป่วยจนโง่ไปแล้ว!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ฮั่วเทียนหลันก็เริ่มโมโหขึ้นมาเล็กน้อย
เขาบอกชัดแล้วว่าไม่อยากให้เธอออกไปเดินตากลม แต่เธอก็ไม่ยอมฟังเอง
จนสุดท้ายต้องมานอนป่วยรับผลกรรมที่ตัวเองก่อไว้อยู่เช่นนี้นี่ไง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง