โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 274

มิลเลอร์รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เขารู้ว่าฮั่วเทียนหลันนั้นยังคงไม่ลืมเรื่องราวในอดีต

แต่เรื่องนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาเลยด้วยซ้ำ และไม่ใช่คำสั่งของเขา

ในตอนนั้น Auch ยังเด็กเกินไปและยังถือดีอีกต่างหาก ในสายตาของมิลเลอร์และคนรุ่นเก่าคนอื่นนั้นต่างก็มองว่าวิกฤตธุรกิจนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อตระกูลฮัว ทั้งยังจะทำให้ตระกูลฮัวต้องเผชิญกับความทุกข์ยากมากยิ่งขึ้น

แต่ Auch กลับรู้สึกว่าตระกูลฮัวนั้นสิ้นหวังแล้ว

ดังนั้นเธอจึงทำเรื่องโง่ๆนี้เพียงคนเดียว

ต่อมาตระกูลฮัวนั้นกลับพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และอาศัยตลาดที่มีอำนาจอย่างประเทศจีนจึงทำใหเแซงหน้าตระกูล Dallas ไปได้อย่างรวดเร็ว

เดิมทีเขาวางแผนให้ Auch ใช้ความงามเข้าสู้เพื่อแก้ไขความสัมพันธ์ให้ดีดังเดิม

แต่ใครจะคิดว่าฮั่วเทียนหลันนั้นไปตกหลุมรักนักแสดงคนหนึ่ง หลังจากนั้นก็แต่งงานกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งอย่างตามอำเภอใจ

เรื่องบางเรื่องถ้าหากว่าพลาดไปแล้วก็คือพลาดไปแล้ว ไม่มีทางกลับไปแก้ไขได้

“Cage เองก็พูดถึงเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง ถ้าหากตอนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันก็คิดจะให้ลีร่าแต่งงานกับเขาเหมือนกัน” มิลเลอร์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

ฮัวเทียนหลันเงยหน้าขึ้นกวาดสายตามองมิลเลอร์อย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะเอ่ยขึ้น : "ผมตรวจสอบเรื่องของดอร่าอย่างละเอียดแล้วและได้ส่งข้อมูลทั้งหมดมาให้แล้ว ส่วนเรื่องนี้ผมจะทำการตรวจสอบให้ถึงที่สุด!"

มิลเลอร์โบกมือพลัน เขาพูดขึ้นเสียงเรียบ : "เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ไม่ต้องไปตามสืบสาวเอาความอะไรหรอก ทั้งหมดมันเป็นคำสั่งของดอร่า ฉันเองก็เคยเอ่ยห้ามไม่ให้เธอไปแล้ว"

ฮั่วเทียนหลันอืมตอบและไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

แม้จะมีหลักฐานมากมายว่าเบื้องหลังของมือมืดนั้นมีความเกี่ยวข้องกับตระกูล Dallas

แต่ฮั่วเทียนหลันก็ไม่ได้ตัดสินในทันที เขาตรวจสอบเพิ่มเติมมาสักระยะก่อนจะพบว่าการคาดการณ์นั้นไม่ถูกต้อง

แม้ว่าเงินทุนและทรัพยากรหลั่งไหลเข้ามายังครอบครัว Dallas ทั้งหมด

แต่เมื่อฮั่วเทียนหลันทำการตรวจสอบต่อไป ก็พบว่าของกลางทั้งหมดถูกแจกจ่ายผ่านเครือข่ายธุรกิจของตระกูล Dallas ไปยังพื้นที่ควบคุมขององค์กรทางศาสนา

และเมื่อมาถึงตรงนี้ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการตรวจสอบเรื่องนี้มากขึ้น

ดังนั้นฮั่วเทียนหลันจึงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อน

เมื่ออันหรันรู้สึกตัวขึ้นมาก็พบกับความมืดมิด

เธอรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก ขยับเพียงเล็กน้อยก็รู้สึกราวกับหัวของเธอจะระเบิดออกมา

เธอมองไปรอบๆ ก่อนจะพบแสงริบหรี่ที่เล็ดลอดเข้ามาผ่านช่องของหน้าต่างที่อยู่ไม่ไกลมากนัก

แต่ตำแหน่งของหน้าต่างนั้นค่อนข้างสูง วัดจากพื้นถึงด้านบนอย่างน้อยห้าหรือหกเมตรได้

เธอยกมือขึ้นกุมหัว ก่อนจะเอามือลงมาดูและพบว่ามันมีเลือดสีแดง

เมื่อสายตาปรับโฟกัสได้เธอก็ตกใจขึ้นมาทันที

ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นโกดังเก็บของ ข้างในมีของเก่าหลายประเภท ทั้งรูปปั้นพระพุทธรูปที่ดูน่ากลัว เครื่องปั้นดินเผาเก่า หรือแม้กระทั่งโลงศพสองสามโลงก็ถูกเก็บไว้ในนี้

อันหรันไม่ใช่คนที่กล้าหาญถึงเพียงนั้น หรือพูดง่ายๆว่าเธอค่อนข้างขี้กลัว

เธอมองหาประตูไปทั่วทุกที่อย่างรู้สึกหวาดกลัวและพบว่าประตูนั้นอยู่ด้านบน

เห็นได้ชัดเลยว่าที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่มีเอาไว้เก็บสมบัติ

ของทุกอย่างที่ถูกนำมาเก็บไว้ข้างในห้องนี้ต่างก็ถูกหย่อนลงมาจากทางด้านบนของห้อง

อุณหภูมิภายในห้องเย็นจนทำให้อันหรันตัวสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

เธอยืนพิงผนังด้านล่างของหน้าต่างที่มีแสงสว่างเพียงบานเดียว ก่อนจะตะโกนขึ้น : "ช่วยด้วยค่ะ มีใครอยู่ไหม"

อุณหภูมิของอากาศช่วงกลางวันและกลางคืนของปากีสถานนั้นมีความแตกต่างค่อนข้างมาก อย่างเช่นค่ำคืนนี้ที่มีอากาศหนาวเย็นเป็นอย่างมากจนสามารถทำให้แข็งตายได้

ยังดีที่อันหรันรู้สึกไม่สบายจึงสวมใส่เสื้อผ้าค่อนข้างหนาเพื่อมาร่วมงานเลี้ยง

แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังกลัวว่าอาจจะอยู่ไม่รอดตลอดทั้งคืน

เมื่อมองไปที่โลงศพสีฟ้าครามที่อยู่ไม่ไกล อันหรันก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงฉากของหนังลี้ลับที่เธอเคยดูมาก่อน

จนทำให้เธอกลัวจนแทบจะขาดใจตาย ก่อนจะพยายามปีนป่ายขึ้นไปตามผนังห้องและร้องขอความช่วยเหลือเสียงดัง

แต่เธอก็ไม่อาจปีนขึ้นไปได้และแม้ว่าจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือมากเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆกลับมา จนเสียงของเธอเริ่มแหบแห้งแต่ก็ยังไม่มีใครผ่านเข้ามาพบเลยสักคน

เธอยืนพิงผนังห้องอย่างรู้สึกหมดหวังเพราะรู้ว่าวันนี้เธอคงจะเจอกับความโชคร้ายเข้าให้แล้ว

อันหรันไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีคนวางยาสลบเธอและโยนเธอลงมาตรงนี้

เธอจำได้ลางๆว่าประตูห้องน้ำถูกเปิดออก

และคนที่เข้ามาในตอนนั้นต้องเป็นคนทำร้ายเธออย่างแน่นอน

เครื่องมือสื่อสารทั้งหมดบนตัวเธอก็ถูกริบไปจนหมด

แม้กระทั้งลูกอมผลไม้ที่เธอเตรียมมาด้วยสองสามเม็ดเพื่อบรรเทาอาการท้องไส้ปั่นป่วนของเธอยังถูกเก็บไปจนหมด

คนที่ลอบทำร้ายเธอนั้นคงหวังจะให้เธอนอนตายอยู่ตรงนี้เป็นแน่

และในตอนนี้แสงสุดท้ายที่มีอยู่ก็เริ่มมอดดับลงไปในที่สุด

ความมืดมิดภายในห้องทำให้อันหรันรู้สึกกลัวจนแทบบ้า

ร่างกายและจิตใจของเธอหนาวสั่นขึ้นมา

ความเหนื่อยและความง่วงกำลังเล่นงานเธอ

จากการดูหนังมาเยอะทำให้เธอรู้ว่านี่คือปฏิกิริยาของคนที่กำลังจะตาย

ในตอนนี้หัวใจของเธอเริ่มสงบลง

ไม่รู้ว่าตอนนี้ฮั่วเทียนหลันจะรู้หรือยังว่าเธอหายตัวไป

เขาจะตามหาเธอบ้างหรือเปล่า

เธอตายไปแล้ว เรื่องที่ว่าลั่นลานเป็นลูกสาวของเขานั้นก็คงจะกลายเป็นแค่หมอกควันไปในที่สุด

ไม่มีใครรู้ก็ดีเหมือนกัน ลั่นลานจะได้เติบโตขึ้นอย่างสุขภาพดีและมีความสุขโดยไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเงินทองพวกนั้น

หากเธอตายไปก็จะได้พบกับอันเฮารวมถึงพ่อแม่ของเธอด้วยไม่ใช่เหรอ...

ครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตากันคงจะมีความสุขมากไม่น้อย

แต่ได้ยินมาว่าเงินกระดาษถูกเผาส่งไปให้ผู้ล่วงลับมากจนเกินไป จนทำให้ตอนนี้เกิดภาวะเงินเฟ้อ กลัวจังเลยว่าถ้าหากตายไปแล้วจะไม่สามารถซื้อบ้านได้และกลัวว่าจะได้อยู่ในถิ่นทุรกันดาร!

แบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด อันหรันพยายามปลุกสติตัวเองขึ้นมา

เธอไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเธอที่นี่หรือเปล่า

จึงทำได้เพียงแค่วาดแบบบ้านบนพื้น พร้อมทั้งเขียนข้อความลงด้านล่าง : "เผามันให้ฉันด้วยนะ!"

"อะไรนะ" Auch แสดงความโมโหออกมา ก่อนจะตบหญิงสาวตรงหน้า

"แกบ้าไปแล้วเหรอ รู้หรือเปล่าว่าเธอเป็นใคร แกกล้าทำร้ายเธอได้ยังไง! พระเจ้า แกเตรียมรับหายนะได้เลย!" Auch มองไปที่หญิงสาวอย่างไม่พอใจถึงที่สุด

เธอบอกให้หล่อนออกหน้าให้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

เธอเกลียดอันหรันจนเข้ากระดูกดำ และถ้าหากเธอต้องการจัดการอันหรันล่ะก็คงลงมือทำไปตั้งนานแล้ว ไม่ต้องรอมาจนถึงตอนนี้หรอก

Elena มองพี่สาวรองอย่างไม่พอใจ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนทำผิดตรงไหน

ผู้หญิงคนนั้นเป็นคู่แข่งหลักของพี่สาวรอง และยังแย่งผู้ชายคนที่พี่สาวรองชอบไปด้วย

เธอแค่เอาคืนให้พี่สาวรองโดยการวางยาสลบและโยนร่างเข้าไปในห้องใต้ดินของคฤหาสน์เพียงเท่านั้น มันผิดด้วยเหรอ

อีกอย่างเธอก็โยนผ้าห่มนวมขาดๆลงไปให้ด้วย ถึงอย่างไรในคืนนี้ก็ไม่หนาวตายอยู่แล้ว

รอถึงพรุ่งนี้เช้าเธอก็จะพาคนไปลากผู้หญิงคนนั้นออกมาแล้วหาที่ปล่อยตัวเธอ

แต่เมื่อเธอมาขอความดีความชอบจากพี่สาวรอง พี่สาวรองกลับโมโหและลงมือทำร้ายเธอซะงั้น

"พี่สาวรอง พี่คิดมากเกินไปหรือเปล่า ผู้หญิงคนนี้หายตัวไปแค่คืนเดียว บางทีฮั่วเทียนหลันอาจจะไม่ตามหาเธอเลยด้วยซ้ำ จะกลัวอะไร" Elena พูดอย่างไม่พอใจ

Auch มอง Elena ที่กำลังทำหน้าไม่พอใจ พลันนึกถึงสิ่งที่พ่อของเธอเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้า

Elena เป็นแค่เด็กที่เอาแต่ใจ ทำอะไรไม่เคยนึกถึงผลลัพธ์ของมัน ในช่วงที่ฝึกประสบการณ์ให้เธอเกี่ยวกับงานของบริษัท จะต้องคอยดูแลเธอให้ดี

ตลอดระยะเวลาฝึกงาน Elena ก็ทำได้ดีมาตลอด Auch จึงค่อนข้างปล่อยตามสบาย

แต่ใครจะคิดว่าตอนที่เธอกำลังพูดคุยเกี่ยวกับสินค้าแบรนด์เนมกับภรรยาของเศรษฐีคนหนึ่งอยู่ Elena ก็เข้ามาดึงตัวเธอออกไปด้านข้าง จากนั้นบอกกับเธอว่าตนเองได้จัดการกับอันหรันให้แล้ว

ในตอนนี้ Auch สามารถจินตนาการออกเลยว่าถ้าฮั่วเทียนหลันรู้เข้าเขาจะโมโหมากแค่ไหน

แต่ตอนนี้อันหรันคงจะรู้สึกตัวแล้ว ถ้าหากไปช่วยเธอออกมาตอนนี้เธอต้องรู้แน่ว่าใครคือคนทำร้ายเธอ

หลุมใหญ่ขนาดนี้กลบยากแน่!

หลังจากฮั่วเทียนหลันพูดคุยเรื่องธุรกิจกับมิลเลอร์เสร็จแล้ว เขาจึงเดินออกมาก่อนจะพบกับ Auch

เธอทำท่าราวกับต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเขาแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา ฮั่วเทียนหลันยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย : "มีอะไรหรือเปล่า"

Auch อ้าปากขึ้น แต่สุดท้ายก็หลุบตาลงและพูดขึ้น : "ฉันก็แค่ อยากมองคุณให้นานกว่านี้!"

ฮั่วเทียนหลันรู้สึกสับสนข้างในใจ ก่อนจะกอดเธอเบาๆแล้วเอ่ยขึ้น : "Auch พวกเราต่างก็โตกันแล้ว เพราะฉะนั้นต่อไปอย่าพูดแบบนี้อีกเลย Cage เขาหวังดีกับเธอมากนะ หวังว่าเธอจะรักษาเขาไว้ให้ดีๆ”

พูดจบฮั่วเทียนหลันก็เดินผ่าน Auch ไปเตรียมจะลงไปที่ชั้นล่าง

Auch ขบฟันแน่น ก่อนจะตะโกนขึ้นเสียงดัง : "เทียนหลัน!"

"หืม?"

“ ฉัน ฉัน ... ฉันจะคิดถึงคุณเสมอ!”

เสียงของเธอจะบอกว่าดังก็ดังจะบอกว่าเบาก็เบา แต่มันกลับทำให้คนที่อยู่ด้านล่างบางคนได้ยินเข้าให้แล้ว

ฮั่วเทียนหลันสีหน้าเย็นชา ก่อนจะเอ่ย : "งั้นเธอคงต้องเสียใจแล้วล่ะ เพราะฉันคงไม่คิดถึงเธอแน่นอน!"

มองดูฮั่วเทียนหลันที่ค่อยๆเดินลับตาไป ใบหน้าของ Auch ก็เริ่มโศกเศร้าขึ้นมา แต่ความโศกเศร้านี้กลับเต็มไปด้วยความเกลียดชัง : "ฉันอุตส่าห์จะบอกคุณอยู่แล้ว แต่คุณกลับไม่สนใจฉันและทำให้ฉันเสียใจ เพราะฉะนั้นคุณต้องรับผิดชอบมัน... "

ฮั่วเทียนหลันกวาดสายตามองไปทั่วท่ามกลางฝูงชน แต่ก็ไร้วี่แววของอันหรัน

เขากดเบอร์โทรหาอันหรันแต่กลับปิดเครื่อง

ลางสังหรณ์ไม่ดีกำลังเกิดขึ้นในใจของฮั่วเทียนหลัน

เขาเหลือบมองไปที่ Auch ที่ยืนอยู่ชั้นบน ก่อนจะเดินขึ้นไปหาเธออย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งเอ่ยขึ้นอย่างเคร่งขรึม : "คนไปไหน"

เมื่อเห็นท่าทีขึงขังของฮั่วเทียนหลัน Auch ก็ใจสั่นขึ้นมาเล็กน้อย แต่ยังแสร้งทำหน้าเรียบตึง ก่อนจะเอ่ยขึ้น : "คนอะไร ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูด... "

"อย่ามาแกล้งโง่กับฉัน อันหรันอยู่ไหน เธอคงไม่หายไปกับอากาศหรอกมั้ง!" ฮั่วเทียนหลันเอ่ยขึ้นแกมบังคับขู่เข็ญให้เธอตอบ

แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ Auch ก็ยิ่งไม่ยอมพูดอะไรออกมา

เธอส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเอ่ย : "เมื่อกี้เธอยังอยู่ตรงมุมนั้นอยู่หนิ ขาก็ขาของเธอฉันจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเธอไปไหน"

ฮั่วเทียนหลันไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาต่อจากนั้น เขาจ้องมองไปที่ Auch ด้วยสายตาอาฆาตแค้นก่อนจะเดินออกไป

เขาเดินลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกดสายโทรออก ไม่นานบอดี้การ์ดนับสิบก็เดินเข้ามา

งานเลี้ยงเริ่มอลหม่านขึ้น Auch เดินลงมาชั้นล่าง พอถึงทางขึ้นบันไดก็ถูก Cage รั้งตัวเอาไว้

"อย่าพึงเข้าไป ตอนนี้เขากำลังโมโหมาก!"

Auch เหลือบมองไปที่ Cage ก่อนจะออกแรงสะบัดมือของเขาออกแล้วเอ่ยขึ้น : "อย่ายุ่งให้มากนัก!"

ดวงตา Cage ฉายแววเสียใจอยู่ครู่นึง ก่อนเขาจะถอนหายใจออกมาแล้วเอ่ยขึ้น : "Auch ทำไมเธอต้องทำแบบนี้ ฉันให้คุณพ่อมาคุยกับคุณลุงเรื่องงานแต่งของเราแล้ว อีกไม่นานก็ต้องอยู่ด้วยกัน!”

Auch นิ่งขึ้นมาทันที เธอมองไปที่ Cage อย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห : "Cage นายหมายความว่ายังไง เรื่องแบบนี้จะไม่ถามความคิดเห็นของฉันบ้างเลยหรือไง"

Cage ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขามองไปที่ Auch ที่กำลังจะเดินไปหาฮั่วเทียนหลันโดยที่มีเขาเคยขัดขวางเอาไว้ : "ถ้าฉันพูดกับเธอแล้วเธอจะยอมตกลงงั้นเหรอ"

ฮั่วเทียนหลันหาทั่วทุกมุมของห้องที่ใช้จัดเลี้ยงแต่ก็ไม่พบอันหรัน

มิลเลอร์เองก็ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาสั่งให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในคฤหาสน์ทันที

แต่วิดีโอที่บันทึกภาพนั้นมีบางช่วงเวลาที่ถูกลบทิ้งไป

นั่นยิ่งทำให้ฮั่วเทียนหลันมั่นใจว่าจะต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับอันหรันขึ้นแน่นอน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง