โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 271

ฮั่วเทียนหลันตอบอืม เห็นหยางหยวนเป็นคนเริ่มพูดขึ้นเอง ฮั่วเทียนก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงจึงเอ่ยขึ้น:“ครั้งนี้ที่ฉันมาเป็นเพราะอยากมาบอกเรื่องของหยางเฟยให้ลุงหยางรู้ ถึงแม้เธอจะไม่ได้เป็นคนของบ้านฮัว แต่ก่อนหน้านี้หยางเฟยและคนของบ้านฮัวหลี่ฉวนไห่ ทั้งสองได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม เพียงแต่ในด้านธุรกิจความสัมพันธ์ก็ดีเช่นกัน หยางเฟยก็ยังโสด หลี่ฉวนไห่ก็มีความชอบพอกับหยางเฟย ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้……”

ฮั่วเทียนหลันพูดถึงตรงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

ฐานะของหลี่ฉวนไห่จะว่าสูงก็ไม่สูงจะว่าต่ำก็ไม่ต่ำ

จะว่าสูง ก็เป็นเพราะว่าเขาเป็นคนของครอบครัวหลี่ เป็นหลานชายของหลี่รูยา

จะว่า ไม่สูงก็เพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือดของเขาได้ห่างไปหลายรุ่นแล้ว และไม่ใช่หลานชายโดยตรง

แต่เขามีสามารถในการทำงานที่ดีเยี่ยมและซื่อสัตย์ต่อบ้านฮัวเสมอมา ดังนั้นฮั่วเทียนหลันก็ค่อนข้างจะถูกใจเขาเช่นกัน

เพียงแต่ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ ถ้าพูดว่าไม่มีมันก็ไม่มีเลย

หยางหยวนครุ่นคิดสักครู่ ก่อนเอ่ย:“ถึงเรื่องนี้คุณจะไม่ได้เป็นคนเริ่มพูดก่อน วันอื่นผมก็ต้องคุยเรื่องนี้กับคุณอยู่ดี เรื่องที่คุณพูดมาผมก็ตรวจสอบหมดแล้วและมันก็เป็นไปตามความจริง ไม่ว่าจะพูดในมุมไหนการตายของหยางเฟยก็ไม่น่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับหลี่ฉวนไห่ แต่มีสุภาษิตอยู่ประโยคนึงว่าลูกศรอยู่บนเส้นธนู ยังไงก็ต้องยิงออก อุปมาว่าเมื่อสถานการณ์ถึงขึ้นถูกบีบบังคับ ก็จะต้องคิดทำอะไรสักอย่างแล้ว ครอบครัวหยางจึงต้องแสดงทัศนคติ แต่ทว่าทัศนคตินี้นำความกดดันมาให้กับครอบครัวฮัวล่ะก็ ผมก็ต้องขอโทษกับคุณด้วยครับ!”

หยางเฟยและหลี่ฉวนไห่เขาทั้งสองต่างถูกใจกัน เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความลับของAnengและครอบครัวฮัว

ดอร่าแห่งบ้านDallas กลับแสดงบทบาทตัวร้ายอยู่ข้างใน ดังนั้นยิ่งทำให้เรื่องที่มันมีความซับซ้อนอยู่แล้วกลับกลายเป็นเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงอีรุงตุงนังเข้าไปอีก

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทั้งสามคนรู้ดี ทั้งสามคนบางทีความสัมพันธ์ส่วนตัวอาจจะยุ่งเหยิง แต่ในวิกฤตนี้ทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์

คนที่อยู่เบื้องหลัง ก็กำลังเล่นหมากในเกมนี้

หมากนี้ถ้าพูดอย่างจริงจังมันได้เกินขอบเขตของปากีสถานไปแล้ว

ทัศนคติของหยางหยวน ไม่ว่าจะอายุที่อาวุโสกว่าหรือจะเป็นตำแหน่งก็เพียงพอที่รักษาหน้าหน้าให้กับฮั่วเทียนหลันได้เป็นอย่างดี

ฮั่วเทียนหลันยกมือทั้งสองข้างประสานกันเพื่อคำนับแล้วเอ่ยขึ้น:“ลุงหยางพูดติดตลกไปแล้ว ไม่ใช่ตระกูลเดียวกัน จิตใจก็ย่อมต่างกัน คิดว่าไม่กี่ปีนี้การพัฒนาอันเฟื่องฟูของAnengและครอบครัวฮัวนั้น ได้ทำให้บางคนอิจฉาตาร้อน กับดักที่พวกเขาทำในครั้งนี้ดูเหมือนจะไร้รอยต่อ แต่ความจริงแล้วในสายตาของเราทุกคนก็เห็นช่องโหว่อยู่ทุกหนทุกแห่ง ถึงแม้โครงการจะระงับไปแล้ว แต่ความเสียหายที่สูญเสียในทุกวันก็ยังไม่ถึงขั้นที่บาดเจ็บร้ายแรง ในเมื่อได้ฟังลุงหยางแล้วงั้นผมก็จะปล่อยมันไป!”

หยางหยวนยื่นมาจับมือกับฮั่วเทียนหลัน ก่อนเอ่ย:“คนรุ่นใหม่ย่อมมีพลังไม่แพ้คนรุ่นเก่า และมีโอกาสในการพัฒนาก้าวหน้าอย่างกว้างขวางอีกด้วย”

ในช่วงบ่ายที่ไม่มีอะไรทำ อันหรันนั่งเหมออยู่ในห้องและมักจะนึกถึงชิงหรงวิญญาณแปลกประหลาด

เธอหาร้านหนังสือที่อยู่แถวๆนี้เพื่อที่จะไปดูหนังสือ

หนังสือของปากีสถาน เนื้อหาที่บันทึกแบ่งเป็นภาษาอังกฤษและภาษาอิสลาม

อันหรันอ่านภาษาอิสลามไม่รู้เรื่อง เธอจึงเปิดไปหน้าที่เป็นภาษาอังกฤษแทน อ่านหนังสือภาษาอังกฤษกับอ่านหนังสือภาษาจีนก็เหมือนไม่มีอะไรแต่กต่างกันสักเท่าไหร่ แบบนี้ค่อยไม่มีความกดดันหน่อย

เธอกำลังอ่านหนังสือ จู่ๆโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

ในร้านหนังสืออันเงียบสงัด ทุกคนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วหันมามองที่อันหรัน

หน้าของอันหรับแดงลงไปจนถึงลำคอ เธอรีบควักโทรศัพท์มือถือออกมาปิดเสียง

เธอวางหนังสือลง เดินออกจากร้าน แล้วโทรกลับเบอร์นั้น

“ป้าจาง โทรมาหาหนูมีอะไรหรือเปล่าคะ”

โทรติดปุ๊บ อันหรันก็เอ่ยขึ้น

ถ้าเป็นเบอร์โทรแปลกเธอก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว

แต่เบอร์นี้เมมไว้ว่าเบอร์ของจางหยา ซึ่งเป็นแม่แท้ๆของอันห่าว

อันหรันไม่สามารถทำเหมือนอันห่าวจากไปแล้วทุกคนก็ตัดความสัมพันธ์กันได้

จางหยาโทรมาหาเธอแบบนี้จะต้องมีเรื่องอย่างแน่นอน

ในสายได้ส่งถ่ายเสียงร้องไห้ของจางหยาออกมา

อันหรันได้ยินดังนั้นคิ้วก็เริ่มขมวดขึ้น หลังจากที่เธอฟังจางหยาพูดจนจบจึงเอ่ยขึ้น:“ป้าจาง อย่าเพิ่งกังวล เดี๋ยวหนูจะติดต่อคุณชายฮั่วให้ เผื่อเขาจะช่วยอะไรได้บ้าง ”

“ขอร้องล่ะ หรันหรัน มีแค่หนูเท่านั้นที่ช่วยป้าได้ !” จางหยาร้องไห้จนเสียงแหบแห้งและไม่ใช่เรื่องที่อันหรันฟังแล้วจะรู้สึกดี

ลูกชายก็ตาย สามีก็หายสาบสูญ แบบนี้เหมือนกับตีเขาจนกระดูกสันหลังหักเสียจริงเลย และยังตัดความหวังในการมีชีวิตอยู่ต่อไปของเขาอีก

หลังจากอันหรันพูดปลอบใจเสร็จ วางสายแล้วโทรไปหาฮั่วเทียนหลันต่อ

“คุณฮั่ว คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม”อันหรันถามอย่างไม่อ้อมค้อม

ฝั่งของฮั่วเทียวหลันค่อนข้างเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว ท่ามกลางความคลุมเครืออันหรันยังได้ยินเสียงเพลง

“มีเรื่องอะไรบอกกับโจวหยวนไว้ก็ได้” ฮั่วเทียนหลันเอ่ย

อันหรันกำลังจะพูด ก็ได้ยินเสียงวางของสายของอีกฝั่งหนึ่ง...ตู๊ด ตู๊ด

เธอลังเลอยู่สักพัก แต่ก็ไม่ได้โทรหาโจวหยวน

เธอโทรไปอีกเบอร์หนึ่ง หลังจากโทรติดจึงเอ่ยขึ้น:“เส้าซู่ ฉันมีผู้ใหญ่คนหนึ่งหายตัวไป เธอสามารถช่วยฉันตามหาคนหายได้ไหม”

เมื่อสักครู่ฮัวเส้าซู่เพิ่งเสร็จสิ้นการตรวจสอบโครงการที่ไหนสักแห่ง ขับรถบนทางขรุขระอีกนิดนึงจะทำให้ข้าวกลางวันของเขาออกมาแล้ว

“ใครกัน พี่สะใภ้”

สำหรับคำขอร้องของอันหรัน แน่นอนฮัวเส้าซู่จะไม่ปฏิเสธ ในใจเขาถึงแม้ว่าพี่สะใภ้คนนี้จะเคยมีประวัติต้องโทษ แต่ทว่าอยู่ด้วยกันมานานเธอก็เป็นคนดีคนหนึ่งเช่นกัน

“เดลลา เรแกน เป็นพ่อของเพื่อนสนิทพี่” อันหรันเอ่ย

เดลลา .…..ฮัวเส้าซู่นึกถึงบทบาทของตระกูลเดลลาในเหตุการณ์ครั้งนี้ อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล

เขาพูด:“พี่สะใภ้ พี่ต้องตามหาให้เจอใช่ไหม ต้องการพาเค้าออกมาด้วยใช่ไหม”

อืม อันหรันตอบกลับด้วยน้ำเสียงขอร้อง เอ่ย:“แต่ว่าเรื่องนี้ อย่าให้พี่ชายของเธอรู้ได้ไหม ”

ต้องปิดบังพี่ชายงั้นหรอ?

ทันใดนั้นฮัวเส้าซู่รู้สึกหลังของเขาเย็นวูบวาบ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างจำใจต้องทำ:“โอเค เรื่องนี้ผมจะพยายามนะ พี่สะใภ้ ถ้ามีเรื่องอะไรที่จัดการไม่ได้ ผมจะแจ้งพี่ไป”

เกิดเรื่องนี้ขึ้น อันหรันก็ไม่มีกระจิตกระใจอ่ายหนังสือต่อแล้ว

เธอกลับไปที่โรงแรม โทรไปหาจางหยา:“ป้าจาง หนูให้คนช่วยไปตามหาคุณลุงให้แล้วนะคะ แต่ว่าตอนนี้ป้าต้องเล่ารายละเอียดและต้องเชื่อถือได้ ก่อนหน้าคุณลุงทำอะไรมาบ้างคะ”

ไม่มีหลักฐานในการหายตัวไปและก็ไม่สามารถติดต่อได้ ปกติถ้าเป็นแบบนี้น่าจะถูกลักพาตัว

แต่ทำไมต้องถูกลักพาตัวไปล่ะ

อันหรันรู้ดีว่าจางหยาแต่งงานกับเรแกนเจ้าของสามบริษัทซึ่งเทียบกับครอบครัวฮัวไม่ได้อยู่แล้ว แต่ก็ยังดีกว่าครอบครัวอัน

ทิศทางของเงินทุนค่อนข้างจะดีมากมาตลอด และหุ้นก็ยังคงอยู่สูงอยู่ตลอดเช่นกัน

ดังนั้นถ้าหายไปเพราะเรื่องเงิน ไม่น่าจะเป็นไปได้

แล้วมันคืออะไรกัน คนทำผิดถูกลักพาตัวหรอ

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้างนั้นซับซ้อนเกินกว่าที่อันหรันจะคาดเดาได้

จางหยาคิดสักพักหนึ่ง ช่วงนี้สามีของเธอก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมาเป็นพิเศษ

แต่มีเพียงบางครั้งที่เขาอาจจะดูกังวลนิดหน่อย และยังมีบางครั้งที่จางหยาตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วพบว่าไฟในห้องหนังสือของสามียังคงสว่างไสว ราวกว่าเขากำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่

ไม่มีข้อมูลที่ได้รับจากคำบอกเล่าของจางหยาเลย อันหรันทำได้เพียงต้องหยุดมันก่อน

เธอเพิ่งจะวางสายได้สักครู่ ทันทีก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ถามเรแกนหายตัวไปนานเท่าไหร่แล้ว

แต่ว่าเมื่อโทรกลับไป ฝั่งของจางหยาก็สายไม่ว่างซะแล้ว

“ที่บ้านเกิดอะไรขึ้น” จางหรันเอ่ยถาม

จางหยาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยให้ลูกชายต้องเป็นกังวล เธอเอ่ยขึ้นอย่างเบาๆ:“หรัน ที่บ้านเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาอะไรเลย”

“จริงหรอแม่”จางหรันพูดจบ จางหยาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น…. ก๊อกๆ ก๊อกๆ

จางหยาลุกขึ้นเพื่อไปเปิดประตู หลังจากที่ส่องตาแมวประตู ก็รีบเปิดประตูออกทันทีอย่างไม่น่าเชื่อ

จางหรันรูปหล่อ ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าจางหยา

“ลูก กลับมาได้ยังไง” ภายใต้ความตื่นเต้นจางหยาพูดตะกุกตะกักเล็กน้อย

จางหรันขมวดคิ้ว แล้วสำรวจมองจางหยา หลายวันมานี้เธอต้องเครียดมากและผอมลงไปเยอะเลย

“เกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ทำไมแม่ถึงไม่บอกผมเลย”

ฟังจางหรันพูดจบ จางหยาฝืนยิ้มก่อนเอ่ย:“แม่กลัวว่าหลังจากที่ลูกโผล่มา จะมีคนสงสัยในตัวตนของลูก”

“ตัวตนงั้นหรอ ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือตามหาเรแกนกลับมาให้ได้ นี่คือสิ่งสำคัญต่างหากล่ะ!”

จางหรันอยู่ประเทศMมานานหลายปี ดูๆแล้วเรแกนก็ดีกับเขามาโดยตลอด

เพื่อเปลี่ยนแปลงเขา เรแกนถึงขนาดควักเงินทุนครึ่งหนึ่งของตัวเองให้จางหรันนำไปก่อตั้งหลายบริษัท ทำให้เขาเปลี่ยนเป็นเศรษฐีในที่สุด

รู้คุณและตอบแทนบุญคุณ นี่คือคติประจำใจของจางหรัน

“แม่ติดต่อไปหาอันหรันเรียบร้อยแล้ว” จางหยาเอ่ย

จางหรันกำลังจะก้าวเดินเข้าไปในบ้าน เขายื่นมืออันแข็งทื่อยันไว้กับประตูก่อนเอ่ย:“แม่ทักหาอันหรัน เธอจะมีทางช่วยได้งั้นเหรอ ไม่ใช่ว่าเธอก็ยังต้องพึ่งครอบครัวฮัวอยู่”

จางหยาจิบริมฝีปากของเธออย่างเงียบๆความคิดของเธอไม่ต้องพูดจางหรันก็รู้ดี

ความยิ่งใหญ่ของครอบครัวฮัว เมื่อต้องการที่จะตามหาใครสักคน มันช่างง่ายดายเสียจริงๆ

แต่ถ้าจางหรันทำแบบเดียวกันก็คงจะยาก

“ลุงเรแกนได้เข้าไปมีส่วนร่วมในความวุ่นวายของปากีสถานหรือเปล่า” จางหรันถามอย่างไม่อ้อมค้อม

จางหยาพาเขาเข้าไปในห้องหนังสือของเรแกน ชี้ไปที่เอกสารกระจัดกระจายบนโต๊ะและก่อนเอ่ยขึ้น:“เขามักจะจัดการสิ่งต่างๆในนี้ ตรงนี้อาจจะมีข้อมูลที่เธอต้องการ ลองหาดูสิ!”

จางหรันก้าวไปข้างหน้า แล้วก้มหน้าก้มตาพลิกอ่าน

ยิ่งดูมากเท่าไหร่ คิ้วของเขาก็เริ่มขมวดแน่นขึ้นเท่านั้น

ข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งที่บริษัทต้องดำเนินการ

แต่จางหรันกลับพบบางอย่างที่มีลับลมคมใน เขาสังเกตเห็นเรแกนได้บริจาคสิ่งของเป็นจำนวนมาก และทิศทางที่ส่งสิ่งของไปบริจาคนั้นก็เป็นต่างประเทศทั้งหมด

เขาจึงโทรออก:“ช่วยตรวจสอบใบสั่งซื้อสินค้าหมายเลข 5396 5785…….หน่อยครับ”

หลังจากได้รับคำตอบที่ถูกต้อง มือของจางหรันเริ่มแข็งขึ้นเล็กน้อย ข้อมูลต่างๆที่อยู่ในมือก็ค่อยๆหล่นลงไป

กลัวอะไรก็จะได้เจอแบบนั้นจริงๆเลย

จางหยาขอร้องให้อันหรันช่วยบางทีก็อาจจะถูกแล้ว

เพราะว่าสินค้าเหล่านั้นถูกส่งต่อกันไปในหลายประเทศ หลังจากเปลี่ยนชื่อไปในหลายบริษัท สุดท้ายทั้งหมดก็มาถึงรัฐปาจนได้

แต่ความวุ่นวายในรัฐปา ตระกูลเรแกนก็มีบทบาทที่สำคัญมากเช่นกัน

เรื่องที่ฮัวเส้าซู่จัดการให้ ก็ต้องขอร้องให้ช่วยเก็บไว้เป็นความลับ ลูกน้องของเขาจึงจัดการได้อย่างรวดเร็ว

แต่ตราบใดที่เกิดเรื่องอะไรกับครอบครัวฮัวขึ้น จะไม่มีความลับอีกต่อไป

ฮั่วเทียนหลันได้รับรายงานจากโจวหยวน:“ท่านประธานฮั่ว ซานเส้ากำลังสืบเรื่องของเดลลา เรแกน ต้องบอกเขาไหมครับ”

ความหมายของโจวหยวนคือต้องการให้ฮั่วเที่ยนหลันคุยกับฮัวเส้าซู่ไม่ให้เขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้พวกนี้

ฮั่วเทียนหลันกลับคิดอยู่นาน ครอบครัวเดลลาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฮัวเส้าซู่ ฮัวเส้าซู่ไม่มีทางเอาเวลาว่างไปสืบหาคนหาย

ดังนั้นเรื่องนี้น่าจะมีเรื่องที่เขาต้องไม่รู้แน่ๆ

เขาเคาะนิ้วเบาๆก่อนเอ่ยขึ้น:“ฉันรู้แล้ว อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น ไปตรวจสอบดูว่าช่วงไม่นานมานี้เขาติดต่อกับใครบ้าง ถ้ามีอะไรผิดปกติให้มาบอกกับฉัน ”

โจวหยวนตอบรับ ฮั่วเทียนหลันเอามือลูบหน้าผากไปมา สถานการณ์ในตอนนี้ก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งเขาเองก็ยังต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก

แห่ใหญ่ขนาดนี้ เวลาลากแห่ขึ้นมาคนที่เกี่ยวข้องก็ถูกโยงเข้ามาหมด ดังนั้นอย่าทำอะไรผิดพลาดเด็ดขาด!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง