โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 313

ฮั่วเทียนหลันและหยางหยวนเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องความร่วมมือในการทำธุรกิจ แต่หยางหลิงรุ่ยนั้นฟังไม่ค่อยเข้าใจ เธอจึงเตรียมเดินออกจากห้องหนังสือ

แต่ทันทีที่เธอขยับเท้าพี่ชายใหญ่ก็เอ่ยขึ้น : "หลิงรุ่ย เดี๋ยวก่อน"

"หือ?" หยางหลิงรุ่ยมองหยางหยวนด้วยความประหลาดใจ เพราะเธอคิดว่าตนเองอยู่ในนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร

"แข้งขาของฉันไม่ค่อยมีแรง อีกสักหน่อยเธอเดินไปส่งนายน้อยฮั่วด้วยนะ!”

คำพูดของหยางหยวนทำให้ใบหน้าของหยางหลิงรุ่ยตึงขึ้นในทันที

แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจที่จะเดินไปส่งผู้ชายใจแคบและน่าเกลียดชังคนนี้ แต่เธอก็ต้องทำตามที่พี่ชายใหญ่สั่งอยู่ดี

จะให้พี่ชายใหญ่นั่งรถเข็นเพื่อไปส่งฮั่วเทียนหลันมันก็ยังไงอยู่

เป็นเวลานานพอสมควรที่ทั้งสองพูดคุยกัน หยางหลิงรุ่ยที่นั่งอยู่ด้านข้างเกือบจะหลับไปแล้วเมื่อต้องมานั่งฟังเรื่องน่าเบื่อเหล่านี้

เมื่อเห็นว่าคุยกันเสร็จแล้วเธอจึงรีบลุกขึ้นและพูดว่า : "เชิญค่ะ คุณชายฮั่ว"

หลังจากเดินออกจากคฤหาสน์ก็เห็นรถที่จอดอยู่ข้างนอกทันที

เมื่อฮั่วเทียนหลันเดินไปถึงรถ เขาก็ชะงักเท้าก่อนจะหันไปมองหยางหลิงรุ่ย

เมื่อสังเกตเห็นแววตาของชายคนนี้ หยางหลิงรุ่ยก็ยืนแน่นิ่งก่อนจะก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว : "คุณชายฮั่วมีอะไรหรือเปล่าคะ"

เธอเหลือบมองด้านหลังพบว่ามีบอดี้การ์ดสองคนกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ถึงได้รู้สึกวางใจขึ้นมา

หึ บ้านตนเองแท้ๆ เธอยังกลัวจะถูกเขารังแกอยู่อีกหรือ

ฮั่วเทียนหลันยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความเนื่อยหน่าย : "คุณหยางรู้ว่าผมอาศัยอยู่ที่ไหนไหมครับ"

อะไรกันเนี้ย หยางหลิงรุ่ยเริ่มรู้สึกว่ามันไร้สาระ ผู้ชายคนนี้สมองมีปัญหาหรือไง ทำไมเธอจะต้องรู้ด้วยว่าเขาพักอาศัยอยู่ที่ไหน

ขอร้องล่ะ เธอไม่อยากจะเสวนากับเขาจริงๆ สิ่งที่เขาทำกับเธอเมื่อวานนี้ยังคงตามหลอนอยู่เลย

"ไม่รู้ค่ะ และก็ไม่จำเป็นต้องรู้ด้วย"

"แต่คุณหยางบอกว่าจะทำชุดสูทเพื่อทดแทนชุดเดิมของผมที่มันเสียหายไม่ใช่เหรอ”

คำพูดของฮั่วเทียนหลันนั้นราวกับสายฟ้าฟาดลงมาข้างในหัวใจของหยางหลิงรุ่ย

ผู้ชายคนนี้เกินไปจริงๆ แทนที่จะเป็นคนมารับชุดเอง กลับจะให้เธอนำไปส่งให้ยังงั้นเหรอ

เธอเอ่ยตอบอย่างตัดรำคาญ : “โอเคๆๆ คุณชายฮั่วบอกที่อยู่มาเลยค่ะ ฉันจำได้ไม่ลืมแน่นอน”

หยางหลิงรุ่ยกำลังรอฟังที่อยู่ของฮั่วเทียนหลัน แต่ทันใดนั้นผู้ชายคนดังกล่าวก็ดึงประตูรถออกแล้วเดินขึ้นไปนั่งบนรถทันที ก่อนที่เขาจะปิดประตูลงเขาได้เอ่ยขึ้น

"ดูอารมณ์ของผมก่อนละกัน ผมกลัวว่าคุณหยางจะไม่มาส่งด้วยตัวเอง ... "

มองดูรถกำลังวิ่งออกไป หยางหลิงรุ่ยที่พึ่งได้สติก็กระทืบเท้าของตนเองด้วยความคับแค้น

ผู้ชายคนนี้กำลังปั่นหัวเธออยู่ชัดๆ

ฮั่วเทียนหลันเหลือบมองหยางหลิงรุ่ยที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นผ่านกระจกมองหลัง ก่อนใบหน้าจะรากฏรอยยิ้มขึ้นมา

ผู้หญิงคนนี้ลืมทุกสิ่งในอดีตไปแล้วอาจพูดได้ว่าเป็นเรื่องที่เลวร้าย แต่ก็พูดได้ว่าเป็นเรื่องที่ดียิ่งกว่าเช่นเดียวกัน

ความทรงจำในอดีตของเธอนั้นมันมืดมนเกินไป และตอนนี้เธอสามารถกลับมามีชีวิตที่มีความสุขได้เช่นนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่ดีมากเลยทีเดียว

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ฟังจากปากของหยางหยวนเกี่ยวกับตัวเธอ แต่เขาก็ยืนยันได้ว่าเธอคืออันหรันไม่ผิดแน่

เมื่อหยางหลิงรุ่ยกลับเข้าไปในคฤหาสน์และเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เธอก็เห็นหยางหยวนกำลังยันตัวลุกขึ้นจากรถเข็นอย่างยากลำบาก

เธอรีบก้าวเข้าไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วพยุงตัวพี่ชายใหญ่ไว้ ก่อนจะเอ่ยเชิงตำหนิ : "พี่ชายใหญ่ทำไมถึงลุกด้วยตัวเองเช่นนี้ ให้คนใช้มาช่วยพยุงสิคะ ถ้าหากล้มลงไปแล้วจะทำอย่างไร"

หยางหยวนยกยิ้มแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรกลับไป

ทุกวันเขาจะต้องลุกขึ้นจากรถเข็นเพื่อเดินสักหน่อย แม้ว่าผลสืบเนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปีนั้นจะเลวร้ายลงมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้นเขาก็ยิ่งต้องลุกขึ้นสู้ เพราะเขาไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ต่อโชคชะตาง่ายๆอยู่แล้ว

หยางหลิงรุ่ยพยุงเขาเดินออกมาจากตัวบ้านไปที่ศาลาในสวนด้านหลัง

หยางหยวนมองไปที่หมู่ดอกไม้นานาชนิดที่เพิ่งผลิบานตรงหน้า เมื่อสายลมพัดมาดอกไม้ก็พลิ้วไหวและส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่ว ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานหัวใจ

"หลิงรุ่ย เธอคิดว่าฮั่วเทียนหลันเป็นคนยังไงเหรอ"

หยางหลิงรุ่ยนิ่งงันอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ชายใหญ่ถึงได้เอ่ยถึงผู้ชายที่น่ารำคาญคนนั้น

เธอนึกถึงสิ่งที่ชายคนนั้นทำ ก่อนจะกัดฟันพูดขึ้น : "ฉันเกลียดผู้ชายคนนั้น ฉันไม่ชอบเขา!"

"ฮ่าฮ่า ... " หยางหยวนยิ้มให้คำตอบของน้องสาวซึ่งไม่ผิดจากที่เขาคาดไว้เลย

เธอสูญเสียความทรงจำไปแล้วและความทรงจำในอดีตนั้นไม่หลงเหลืออยู่เลยสักนิด

แต่ถึงอย่างนั้นก็ดี เรื่องรักๆใคร่ๆนี้เพิ่งจะเริ่มขึ้น มองดูท่าทีของเธอตอนนี้คงจะไม่ได้สังเกตเห็นว่าตนเองนั้นมีความรู้สึกดีๆเกิดขึ้นมากกว่าความรู้เกลียดเสียอีก

"พี่ชายใหญ่หัวเราะอะไร ฉันไม่ชอบผู้ชายคนนั้นจริงๆนะ" เมื่อเห็นท่าทางล้อเลียนของหยางหยวน หยางหลิงรุ่ยจึงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ

"เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่คิดว่าฐานะของเขาดูเหมาะสมกับเธอดี"

"อะไรนะ พี่ชายใหญ่อย่ามาล้อเล่นแบบนี้สิ! หัวใจของฉันไม่มีทางรับคนอย่างเขาแน่นอน!” หยางหลิงรุ่ยพูดปฏิเสธขึ้นมาทันที

แม้ว่าเธอจะเคยตรวจสอบข้อมูลของฮั่วเทียนหลัน และรู้ว่าตระกูลฮัวนั้นได้รับการยกย่องให้เป็นตระกูลแรกในประเทศจีน

แต่ตระกูลแรกนี้ก่อตั้งขึ้นหลังจากตระกูลหยางได้ออกจากจีนไปแล้ว

หากตระกูลหยางไม่ได้ออกจากจีนไปก่อน คงเป็นตระกูลหยางที่ควรได้รับสมญานามเช่นนั้น

เพียงแต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตระกูลหยางถึงย้ายจากประเทศจีนไปตั้งรกรากที่ต่างประเทศแทน

หยางหยวนส่ายหัวไปมาก่อนจะเอ่ย : "ตอนนี้ไม่ชอบก็ไม่แปลก ไม่ฝืนบังคับหรอกเพราะชิงสุกก่อนหามนั้นไม่ดี แต่ว่าโชคชะตาของเธอและเขาถูกกำหนดไว้แล้วล่ะ"

คำพูดเหมือนมีอะไรแอบแฝงของหยางหยวนนั้น ทำให้หยางหลิงรุ่ยตกตะลึง

"พี่ชายใหญ่คะ วันนี้เขามาทำอะไรที่นี่เหรอคะ”

หยางหลิงรุ่ยไม่อยากพูดถึงเรื่องของโชคชะตาอีกต่อไป เธอแค่รู้สึกแปลกใจเพราะว่าหลังจากที่ไปส่งชิงหรงที่โรงเรียนเธอก็ได้พบกับฮั่วเทียนหลัน พอกลับมาบ้านก็เจอกับฮั่วเทียนหลันอีก

ฮั่วเทียนหลันมาที่นี่ในครั้งนี้อาจจะไม่ใช่แค่เหตุผลทางธุรกิจเท่านั้น

"เธอก็ได้ยินหมดแล้วไม่ใช่เหรอ ก็เรื่องร่วมมือทำธุรกิจทั่วไปนี่แหละ ดูเหมือนเธอจะสนใจในตัวเขานะ" หยางหยวนยิ้มขึ้นอย่างต้องการสื่อความหมาย

"พี่ชายใหญ่ ถ้าพี่ยังพูดเรื่องไร้สาระอีก ฉันจะไม่สนใจพี่แล้วนะ!” หยางหลิงรุ่ยผลักหยางหยวนออกอย่างนึกโมโห

แต่เธอไม่ได้คำนึงถึงแรงที่ใช้ผลักเขา ทำให้หยางหยวนตัวเอนไปมาก่อนจะเจ็บเข้าที่แผลเก่าตรงเอว

เขาร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวดก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ข้างๆ

นั่นทำให้หยางหลิงรุ่ยตกตะลึงในทันที เนื่องจากพี่ชายใหญ่ในสายตาของเธอนั้นเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก การที่เขาร้องออกมาเช่นนั้นแสดงว่าคงจะเจ็บปวดมากแน่ๆ

"พี่ชายใหญ่เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ” หยางหลิงรุ่ยจับมือหยางหยวนอย่างรู้สึกเป็นกังวล เธอคิดอยากจะเลิกเสื้อของเขาขึ้นเพื่อดูแผล แต่ก็คิดได้ก่อนว่าพี่ชายใหญ่ได้รับบาดเจ็บภายใน ต่อให้เปิดเสื้อดูก็ไม่มีความหมายอะไร

หยางหยวนหรี่ตาลงชั่วขณะ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะมีปัญหากับโรคนี้

แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ก็เริ่มรู้สึกมีแรงขึ้นมาอีกครั้ง : "ไม่เป็นไร ฉันแค่เอวเคล็ดน่ะ"

การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายในช่วงสองปีที่ผ่านมาเห็นได้ชัดเจนมาก และตอนนี้หยางหลินก็ยังไม่สามารถเอาชนะใจผู้คนได้ นั่นทำให้เขารู้สึกกังวลเล็กน้อย

"ถ้าอย่างนั้นก็ดี ขอโทษด้วยนะคะ เป็นเพราะฉัน ... " หยางหลิงรุ่ยนึกโทษตัวเองในใจ

หยางหยวนยิ้มขึ้นก่อนจะตบที่แขนของหยางหลิงรุ่ยเบาๆ ก่อนจะเอ่ย : "เอาหน่า เธอเพิ่งสมัครเข้าร่วมการประกวดงานศิลปะไม่ใช่เหรอ รีบไปเตรียมตัวเถอะ!"

"แล้วพี่ล่ะ?"

"ฉันโตขนาดนี้แล้วนะ ยังจะหายไปจากบ้านหยางได้อีกหรือไง อีกหน่อยพ่อบ้านคงมาหาฉันแหละ"

พบจบ หยางหยวนก็เอ่ยปากไล่หยางหลิงรุ่ยทันที

เขากลัวว่าจะควบคุมอารมณ์ขตัวเองไม่อยู่ เพราะพึ่งจะเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยที่สำคัญของชีวิต แต่กลับต้องเห็นร่างกายของตัวเองทรุดลงเช่นนี้ ทำให้อารมณ์ของเขาไม่ค่อยคงที่เท่าไหร่

หลังจากเดินออกมาจากสวนหลังบ้านแล้ว หยางหลิงรุ่ยก็เดินไปหาพ่อบ้านเพื่อให้เขาไปอยู่ดูแลพี่ชายใหญ่ทันที

พ่อบ้านเป็นคนเก่าของตระกูลหยาง เขาเติบโตมากับหยางหยวน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาอาจกล่าวได้ว่าเป็นทั้งคนรับใช้และเพื่อน

ผลงานการแข่งขันศิลปะเธอร่างไว้เสร็จแล้ว

เพียงแค่ว่าตอนนี้เธอขาดแรงบัลดาลใจบางอย่างในการนำไปปฏิบัติจริง

อีกอย่างเธอยังต้องทำชุดสูทให้กับคนเลวคนนั้นอีกด้วย หยางหลิงรุ่ยจึงต้องออกไปที่ห้างสรรพสินค้าอีกครั้ง

หลังจากซื้อผ้าเสร็จแล้ว เธอก็ไปเดินดูเสื้อผ้าที่พึ่งออกมาใหม่

ในฐานะนักออกแบบที่มีคุณภาพ สิ่งสำคัญคือต้องรักษาแรงบันดาลใจเอาไว้ให้มากแต่เรียนรู้ที่จะนำข้อดีมากลบข้อด้อยของตนเอง

เมื่อเธอซื้อของเสร็จแล้วและกำลังจะลงไปชั้นล่างก็บังเอิญเจอกับคนรู้จักที่หน้าลิฟต์

ไม่สิ ไม่ใช่คนรู้จักกันเสียหน่อย พวกเขาสองคนพึ่งผ่านหน้าคราตากันมาเพียงสองวันเท่านั้น

"นายอีกแล้วเหรอ!"

“อืม ผมเอง!”

หยางหลิงรุ่ยและฮั่วเทียนหลันจ้องหน้ากันนาน ก่อนหยางหลิงรุ่ยจะส่งเสียงไม่พอใจและเตรียมจะเดินออกไปจากตรงนั้น

แต่ทันทีที่เธอขยับชายคนนั้นก็ก้าวไปยืนขว้างหน้าเธอไว้

"หลบไป หมาดีไม่ขว้างทาง!” หยางหลิงรุ่ยบ่นอุบอิบ เธอดันถุงผ้าในมือไว้ด้านหลัง เพื่อไม่ให้ชายคนนี้รู้ว่าเธอซื้อผ้าเพื่อไปทำชุดสูทให้เขา

ฮั่วเทียนหลันหัวเราะเบาๆ ใบหน้าหล่อเหลาและร่างสูงสง่าของเจ้าตัว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ดูเป็นจุดสนใจ

แค่เพียงรอยยิ้มก็สามารถทำให้พวกผู้หญิงที่เดินผ่านส่งเสียงร้องกรี๊ดกร๊าดอย่างอดไม่ได้

"ว้าว หล่อจังเลย!"

"ฉันอยากมีแฟนแบบนี้จริงๆ ผู้หญิงตรงหน้านั้นคือแฟนเขาเหรอ น่าอิจฉาเธอจัง!"

หยางหลิงรุ่ยหน้าดำหน้าแดง เธอเอ่ยขึ้นเสียงเบา : "นายต้องการอะไรกันแน่"

"ไม่มีอะไร แค่อยากชวนคุณหยางไปดื่มกาแฟด้วยกันสักแก้ว”

หยางหลิงรุ่ยกัดฟันกรอด แต่ก็รู้ดีว่าตอนนี้พวกเขากำลังเป็นจุดสนใจ

เธอดึงมือของฮั่วเทียนหลันแล้วลากเขาเข้ามาในลิฟท์โดยไม่พูดอะไรสักคำ

เดิมทีเธอต้องการให้ฮั่วเทียนหลันเดินโซซัดโซเซเข้ามาในลิฟต์ ทำให้เขารู้สึกอับอายสักหน่อย แต่เธอไม่คิดว่าฮั่วเทียนหลันจะมั่นคงดั่งภูเขาเช่นนี้

กลับเป็นมือของเธอเองที่ถูกเขากำแน่นจนไม่สามารถดึงออกมาได้

เมื่อมาถึงลานจอดรถชั้นใต้ดิน ก็พบรถ Mulsanne จอดรออยู่แล้ว

คราวนี้กลายเป็นฮั่วเทียนหลันดึงหยางหลิงรุ่ยขึ้นรถก่อนจะเอ่ยสถานที่ที่จะไป

หยางหลิงรุ่ยตกตะลึงเพราะสถานที่นั้นเป็นที่ที่เธอคุ้นเคยมาก!

พี่สะใภ้ชอบไปดื่มน้ำชายามบ่ายที่นั้นซะด้วยสิ เธอกลัวว่าจะเจอกันเข้าแล้วจะถูกเข้าใจผิด

ไม่ได้ ไปที่นั่นไม่ได้เด็ดขาด

"ไม่ ไม่ไปที่นั่น เปลี่ยนที่ใหม่"

การประท้วงของหยางหลิงรุ่ยราวกับเป็นธาตุอากาศ เมื่อ Mulsanne ยังคงวิ่งไปข้างหน้าและใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็มาถึงจุดหลายปลายทาง

ทันทีที่ฮั่วเทียนหลันลงจากรถเขาก็ถูกใครบางคนรั้งเอาไว้

"คุณ คุณชายฮั่ว? ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่ด้วย ฉันขอเลี้ยงน้ำชาคุณได้หรือเปล่า" แอนนี่หน้าแดง เธอรู้สึกประหม่าจนทำตัวไม่ถูก

เธอเคยเป็นตัวแทนของครอบครัวในการเข้าร่วมงานหอการค้าระหว่างประเทศและได้พบกับฮั่วเทียนหลัน

ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ปลักใจว่าหากไม่ใช่ฮั่วเทียนหลันเธอก็จะไม่แต่งงานตลอดชีวิต

แต่พอได้รู้ว่าคุณชายฮั่วคนนี้มีครอบครัวแล้ว เธอก็โศกเศร้ามาเป็นเวลานาน

ถึงกระนั้นเธอก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้ จนกระทั่งเธอได้ยินมาว่าภรรยาของฮั่วเทียนหลันเสียชีวิตแล้ว

เธอจึงรู้สึกว่าโอกาสของเธอมาแล้วล่ะ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง