วันต่อๆมา หยางหลิงรุ่ยรับหน้าที่เป็นพนักงานธุรการ
แต่สิ่งที่พนักงานธุรการต้องทำนั้น ทำให้เธอถึงกับพูดไม่ออก
เดิมทีต้องพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องงานด้วยกัน แต่ผู้ชายคนนี้กลับไม่เคยพูดถึงคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับงานเลยสักคำ
กลับกันเขามักจะตัวติดกับเธอตลอดทั้งวัน ให้เธอพาออกไปเที่ยวดูภูเขาบ้างล่ะ ดูแม่น้ำบ้างล่ะ เธอกลับกลายเป็นไกด์นำทางของเขาแทนเสียด้วยซ้ำไป
นั่นทำให้หยางหลิงรุ่ยไม่พอใจเป็นอย่างมาก หลายครั้งที่เธอพยายามบอกเป็นนัยให้ฮั่วเทียนหลันทำงานทำการเสียที
แต่ฮั่วเทียนหลันหลับตอบว่า : "ความบันเทิงเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน เป็นเรื่องที่จำเป็น!"
ก็ตามนั้น เหตุผลที่เถียงข้างๆคูๆเธอสู้เขาไม่ได้ การลงมือทำเธอก็สู้เขาไม่ได้
ในฐานะหญิงแกร่ง เธอต้องอดทน
ออร์ตันไม่ใช่เมืองใหญ่มาก สถานที่ท่องเที่ยวก็มีเท่าที่เห็น ดังนั้นหยางหลิงรุ่ยใช้เวลาไม่นานก็สามารถเที่ยวจนครบได้
แต่ฮั่วเทียนหลันกลับไม่จบไม่สิ้น เขายังจะพาเธอออกไปข้างนอกให้ได้ในวันนี้
เมื่อนึกถึงหนังจีนที่เพิ่งเข้าฉายใหม่เรื่องชายโสดหญิงโสด ซึ่งนำแสดงโดยเหลียวซิรงราชินีแห่งวงการแสดง ที่มีเรตติ้งทางออนไลน์สูงมาก หยางหลิงรุุ่ยจึงคิดจะพาฮั่วเทียนหลันไปดูสักหน่อย
การชมภาพยนตร์นั้นต้องเลือกนั่งรวมกับผู้อื่นถึงจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของการดูหนังที่แท้จริง
หยางหลิงรุ่ยเลือกตำแหน่งที่ดีที่สุดและนั่งลงพร้อมกับฮั่วเทียนหลัน
ที่นั่งรอบตัวเธอต่างก็เป็นคู่รักทั้งหมด
พวกเขาพูดคุยกันอย่างสวีทหวานจนทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ฮั่วเทียนหลันกลับมองดูเธออย่างรู้สึกสนุก
ยังดีที่หลังจากหนังเริ่มฉาย โรงหนังก็เงียบลงทันที
เหลียวซิรงเป็นนักแสดงหญิงวัยรุ่นที่ทรงพลังที่สุดในประเทศจีน ฝีมือด้านการแสดงของเธอนั้นคุณภาพเต็มเปี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย
ในขณะที่ดูหนัง หยางหลิงรุ่ยก็ไม่ลืมที่จะหยิบป๊อปคอร์นเข้าปากไปด้วยอย่างเอร็ดอร่อย
นางเอกในเรื่องถูกใส่ร้าย เธอร้องไห้พร้อมทั้งบอกความจริงกับพระเอกว่าทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องโกหก
แต่พระเอกกลับไม่เชื่อที่เธอพูดเลยสักนิด ทั้งยังให้คนขับไล่เธอออกไปอีกด้วย
นางเอกรู้สึกท้อแท้และหัวใจแตกสลาย เธอจึงเลือกที่จะหนีออกจากเมืองนี้ด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง
แต่ในขณะที่ขับรถอยู่บนถนนก็ถูกรถของตัวร้ายขับเข้าพุ่งชนกระเด็น...
ฉากบีบหัวใจเช่นนี้ ทำให้หยางหลิงรุ่ยที่นั่งดูอยู่ขอบตาเริ่มขึ้นสีแดงและมีน้ำสีใสเอ่อล้นอยู่ในนั้น
เธอต้องการหาที่พึ่งพิงสักหน่อย จึงคว้าเข้าที่มือของคนด้านข้างอย่างไม่รู้สึกตัว
อุณหภูมิที่ร้อนจัดของมือ ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้นมา
แต่วินาทีต่อมามือของเธอก็ถูกจับไว้แน่น
"หือ?" หยางหลิงรุ่ยถูกเบนความสนใจจากหนังตรงหน้า เธอมองไปที่ชายข้างๆด้วยความโกรธเล็กน้อย : "ดูหนังดีๆได้ไหม!"
"เธอชอบความรู้สึกของมือนี้เหรอ" ฮั่วเทียนหลันถามกลับมา
หยางหลิงรุ่ยรู้สึกอับอาย ในตอนนี้เธอถึงได้รู้ว่าตนเองนั้นจับมือของฮั่วเทียนหลันก่อน
เธออ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะส่งเสียงฮึดฮัดออกมาและไม่มีอารมณ์ที่จะดูหนังอีกต่อไป
ฮั่วเทียนหลันมองเหลียวซิรงที่อยู่บนหน้าจอฉายหนังอย่างครุ่นคิด ทันใดนั้นก็เอ่ยถามขึ้น : "ยังจำเธอคนนี้ได้ไหม"
เธอ? ใคร? หยางหลิงรุ่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนสมองจะตอบสนองกลับมาว่าฮั่วเทียนหลันน่าจะกำลังพูดถึงนางเอกคนนี้
"ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ! เธอคือราชินีแห่งวงการแสดง เหลียวซีรง เหลียวอินเตอร์ ตอนนี้เธอโด่งดังมากเลยล่ะ"
หยางหลิงรุ่ยใช้สายตาราวกับกำลังดูถูก คนอย่างฮั่วเทียนหลันนั้นไม่ให้ความสนใจกับวงการบันเทิงเลยงั้นเหรอ
ไม่ใช่ว่าคนอย่างเขานั้นยิ่งต้องให้ความรู้สึกสนใจเกี่ยวกับดาราชายหญิงในวงการบันเทิงหรอกเหรอ
ฮั่วเทียนหลันยิ้มและเอ่ยขึ้น : "เธอไม่รู้จักเขาเหรอ"
ประโยคนี้ทำให้หยางหลิงรุ่ยมีลางสังหรณ์ไม่ดี
"ฉันรู้จักเธอ แต่เธอไม่รู้จักฉัน"
"พวกเธอเป็นเพื่อนสนิทกัน สนิทแบบมากๆ"
คำพูดของฮั่วเทียนหลันทำให้หยางหลิงรุ่ยชะงัก เธอเอ่ยขึ้นเสียงดังอย่างอดไม่ได้ : "จะเป็นไปได้ยังไง!"
เดิมทีเสียงพูดคุยของพวกเขาสองคนก็ทำให้คนรอบๆเกิดความไม่พอใจอยู่แล้ว
แต่เมื่อกี้หยางหลิงรุ่ยพูดตะโกนขึ้นอย่างเสียงดัง จึงทำให้สายตารอบข้างต่างก็จับจ้องมาที่เธอ
เธอยิ้มหน้าเจื่อนก่อนจะโค้งคำนับ : "ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ... "
จากนั้นจ้องมองไปที่ฮั่วเทียนหลันอย่างคาดโทษ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตำหนิเขา
ฮั่วเทียนหลันส่ายหัวไปมาอย่างเหนื่อยหน่ายและไม่ได้เอ่ยเรื่องนี้ต่อ
หยางหลิงรุ่ยมองดูนางเอกบนหน้าจอ ทันใดนั้นก็รู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ผู้จัดการของเธอชื่ออะไรนะ เหมือนว่าเมื่อเร็วๆนี้มีเรื่องวุ่นๆเพราะตลาดหุ้น
อ๋อ หลี่เฉียน
หยางหลิงรุ่ยงุนงงขึ้นมาอย่างกะทันหัน เธอไม่ได้ติดตามวงการบันเทิงนี่นา
ทำไมถึงจำชื่อคนได้ชัดเจนขนาดนี้ล่ะ
หลังจากดูหนังเสร็จ พวกเขาก็กำลังจะไปทานอาหารเย็นด้วยกัน
แต่เมื่อเดินผ่านเคาน์เตอร์เสื้อผ้าที่ชั้นล่าง มองเห็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของเด็กที่พึ่งออกมาใหม่โดยนักออกแบบที่เธอชื่นชอบ
เธอชอบเสื้อผ้าของนักออกแบบคนนี้มาก ชิงหรงใส่ก็ดูดีมากเช่นเดียวกัน ดังนั้นเธอจึงซื้อไปเจ็ดแปดตัวในครั้งเดียว
ทำให้ฮั่วเทียนหลันกลายเป็นคนถือกระเป๋าจำเป็นขึ้นมาทันที
หยางหลิงรุ่ยรู้สึกไม่ดีเล้กน้อย แม้ว่าพวกเขาสองคนจะเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกัน แต่อย่างไรก็ตามการที่ให้เขาช่วยเธอถือของเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรเท่าไหร่นัก
เธอเอื้อมมือไปจับถุงเสื้อผ้าก่อนจะเอ่ยขึ้น : "คุณชายฮั่วเดี๋ยวฉันถือเองดีกว่า!"
ฮั่วเทียนหลันส่ายหน้าไปมา : "ไม่ต้อง"
การปฏิเสธที่น่าน่าเกรงขามของเขา ทำให้หยางหลิงรุ่ยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ
พอเดินมาอีกโซนหนึ่ง เธอก็มองเห็นชุดของผู้หญิงที่เพิ่งออกใหม่ พลันคิดในใจชุดนี้ถ้าหากพี่สะใภ้ใส่คงสวยมากแน่นอน
หยางหลิงรุ่ยหยุดชะงักฝีเท้าก่อนจะจ้องมองไปที่ชุดและเหลือบมองเวลา ก่อนจะพบว่าตอนนี้บ่ายโมงกว่าแล้วและพวกเขายังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงเลย
ในขณะที่เธอกำลังจะเดินไป ฮั่วเทียนหลันก็เอ่ยขึ้น : "ชอบชุดนั้นเหรอ"
หยางหลิงรุ่ยพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว แต่พอได้สติก็รีบส่ายหัวขึ้นมาทันที : "ไปกินข้าวกันก่อนดีกว่าค่ะ วันหลังค่อยมาดูก็ได้"
แต่ฮั่วเทียนหลันกลับเดินตรงเข้าไปในร้านก่อนจะมองดูเสื้อผ้าภายในร้าน จากนั้นชี้ไปที่หยางหลิงรุ่ยและเอ่ยขึ้น : "หาเสื้อผ้าทั้งหมดที่มีขนาดพอดีตัวกับผู้หญิงคนนี้ ใส่แล้วแพ็คให้หมด"
หนุ่มหล่อไม่ว่าจะไปที่ไหนก็กลายเป็นจุดสนใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง