โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 314

"ขอโทษนะ ตอนนี้ฉันยุ่งมากเธอช่วยหลบทางหน่อยได้ไหม"

ท่าทีของฮั่วเทียนหลันไม่ได้ไว้หน้าแอนนี่แม่แต่น้อย

แม้แต่สายตาของฮั่วเทียนหลันก็ไม่เคยหยุดมองดูที่แอนนี่เลยด้วยซ้ำ

รอบดวงตาของแอนนี่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอขยับถอยออกไปด้วยความน้อยใจ

หยางหลิงรุ่ยที่ยืนรักษาระยะห่างจากฮั่วเทียนหลันห้าเมตรมองดูท่าทางเย็นชาของผู้ชายคนนั้นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก

ผู้หญิงคนนี้ตาบอดหรือไง หน้าตาสวยขนาดนี้ทำไมถึงต้องรักผู้ชายเย็นชาคนนี้อยู่ฝ่ายเดียวด้วยล่ะ

ฮั่วเทียนหลันเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันกลับมามองข้างหลังก่อนจะเอ่ยขึ้น : "ยังไม่เดินตามมาอีก"

แอนนี่ที่กำลังน้อยใจพอได้ยินฮั่วเทียนหลันกล่าวดังนั้นก็ยิ้มหน้าบานทันที

แท้จริงแล้วเขาก็ไม่ได้เย็นชานาดนั้นนี่นา ยังบอกให้ตนเองเดินตามไปอีกด้วย

แต่ในวินาทีต่อมาร่างของหยางหลิงรุ่ยก็เดินผ่านเธอไป

"รู้แล้วหน่า พูดเยอะจริงนายเนี้ย!"

หลังจากที่ทั้งสองเดินเข้าไปในร้านอาหารแล้วแอนนี่ถึงได้สติกลับมา

ผู้หญิงคนนั้นเธอเคยเจอ เคยเจออย่างแน่นอน

คือใครนะ

เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่นาน แต่ก็นึกไม่ออกสักที

ฮั่วเทียนหลันเดิมทีต้องการห้องอาหารไพรเวท แต่หยางหลิงรุ่ยรู้สึกว่าพ่อม้ายแม่ม้ายอยู่ด้วยกันสองต่อสองนั้น ค่อนข้างที่จะไม่ปลอดภัยสำหรับเธอ

จึงเลือกที่นั่งริมหน้าต่างก่อนจะนั่งลงไป

ที่มาดื่มกาแฟ เธอก็คิดว่าฮั่วเทียนหลันมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ

แต่เขากลับทำเพียงแค่จิบกาแฟอยู่อย่างนั้น และมองมาที่หยางหลิงรุ่ยเป็นครั้งคราว

แววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของเขาทำให้หยางหลิงรุ่ยรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย

การดูละครหลังข่าวเยอะทำให้เธอรู้สึกว่านี่คือแววตาของคนรักที่ใช้มองกันไม่ใช่หรือ

ผ่านไปสักพักโทรศัพท์มือถือของฮั่วเทียนหลันก็ดังขึ้น เขากดรับสายก่อนจะเงียบไปครู่นึงแล้วเอ่ยตอบ : "โอเค ฉันเข้าใจแล้ว"

เขาวางแก้วลง ก่อนจะเอ่ยถาม : "คุณหยางอยากทานอะไรเพิ่มไหม"

"ไม่ ไม่เอาแล้ว" เนื่องจากเอาแต่จ้องกันไปมา ทำให้หยางหลิงรุ่ยกินขนมหวานบนโต๊ะแทบจะไม่เหลือแล้ว

"โอเค เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่บ้าน"

หลังจากจ่ายเงินเสร็จ ฮั่วเทียนหลันก็ไปส่งหยางหลิงรุ่ยที่บ้านก่อนจะขับรถออกไปอย่างเร่งรีบ

ดูท่าเขาคงจะมีธุระสำคัญมาากจริงๆ

ทันทีที่เธอเข้าไปในคฤหาสน์คนใช้ก็เดินเข้ามาหาเธอทันที

"คุณหนูคะ นายหญิงเรียกคุณไปพบค่ะ"

ภายในห้องกู่เจิง ตงเหยียนที่เพิ่งบรรเลงเพลง A Chinese Ghost Story วางกู่เจิงลงทั้งที่ยังบรรเลงไม่จบ

หยางหลิงรุ่ยนั่งอยู่เก้าอี้โยกอีกด้านหนึ่ง เธอเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสงบ : "พี่สะใภ้ ฉันอยากฟังเพลง Farewell My Concubine!"

ตงหยานลุกขึ้นเดินไปหาหยางหลิงรุ่ยก่อนจะเคาะหัวเธอเบาๆ

"ฉันกลายเป็นสถานีเพลงให้เธอแล้วหรือ"

หยางหลิงรุ่ยหัวเราะขึ้น เธอเอื้อมมือไปจับมือของตงเหยียนก่อนจะลูบมันเบาๆ : "เปล่าซะหน่อย พี่สะใภ้คือแสงนำทางชีวิตของฉันต่างหาก!"

“ปลิ้นปล้อนเสียจริง!” ตงเหยียนสั่งให้คนใช้เตรียมผลไม้ให้ ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าหยางหลิงรุ่ย

หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เธอก็ตัดสินใจเอ่ยปากคุยกับหยางหลิงรุ่ย

“หลิงรุ่ย คุณรู้สึกอย่างไรกับคุณชายฮั่วคนคนนั้นเหรอ”

"อะไรนะคะ รู้สึกอะไร ทำไมพี่ถึงพูดเรื่องนี้เหมือนพี่ชายใหญ่เลย เห็นฉันอยู่ที่บ้านจนรำคาญตาแล้วหรือไง"หยางหลิงรุ่ยพูดขึ้นอย่างรู้โกรธ

ตงเหยียนยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้น : "ไม่ใช่สักหน่อย แค่อยากรู้ว่าเธอรู้สึกคุ้นเคยกับคุณชายฮั่วคนนั้นบ้างหรือเปล่า"

"ยังไงเหรอคะ" หยางหลิงรุ่ยเอียงศีรษะอย่างใช้ความคิด ก่อนจะพยักหน้าและพูดว่า : "อันที่จริงฉันก็เคยดูละครที่มีพวกอันธพาลก่อเรื่องเลวๆอยู่ ฉันคิดว่าเหมือนกับเขามากเลยล่ะ!"

"อันธพาลเหรอ" ตงเหยียนพึมพำ แววตาของเธอมีความคลุมเครือเล็กน้อย : "หลิงรุ่ย เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเธอเกลียดผู้ชายมากขนาดนี้ หรือเขาทำสิ่งที่ไม่ดีกับเธอเหรอ"

ไฟของความอยากรู้อยากเห็นในใจของตงเหยียนกำลังลุกโชน และไม่สามารถระงับมันลงได้

“ พี่สะใภ้ ... ” หยางหลิงรุ่ยแสร้งทำเป็นโกรธ แต่ใบหน้ากลับขึ้นสีแดงระเรื่อ

ด้วยกลัวจะทำให้น้องสาวโกรธ ตงเหยียนจึงรีบโบกมือและพูดขึ้น : "โอเค พี่สะใภ้ไม่พูดแล้วก็ได้"

เธอขบคิดในใจ ดูเหมือนว่าหลิงรุ่ยจะจำฮั่วเทียนหลันไม่ได้เลยสักนิดจริงๆ

แต่ลืมไปหมดเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เมื่อก่อนฮั่วเทียนหลันทำไม่ดีกับหยางหลิงรุ่ยมากมาย จนเธอมีความคิดอยากจะฆ่าเขาเลยด้วยซ้ำ

เมื่อตอนที่อันหรันกำลังจะออกจากตระกูลฮัวนั้น หยางหยวนก็ได้รับข่าวในทันที

ทั้งสองรีบเดินทางไปที่เมือง Z ก่อนจะพบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้น

เมื่อเห็นอันหรันที่นอนแน่นิ่งหายใจรวยริน หยางหยวนก็รีบติดต่อแพทย์ที่มีชื่อเสียงในประเทศเพื่อขอความช่วยเหลือเหตุฉุกเฉินทันที

และขณะนั้นเองตัวละครก็ถูกปลอมแปลงขึ้นมา

ร่างกายของอันหรันได้รับบาดเจ็บสาหัส หัวใจเธอหยุดเต้นหลายครั้งและอวัยวะหลายส่วนในร่างกายไม่ทำงาน

แต่เธอก็รอดชีวิตมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ปากของเธอเอาแต่พูดพร่ำถึงฮั่วเทียนหลันและลั่นลาน

แม้แต่พยาบาลพิเศษที่คอยดูแลเธอยังบอกว่าสองคนนี้คงต้องเป็นคนที่เธอห่วงใยมากที่สุดแน่

แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเธอตื่นขึ้นมาแล้วลืมทุกอย่างก่อนหน้านี้ไปทั้งหมด

และในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาชิงหรงก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้ตงเหยียนเริ่มกังวลเล็กน้อย

มันต้องมีสักวันที่กระดาษจะไม่สามารถห่อหุ้มไฟเอาไว้ได้ และเธอไม่อาจแน่ใจได้เลยจริงๆว่าอันหรันจะรับเรื่องนี้ได้หรือเปล่า

หลังจากคุยกันสักพัก หยางหลิงรุ่ยก็ขอตัวไปรับชิงหรงที่โรงเรียน

เนื่องจากการจราจรติดขัดบนท้องถนนเธอจึงไปสายเล็กน้อย

พอมาถึงโรงเรียนก็พบว่ามีเพียงชิงหรงที่นั่งอยู่ในห้องรับรองคนเดียว

หลังจากที่เธอเห็นหยางหลิงรุ่ย เธอก็ไม่ได้เอ่ยเรียกคุณแม่เหมือนอย่างเคย เอาแต่มุ่ยปากเพื่อบ่งบอกถึงความไม่พอใจ

หยางหลิงรุ่ยรู้ว่าเธอกำลังทำให้เจ้าตัวเล็กโกรธอีกแล้ว เธอก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว ก่อนจะเล่นมายากลหยิบลูกอมออกจากกระเป๋ากางเกง

“หรงหรงของคุณแม่ไม่มีความสุขเหรอคะ มากินลูกอมเร็ว หวานจนถึงใจเลยนะ!”

ชิงหรงเบ้ปากและพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ : "คุณครูบอกว่าเด็กๆห้ามกินของหวาน เพราะฟันจะผุ"

หยางหลิงรุ่ยพูดไม่ออก เธอทำหน้าเศร้า

ชิงหรงจึงถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะเดินไปหยิบลูกอมแล้วจูงมือของหยางหลิงรุ่ยให้เดินตาม : "คุณแม่ เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ!"

ใบหน้าของหยางหลิงรุ่ยเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอรู้สึกพึ่งพอใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าใช้วิธีนี้ง้อลูกสาวได้สำเร็จทุกครั้งเลย

ตอนกลางคืน ตงเหยียนนั่งอ่านหนังสือบนเตียงรอหยางหยวนกลับมา

เพื่อนของเขามาที่ออสเตรเลีย ในฐานะเจ้าภาพเขาจึงต้องไปเลี้ยงต้อนรับและถือโอกาสแนะนำหยางหลินให้เป็นที่รู้จักอีกด้วย

แม้ว่าตงหยานจะไม่ชอบให้หยางหยวนดื่มเหล้า แต่ในงานเลี้ยงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นนี้เธอเองก็มีความใจกว้างมากพอ

กลางดึกหยางหลินพยุงหยางหยวนที่เมาไม่ได้สติกลับเข้ามาในบ้าน

ตงหยานลงมาชั้นล่างแล้วมองไปที่หยางหยวนที่นอนอยู่บนโซฟาอย่างรู้สึกเหนื่อยหน่าย

ผู้ชายคนนี้บอกกี่ครั้งแล้วว่าสุขภาพไม่ค่อยดีห้ามดื่มเยอะ แต่เขาก็ไม่เคยฟังเธอเลย

คนใช้นำน้ำซุปแก้เมาค้างที่ต้มสุกแล้วมาให้ ตงหยานรับมันมาและก้าวไปข้างหน้า เธอให้หยางหลินช่วยจับตัวหยางหยวนไว้ ก่อนจะตักซุปขึ้นมาเป่าให้เย็นจากนั้นป้อนหยางหยวนที่ละคำทีละคำ

“เหยียนเหยียน ฉัน ฉันไม่ได้ดื่มเยอะนะ แค่ แค่ดมกลิ่นเหล้าบนโต๊ะแล้วมึนเฉยๆ”

ฟังหยางหยวนพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก ตงหยานทำได้แค่พยายามระงับความรู้สึกที่อยากจะทุบเขาเอาไว้

“นายไม่รู้เหรอว่าพี่ชายใหญ่ของนายดื่มไม่ได้” เมื่อไม่สามารถโกรธคนเมาได้เพราะฉะนั้นก็ด่าคนพาไปก็แล้วกัน

หยางหลินอึกอัก ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างจนหนทาง : "ผมรู้ แต่พี่ชายใหญ่ก็คือพี่ชายใหญ่ ผมห้ามได้ที่ไหนเล่า! พี่สะใภ้"

ตงหยานมองบนใส่หยางหลินและไม่คิดจะสนใจเขาต่อไป

หลังจากป้อนซุปแก้เมาค้าง หยางหยวนก็เริ่มได้สติขึ้นมาบ้าง

หยางหลินอุ้มหยางหยวนขึ้นไปบนห้องนอน

กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งไปทั่วห้องนอนจนตงเหยียนทนไม่ไหวจึงเดินไปเปิดหน้าต่างระเบียงออก

แต่ทันทีที่เธอเดินกลับมาก็ถูกหยางหยวนดึงและกดลงกับเตียง

ทั้งสองกลิ้งไปมาอยู่ในท่าที่ค่อนข้างล่อแหลม หยางหยวนมองไปที่ตงเหยียนด้วยสายตาเมามายก่อนจะพึมพำขึ้นมา : "ที่รัก เหยียนเหยียนสุดที่่รักของฉัน ... "

ตงหยานรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่ถูกหยางหยวนคล่อมอยู่เช่นนี้ เธอจึงผลักเขาออกไป

“ไม่ต้องพูดมากเลย คืนนี้นอนใครนอนมัน!”

หยางหยวนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เมื่อตงเหยียนดึงผ้าห่มขึ้นและล้มตัวลงนอนอีกข้างของเตียง ทันใดนั้นหยางหยวนก็รีบเอาตัวเข้าไปในผ้าห่มด้วยทันที

หยางหยวนดึงตงเหยียนเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน จมูกของเขาคลอเคลียแผ่นหลังเนียนของตงเหยียนไม่หยุด

"เหยียนเหยียน เธอโกรธฉันเหรอ"

นิสัยเด็กของเขาทำให้ตงเหยียนทั้งรู้สึกโกรธทั้งรู้สึกขำ

เธอไม่ได้ผลักหยางหยวนออกไป แต่พลิกตัวหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา

“คุณคิดว่าฉันควรจะโกรธหรือเปล่าล่ะ”

"อื้อ……"

หยางหยวนใช้การกระทำที่ตรงไปตรงมาแทนคำตอบของตนเอง เขากดจูบไปที่ริมฝีปากของตงเหยียน

เขาตักตวงความหวานจากปากของเธออย่างเอาแต่ใจ จนตงเหยียนเริ่มไร้เรี่ยวแรง

ไม่รู้ว่ามือของเขาเอื้อมไปจับที่หน้าอกของตงเหยียนตั้งแต่ตอนไหน

ตำแหน่งอ่อนไหวบนร่างกายของตงเหยียนนั้นถูกเขาสัมผัสไปหมด

"หยุดเลยนะ คุณดื่มมาเยอะเกินไป ร่างกายก็ไม่สบายดี... " ตงเหยียนหาโอกาสผลักหยางหยวนออกก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน

"เธอลองก่อนสิ ฉันไม่ได้ดื่มมาเยอะเสียหน่อย" หยางหยวนคว้ามือของตงเหยียนกดลงกับเตียงทันที

อุณหภูมิร่างกายที่ร้อนและสัมผัสที่รุนแรงนั้นทำให้ร่างกายของตงเหยียนเริ่มสั่นสะท้าน

หลังจากผ่านมรสุมแห่งห้วงอารมณ์เสร็จ หยางหยวนหอบหายใจล้มตัวลงนอนข้างๆตงเหยียน

เมื่อเห็นคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน ตงเหยียนก็รู้ในทันทีว่าผู้ชายคนนี้ต้องได้รับบาดเจ็บจากแผลเก่าอีกแล้ว

เธอห้ามแล้วว่าทำไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ยอมฟัง

หากเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องล้มพับลงบนตัวเธอแน่นอน

"ฉันขอพูดเรื่องสำคัญกับคุณหน่อย" ตงเหยียนพูดพร้อมกับจับมือที่อยู่ไม่สุขของหยางหยวนไว้

“ตอนนี้ฉันก็กำลังทำเรื่องสำคัญกับเธออยู่นี่ไง” หยางหยวนออกแรงดึงมือของตนเองกลับ ก่อนจะลูบไล้ร่างกายเธออีกครั้ง

ตงหยานเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของเธอตอบสนองต่อเขาอีกครั้ง แต่ก็ต้องดับไฟอารมณ์นี้เอาไว้เนื่องร่างกายของหยางหยวนจะรับไม่ไหว

เธอออกจากผ้าห่มแล้วห่อตัวหยางหยวนไว้ จากนั้นขยับตัวไปนอนอีกด้านหนึ่งของเตียง

“ตอนนี้จะคุยกันดีๆได้หรือยัง” ตงเหยียนทำท่าราวกับกำลังสอบปากคำผู้ต้องหา

หยางหยวนเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่ขมขื่น : "น้อมรับฟังทุกคนคำสั่งของคุณภรรยาเลยครับ"

“ช่วงนี้หลิงรุ่ยติดต่อกับฮั่วเทียนหลันค่อนข้างบ่อย ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย”

"เรื่องนี้ล่ะก็! หากหลิงรุ่ยชอบใครก็ให้เธออยู่กับคนนั้นเถอะ! และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ฉันไม่ยอมรับคำขอของจางหรันสักกที แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่พี่น้องแท้ๆก็เถอะ แต่หากหลิงรุ่ยจำทุกอย่างได้ขึ้นมาเธอจะต้องเสียใจมากแน่เลย" หยางหยวนเอ่ยเสียงเรียบ

ตงเหยียนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย : “ก็จริง เธอเคยรักฮั่วเทียนหลันมากขนาดนั้น อีกทั้งยังมีลั่นลานและชิงหรงอีกด้วย ถ้าเกิดสองคนจะกลับมาหากันอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีอะไร!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง