ฮั่วเทียนหลันตอบอืม เห็นหยางหยวนเป็นคนเริ่มพูดขึ้นเอง ฮั่วเทียนก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงจึงเอ่ยขึ้น:“ครั้งนี้ที่ฉันมาเป็นเพราะอยากมาบอกเรื่องของหยางเฟยให้ลุงหยางรู้ ถึงแม้เธอจะไม่ได้เป็นคนของบ้านฮัว แต่ก่อนหน้านี้หยางเฟยและคนของบ้านฮัวหลี่ฉวนไห่ ทั้งสองได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม เพียงแต่ในด้านธุรกิจความสัมพันธ์ก็ดีเช่นกัน หยางเฟยก็ยังโสด หลี่ฉวนไห่ก็มีความชอบพอกับหยางเฟย ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้……”
ฮั่วเทียนหลันพูดถึงตรงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ฐานะของหลี่ฉวนไห่จะว่าสูงก็ไม่สูงจะว่าต่ำก็ไม่ต่ำ
จะว่าสูง ก็เป็นเพราะว่าเขาเป็นคนของครอบครัวหลี่ เป็นหลานชายของหลี่รูยา
จะว่า ไม่สูงก็เพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือดของเขาได้ห่างไปหลายรุ่นแล้ว และไม่ใช่หลานชายโดยตรง
แต่เขามีสามารถในการทำงานที่ดีเยี่ยมและซื่อสัตย์ต่อบ้านฮัวเสมอมา ดังนั้นฮั่วเทียนหลันก็ค่อนข้างจะถูกใจเขาเช่นกัน
เพียงแต่ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ ถ้าพูดว่าไม่มีมันก็ไม่มีเลย
หยางหยวนครุ่นคิดสักครู่ ก่อนเอ่ย:“ถึงเรื่องนี้คุณจะไม่ได้เป็นคนเริ่มพูดก่อน วันอื่นผมก็ต้องคุยเรื่องนี้กับคุณอยู่ดี เรื่องที่คุณพูดมาผมก็ตรวจสอบหมดแล้วและมันก็เป็นไปตามความจริง ไม่ว่าจะพูดในมุมไหนการตายของหยางเฟยก็ไม่น่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับหลี่ฉวนไห่ แต่มีสุภาษิตอยู่ประโยคนึงว่าลูกศรอยู่บนเส้นธนู ยังไงก็ต้องยิงออก อุปมาว่าเมื่อสถานการณ์ถึงขึ้นถูกบีบบังคับ ก็จะต้องคิดทำอะไรสักอย่างแล้ว ครอบครัวหยางจึงต้องแสดงทัศนคติ แต่ทว่าทัศนคตินี้นำความกดดันมาให้กับครอบครัวฮัวล่ะก็ ผมก็ต้องขอโทษกับคุณด้วยครับ!”
หยางเฟยและหลี่ฉวนไห่เขาทั้งสองต่างถูกใจกัน เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความลับของAnengและครอบครัวฮัว
ดอร่าแห่งบ้านDallas กลับแสดงบทบาทตัวร้ายอยู่ข้างใน ดังนั้นยิ่งทำให้เรื่องที่มันมีความซับซ้อนอยู่แล้วกลับกลายเป็นเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงอีรุงตุงนังเข้าไปอีก
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทั้งสามคนรู้ดี ทั้งสามคนบางทีความสัมพันธ์ส่วนตัวอาจจะยุ่งเหยิง แต่ในวิกฤตนี้ทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์
คนที่อยู่เบื้องหลัง ก็กำลังเล่นหมากในเกมนี้
หมากนี้ถ้าพูดอย่างจริงจังมันได้เกินขอบเขตของปากีสถานไปแล้ว
ทัศนคติของหยางหยวน ไม่ว่าจะอายุที่อาวุโสกว่าหรือจะเป็นตำแหน่งก็เพียงพอที่รักษาหน้าหน้าให้กับฮั่วเทียนหลันได้เป็นอย่างดี
ฮั่วเทียนหลันยกมือทั้งสองข้างประสานกันเพื่อคำนับแล้วเอ่ยขึ้น:“ลุงหยางพูดติดตลกไปแล้ว ไม่ใช่ตระกูลเดียวกัน จิตใจก็ย่อมต่างกัน คิดว่าไม่กี่ปีนี้การพัฒนาอันเฟื่องฟูของAnengและครอบครัวฮัวนั้น ได้ทำให้บางคนอิจฉาตาร้อน กับดักที่พวกเขาทำในครั้งนี้ดูเหมือนจะไร้รอยต่อ แต่ความจริงแล้วในสายตาของเราทุกคนก็เห็นช่องโหว่อยู่ทุกหนทุกแห่ง ถึงแม้โครงการจะระงับไปแล้ว แต่ความเสียหายที่สูญเสียในทุกวันก็ยังไม่ถึงขั้นที่บาดเจ็บร้ายแรง ในเมื่อได้ฟังลุงหยางแล้วงั้นผมก็จะปล่อยมันไป!”
หยางหยวนยื่นมาจับมือกับฮั่วเทียนหลัน ก่อนเอ่ย:“คนรุ่นใหม่ย่อมมีพลังไม่แพ้คนรุ่นเก่า และมีโอกาสในการพัฒนาก้าวหน้าอย่างกว้างขวางอีกด้วย”
ในช่วงบ่ายที่ไม่มีอะไรทำ อันหรันนั่งเหมออยู่ในห้องและมักจะนึกถึงชิงหรงวิญญาณแปลกประหลาด
เธอหาร้านหนังสือที่อยู่แถวๆนี้เพื่อที่จะไปดูหนังสือ
หนังสือของปากีสถาน เนื้อหาที่บันทึกแบ่งเป็นภาษาอังกฤษและภาษาอิสลาม
อันหรันอ่านภาษาอิสลามไม่รู้เรื่อง เธอจึงเปิดไปหน้าที่เป็นภาษาอังกฤษแทน อ่านหนังสือภาษาอังกฤษกับอ่านหนังสือภาษาจีนก็เหมือนไม่มีอะไรแต่กต่างกันสักเท่าไหร่ แบบนี้ค่อยไม่มีความกดดันหน่อย
เธอกำลังอ่านหนังสือ จู่ๆโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
ในร้านหนังสืออันเงียบสงัด ทุกคนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วหันมามองที่อันหรัน
หน้าของอันหรับแดงลงไปจนถึงลำคอ เธอรีบควักโทรศัพท์มือถือออกมาปิดเสียง
เธอวางหนังสือลง เดินออกจากร้าน แล้วโทรกลับเบอร์นั้น
“ป้าจาง โทรมาหาหนูมีอะไรหรือเปล่าคะ”
โทรติดปุ๊บ อันหรันก็เอ่ยขึ้น
ถ้าเป็นเบอร์โทรแปลกเธอก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว
แต่เบอร์นี้เมมไว้ว่าเบอร์ของจางหยา ซึ่งเป็นแม่แท้ๆของอันห่าว
อันหรันไม่สามารถทำเหมือนอันห่าวจากไปแล้วทุกคนก็ตัดความสัมพันธ์กันได้
จางหยาโทรมาหาเธอแบบนี้จะต้องมีเรื่องอย่างแน่นอน
ในสายได้ส่งถ่ายเสียงร้องไห้ของจางหยาออกมา
อันหรันได้ยินดังนั้นคิ้วก็เริ่มขมวดขึ้น หลังจากที่เธอฟังจางหยาพูดจนจบจึงเอ่ยขึ้น:“ป้าจาง อย่าเพิ่งกังวล เดี๋ยวหนูจะติดต่อคุณชายฮั่วให้ เผื่อเขาจะช่วยอะไรได้บ้าง ”
“ขอร้องล่ะ หรันหรัน มีแค่หนูเท่านั้นที่ช่วยป้าได้ !” จางหยาร้องไห้จนเสียงแหบแห้งและไม่ใช่เรื่องที่อันหรันฟังแล้วจะรู้สึกดี
ลูกชายก็ตาย สามีก็หายสาบสูญ แบบนี้เหมือนกับตีเขาจนกระดูกสันหลังหักเสียจริงเลย และยังตัดความหวังในการมีชีวิตอยู่ต่อไปของเขาอีก
หลังจากอันหรันพูดปลอบใจเสร็จ วางสายแล้วโทรไปหาฮั่วเทียนหลันต่อ
“คุณฮั่ว คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม”อันหรันถามอย่างไม่อ้อมค้อม
ฝั่งของฮั่วเทียวหลันค่อนข้างเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว ท่ามกลางความคลุมเครืออันหรันยังได้ยินเสียงเพลง
“มีเรื่องอะไรบอกกับโจวหยวนไว้ก็ได้” ฮั่วเทียนหลันเอ่ย
อันหรันกำลังจะพูด ก็ได้ยินเสียงวางของสายของอีกฝั่งหนึ่ง...ตู๊ด ตู๊ด
เธอลังเลอยู่สักพัก แต่ก็ไม่ได้โทรหาโจวหยวน
เธอโทรไปอีกเบอร์หนึ่ง หลังจากโทรติดจึงเอ่ยขึ้น:“เส้าซู่ ฉันมีผู้ใหญ่คนหนึ่งหายตัวไป เธอสามารถช่วยฉันตามหาคนหายได้ไหม”
เมื่อสักครู่ฮัวเส้าซู่เพิ่งเสร็จสิ้นการตรวจสอบโครงการที่ไหนสักแห่ง ขับรถบนทางขรุขระอีกนิดนึงจะทำให้ข้าวกลางวันของเขาออกมาแล้ว
“ใครกัน พี่สะใภ้”
สำหรับคำขอร้องของอันหรัน แน่นอนฮัวเส้าซู่จะไม่ปฏิเสธ ในใจเขาถึงแม้ว่าพี่สะใภ้คนนี้จะเคยมีประวัติต้องโทษ แต่ทว่าอยู่ด้วยกันมานานเธอก็เป็นคนดีคนหนึ่งเช่นกัน
“เดลลา เรแกน เป็นพ่อของเพื่อนสนิทพี่” อันหรันเอ่ย
เดลลา .…..ฮัวเส้าซู่นึกถึงบทบาทของตระกูลเดลลาในเหตุการณ์ครั้งนี้ อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล
เขาพูด:“พี่สะใภ้ พี่ต้องตามหาให้เจอใช่ไหม ต้องการพาเค้าออกมาด้วยใช่ไหม”
อืม อันหรันตอบกลับด้วยน้ำเสียงขอร้อง เอ่ย:“แต่ว่าเรื่องนี้ อย่าให้พี่ชายของเธอรู้ได้ไหม ”
ต้องปิดบังพี่ชายงั้นหรอ?
ทันใดนั้นฮัวเส้าซู่รู้สึกหลังของเขาเย็นวูบวาบ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างจำใจต้องทำ:“โอเค เรื่องนี้ผมจะพยายามนะ พี่สะใภ้ ถ้ามีเรื่องอะไรที่จัดการไม่ได้ ผมจะแจ้งพี่ไป”
เกิดเรื่องนี้ขึ้น อันหรันก็ไม่มีกระจิตกระใจอ่ายหนังสือต่อแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง