โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 266

เห็นใบหน้าที่ตึงเครียดของฮัวเส้าซู่ หยูชิงก็ผงะไป แล้วพูดออกมาเชิงหัวเราะว่า “มันเกี่ยวอะไรกับนาย?”

ฮัวเส้าซู่รู้สึกอึดอัดกับท่าทางของหยูชิง เขาจึงพูดออกมาเสียงทุ้มๆว่า “มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน แต่ถ้าพี่ของฉันมาได้ยินเข้า เธอคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”

“งั้นถ้ามันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย ถ้ามีเรื่องอะไรก็ให้ท่านประธานฮั่วมาคุยกับฉันด้วยตัวเอง” พูดจบ หยูชิงก็หันหน้าหนี และเตรียมที่จะเดินไปที่ทางเดิน

แต่ก็ถูกหยูชิงจับไว้ พร้อมถามออกมาว่า “หยูชิง ฉันไม่ใช่เจ้านายเธอหรือไง?”

หยูชิงตกตะลึงและหลังจากที่เธอสะบัดมือของฮัวเส้าซู่ออก และพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “เจ้านายของฉันคือท่านประธานฮั่ว”

คำพูดของเธอ เท่ากับว่าฮัวเส้าซู่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหาร

มันก็จริง ฮัวเส้าซู่ไม่เคยทำอะไรจริงจังให้กับ Fahrenheit Group และนี่ทำให้เขารู้สึกด้อยค่าลง

“ตอนนี้ฉันจะออกคำสั่งอย่างเป็นทางการ ตั้งแค่วันนี้เป็นต้นไป เธอไปเป็นผู้ช่วยของหยวนฉีเฉียน และถ้าหากมีอะไรสงสัยก็ไปปรึกษาเขาได้ทุกอย่าง!” ฮัวเส้าซู่พูดออกมาด้วยความเย็นชา

หยูชิงยิ้มออกมาที่มุมปาก แสดงสีหน้าเชิงดูถูกเล็กน้อยพร้อมพูดออกมาว่า “ฮัวเส้าซู่ อย่าคิดว่านายตำแหน่งสูงกว่าฉันแล้วจะทำอะไรก็ได้ ฉันได้มาอยู่ที่นี่เพราะป้าหลี่แห่ง Fahrenheit Group คุณคิดว่ามันยังไงหละ”

นี่เป็นคำตอบที่ฮัวเส้าซู่เดาเอาไว้ตั้งแต่แรก

เขายิ้มออกมาพร้อมพูดว่า “ใช่หรอ? งั้นต้องขอโทษด้วยนะ คุณถูก Fahrenheit Group ไล่ออกแล้ว ไปซะ!”

หลังจากนั้นฮัวเส้าซู่ก็ผายมือออก

ถูกไล่ออก?

หยูชิงมองไปที่ฮัวเส้าซู่ด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ ตระกูลหยูของเธอร่วมงานกับตระกูลฮั่วมาหลายปี แม้สถานการณ์จะยากลำบากแค่ไหน ตระกูลหยูก็ไม่คิดเปลี่ยนใจ

แต่ตอนนี้ ฮัวเส้าซู่กลับพูดแบบนั้นออกมาอย่างหน้าตาเฉย ก็เหมือนกับไล่ให้เธอกลับประเทศไป

ใบหน้าของเธอเคร่งขรึม พูดออกมาเสียงทุ้มๆว่า “ฮัวเส้าซู่ เวลาพูดอะไรออกมาก็ระวังนิดหนึ่ง ไม่กลัวว่ามันจะทำลายอะไรบางอย่างไปงั้นหรอ?”

ฮัวเส้าซู่ไม่ได้พูดอะไร แค่มองไปที่หยูชิงนิ่งๆ

หยูชิงรู้ว่าคำพูดของฮัวเส้าซู่ก็คือความคิดของฮั่วเทียนหลัน

เธอเงียบไปสักพัก จากนั้นก็พูดว่า “ได้ เหตุการณ์ครั้งนี้ ฉันจะจำมันไว้”

พูดเสร็จ เธอก็เดินออกไป

ตอนนี้อันหรันกำลังลงไปทานข้าวพอดี ช่วงนี้ฮั่วเทียนหลันงานยุ่งมาก ดังนั้นเธอจึงต้องไปทานข้าวคนเดียว

ขณะที่รอลิฟท์ หยูชิงเดินมาด้วยท่าทางที่หงุดหงิด

อันหรันมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะแสดงสีหน้าที่ไม่พอใจอันหรันออกมาชัดเจนขนาดนี้

หลังจากที่เข้ามาในลิฟท์ เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ พูดกระแหนะกระแหนออกมาว่า “คุณนายฮั่ว คำฟ้องของคุณค่อนข้างรวดเร็ว!”

อันหรันตกใจ มองไปที่หยูชิงด้วยความสงสัยพร้อมกับพูดว่า “เธอหมายความว่าอย่างไร? ฉันไม่เข้าใจ”

“เหอะ อย่าแกล้งโง่เลย ช่างน่าขันเสียจริง!”

หยูชิงยังอยากที่จะกระแหนะกระแหนอันหรันอีกสักหน่อย แต่ลิฟท์ก็ขึ้นถึงชั้นสองแล้ว

อันหรันเดินออกมาจากลิฟท์ และหันกลับไปมองหยูชิง แต่ไม่นานประตูดลิฟท์ก็ปิด

ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวจริงๆ

แต่คำพูดของเธอเมื่อสักครู่ อันหรันยังไม่เข้าใจมัน

หรือว่าฮั่วเทียนหลันกำลังแอบช่วยอะไรเธอเองอยู่?

ไม่ใช่มั้ง ฮั่วเทียนหลันยังไม่ได้ออกมาจากห้องนิ

อันหรันคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ สุดท้ายเธอก็ไม่คิด

รอบตัวของฮั่วเทียนหลันมีคนรู้จักมากมาย ถ้าเธอต้องมาคิดเรื่องของทุกคนผมเธอคงหงอกหมดหัวไปแล้ว

หลังจากที่อันหรันทานข้าวกลางวันเรียบร้อยแล้ว เธอก็ให้คนไปซื้อยามาหนึ่งขวด

หลังจากที่ยามาถึง เธอหยิบน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว จากนั้นก็ทานยาลงไป

เธอเดินมานั่งที่โซฟา และรอยาออกฤทธิ์

เธออยากจะมีลูกกับฮั่วเทียนหลันอีกสักคน แต่เธอกลัวว่าจะปกป้องมันไว้ไม่ได้

ชีวิตน้อยๆที่ไม่สามารถปกป้องได้ สำหรับเธอแล้วคงเป็นความผิดที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต

หลังจากที่กินอาหารกลางวันที่อันหรันส่งมาให้เรียบร้อย ฮั่วเทียนหลันก็สังเกตุเห็นสีหน้าที่แปลกไปของอันหรันจึงถามว่า “ไม่สบายหรอ?”

อันหรันส่ายหน้า เธอเดินไปรินชาให้ฮั่วเทียนหลัน แต่เมื่อเธอเอนตัว ยาที่อยู่ในกระเป๋าก็หล่นออกมา

ฮั่วเทียนหลันมองเห็นขวดยาที่คุ้นเคย และเขาก็หยิบมันขึ้นมา

เขาเข้าใจตัวอักษรสามพยางค์ที่เขียนอยู่ เขาแค่มองไปเท่านั้นสีหน้าลองเขาก็ค่อยๆซีดจางลง

ทำให้อันหรันรู้สึกเหมือนเด็กที่ทำความผิด เธอถือกาน้ำชา ตัวเธอสั่น นั่นทำให้ฮั่วเทียนหลันโกรธขึ้นมา

“ใครใช้ให้เธอกินมัน?”

อันหรันก้มหน้าและไม่ได้พูดอะไร

“เธอไม่รู้ว่ามันส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไงบ้าง?”

อันหรันยังคงไม่พูดอะไร แต่ในใจของเธอก็อดคิดไม่ได้ ก่อนที่เขาจะพูดคำนี้ออกมาได้คิดก่อนหรือไม่ เมื่อก่อนเขาเป็นคนบังคับให้เธอกินมันตลอด

มองเห็นท่าทางต่อต้านของอันหรัน ฮั่วเทียนหลันจึงโยนยาขวดนั้นทิ้งลงไปในถังขยะ

ข้าวก็ไม่กินต่อแล้ว เขาดึงเสื้อคลุมและเดินออกไป

อันหรันเฝ้าดูเขาจากไปอย่างนิ่ง ๆ และเธอก็อธิบายไม่ได้ว่าในใจของเธอตอนนี้รู้สึกอย่างไร

ฮั่วเทียนหลันกลับมาในตอนดึก และออกไปตอนเช้าตรู่ เขาทำแบบนี้ติดต่อกันสามวัน

เขาไม่แตะต้องอันหรันเลยสักนิด ทั้งสองคนต่างคนต่างนอน

อันหรันรู้ว่าฮั่วเทียนหลันกำลังน้อยใจ แต่เธอก็ไม่อยากจะเข้าไปปลอบใจเขา

เธอเป็นคนที่ทานยา แต่กลับไปทำให้เขาเดือดร้อนงั้นหรอ?

เขาได้แต่พูดบอกให้เธอไม่ต้องกินยา แล้วถ้ามีเด็กขึ้นมาจริงๆจะเป็นอย่างไร จะคลอดออกมาได้ไหม?

พอนึกถึงเด็กที่แท้งไปครั้งที่แล้ว ดวงตาของเธอก็แดงขึ้นมา

อันหรันก็ไม่สนเช่นกัน ถ้าเขาไม่สนใจเธอ เธอจะไปสนใจเขาทำไม เธอสามารถใช้ชีวิตคนเดียวอย่างมีความสุขได้

ปากีสถานเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันเก่าแก่และมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากมายในเมืองหลวง

ภายใต้การดูแลของบอดี้การ์ดกว่าสิบคน สามารถแหวกทางให้เธอเดินได้อย่างสบาย

บ่ายวันนั้นเมื่อเธอออกมาจากวัด Guhua เธอก็เห็นตลาดใหญ่ที่อยู่ตรงข้าม

อาหารอิสลามพอกินไปแรกๆก็ยังพอไหว แต่เมื่อกินเข้าไปสักพัก อันหรันก็นึกถึงรสชาติของอาหารจีน

เธอเดินเข้าไปที่ร้านสะดวกซื้อ เธอซื้อผักผลไม้และเนื้อปลาออกมาจำนวนหนึ่ง และเตรียมตัวที่จะกลับโรงแรม

แต่เมื่อเธอเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อ เธอก็เห็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่อายุประมาณสามถึงสี่ขวบยืนร้องไห้อยู่ข้างถนน

เศรษฐกิจของปากีสถานไม่ค่อยมันคง มันจะเกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้นบ่อยๆ ทุกคนจึงเดินผ่านกันโดยไม่สนใจเพราะคิดมานี่มันเป็นเรื่องปกติ

แต่อันหรันหยุดเดิน เมื่อมองเห็นเด็กหญิงคนนั้น เธอก็คิดถึงลั่นลานขึ้นมา

อันหรันถอนหายใจ และเดินเข้าไปหาเด็กที่สภาพมอมแมมคนนั้น จากนั้นคุกเข่าและเช็ดน้ำตาให้เธอพร้อมกับพูดออกมาว่า “หนูน้อย พ่อแม่ของหนูไปไหนหละ?”

เด็กหญิงหยุดร้อง เธอมองมาที่อันหรัน ราวกับว่าเธอสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง

ผ่านไปประมาณหนึ่งนาที จู่ๆเธอก็เข้ามากอดอันหรัน และร้องไห้ออกมาอีกครั้งพร้อมตะโกนออกมาว่าแม่

อันหรันตะลึง แม่?

เธอไปมีลูกที่โตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

แต่เธอก็รู้ดีว่าเด็กคนนี้คงรู้สึกไม่ปลอดภัย ที่เธอทำแบบนี้เพราะต้องการหาคนดูแล

เธอกอดเด็กหญิงคนนั้นเบาๆ ลูบหลังของเด็กหญิงเบาๆพร้อมพูดว่า “หนูน้อย บอกป้ามาหน่อย พ่อแม่ของหนูไปไหน?”

เนื่องจากเด็กหญิงร้องไห้ออกมาดังมาก จึงทำให้เป็นจุดสังเกตของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา

อันหรันนั้นฟังภาษาอิสลามไม่ออก

แต่ว่าภาษาจีนและภาษาอังกฤษนั้นเธอฟังเข้าใจ

“ดูแล้วน่าจะเป็นมีอะไรไม่ชอบมาพากลอีกแล้วหละ เธอคงไม่ต้องการเด็กคนนี้แล้วเลยเอาเด็กคนนี้มาทิ้งไว้ข้างถนน”

“ฉันว่าไม่ใช่ เธอดูสิรอบกายของเธอมีบอดี้การ์ดเต็มเลย”

“ทำไมจะไม่ใช่ ต้องไปเจอนักธุรกิจคนใหม่แน่เลย แต่เด็กคนนี้ดันตามหาเจอก็เลย......”

ความคิดของผู้คน มักจะไม่มีทีสิ้นสุด

อันหรันฟังคำนินทาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าสมเพช

เธอเก็บเด็กได้?

“แม่จ๋า ต่อไปนี้หนูจะเป็นเด็กดีค่ะ จะฟังที่แม่พูดทุกอย่างเลย อย่าทิ้งหนูไปเลยนะ......”

เด็กคนนี้ร้องไห้ออกมา อันหรันก็ลำบากใจ ความรู้สึกของเธอถูกทำให้คล้อยตามโดยเด็กคนนี้แล้ว

เด็กคนนี้ น่าสงสารจริงๆ

เธอมองออกว่าเสื้อผ้าที่เด็กคนนี้ใส่นั้นมีราคา แต่ว่าเต็มไปด้วยฝุ่น น่าจะเป็นเด็กที่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย แต่เธอยังหาพ่อแม่ของเด็กไม่เจอ ดังนั้นจึงได้แต่เดินไปรอบๆ

เมื่อบอดี้การ์ดเห็นว่าคนเริ่มเยอะขึ้นจึงเดินเข้ามาหาอันหรันแล้วพูดว่า “คุณนายครับ ให้พวกเราจัดการกับเด็กคนนี้ให้ไหมครับ? ตอนนี้คนก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เกรงว่าอาจจะดู....”

อันหรันมองไปที่เด็กหญิง เธอรู้ดีว่าตอนนี้เธออยู่ต่างประเทศ ยากจะที่พาเด็กคนนี้กลับไปด้วย

“ตัวน้อย เดี๋ยวป้าจะบอกตำรวจให้ ให้พวกเขาช่วยหนูตามหาพ่อแม่ดีไหม?”

พูดจบ อันหรันก็ลุกขึ้นเพื่อโทรศัพท์

เด็กหญิงคิดว่าอันหรันจะเดินจากไป เธอจึงกระโดดเข้ามากอดขาอันหรันอย่างแน่น เหมือนกับโคอาล่าที่อยากจะปีนขึ้นไปบนต้นไม้

อันหรันไม่รู้ว่าเธอควรทำอย่างไร เธอโทรหาสำนักรักษาความปลอดภัยสาธารณะในพื้นที่นี้

แต่เธอฟังภาษาอิสลามไม่ออก จึงทำได้แค่ยื่นโทรศัพท์ให้กับบอดี้การ์ด

แต่เมื่อคนรับโทรศัพท์ได้ยินว่ามีเด็กที่พลัดหลงกับพ่อแม่ เขาจึงบอกให้บอดี้การ์ดโทรไปหาองค์กรสวัสดิภาพเด็กโดยตรง

แต่เมื่อโทรไปหาองค์กรสวัสดิภาพเด็กพวกเขากลับบอกว่าเรื่องนี้ควรโทรไปหาสำนักรักษาความปลอดภัยสาธารณะ....

ทั้งสองทางเกี่ยงกันรับผิดชอบเด็กคนนี้

อันหรันทำอะไรไม่ถูก เธอชอบสาวน้อยคนนี้มาก

เธอน่ารักมากๆ แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อแม่ของเธอไปอยู่ที่ไหน

พูดตามเหตุผล พวกเธออยู่ที่นี่มานานขนาดนี้แล้ว ถ้าเด็กคนนี้หายไป พ่อแม่ของเธอจะต้องมาตามหาแน่ๆ

ยิ่งนานคนยิ่งเยอะขึ้น อันหรันทำได้แค่พาเด็กคนนี้กลับมาที่โรงแรมด้วย

หลังจากที่พาเด็กหญิงไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ เธอดูเหมือนตุ๊กตาน่ารัก หลังจากที่ได้กินจนอิ่มเธอก็กระโดดเล่นไปมาให้ห้อง

อันหรันเห็นเธอกระโดดวุ่นวายไปทั่ว จึงเรียกเธอกลับมานั่งข้างๆเธอ เด็กหญิงนอนหนุนไปที่ตักของอันหรัน ท่าทางของเธอทำให้อันหรันนึกถึงลั่นลานที่จากกันมานาน

ดวงตาของเธอแดงขึ้น และน้ำตาก็หลงออกมาโดยไม่รู้ตัว

“แม่จ๋า แม่อย่าร้องไห้!” น้ำตาของอันหรันร่วงลงบนใบหน้าของเด็กคนนั้น ทำให้เธอแหงนหน้าขึ้นมาแล้วพูด

อันหรันเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา และยื่นแขนออกมาลูบที่ใบหน้าของเด็กคนนี้พร้อมกับพูดว่า “ไม่ได้ร้องสักหน่อย ฝนตกต่างหาก!”

เมื่อฮั่วเทียนหลันได้รับการรายงานจากบอดี้การ์ด เขาก็รีบกลับมาที่โรงแรมทันที

ทำไมผู้หญิงคนนี้ วันๆเอาแต่สร้างปัญหาให้เขากันนะ

ต้องดวงดีขนาดไหนเนี่ย ถึงจะเก็บเด็กมาได้

ในห้องนั่งเล่น เด็กหญิงนอนหนุนตักของอันหรันและแหงนหน้าขึ้นไปมองฮั่วเทียนหลัน

“หนู ไหนบอกมาสิ บ้านหนูอยู่ที่ไหน?”

เด็กหญิงเงียบ

“พ่อของหนูหน้าตาเป็นอย่างไร เขาทำอาชีพอะไร?”

เด็กหญิงยังคงเงียบต่อไป

“ปีนี้หนูอายุเท่าไหร่?”

เด็กหญิงมองมาที่ฮั่วเทียนหลัน ริมฝีปากค่อยๆโค้งงอจากนั้นก็ร้องไห้ออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง