หยางหลิงรุ่ยมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก หลังจากกระทืบเท้าออกจากร้านเสื้อผ้าเธอก็ผลักฮั่วเทียนหลันออกทันที
"คุณชายฮั่ว เมื่อกี้ทำไมคุณถึงเรียกฉันแบบนั้น" เธอกล่าวหาเขาอย่างดุเดือด
สำหรับผู้ชายคนนี้ เธอเหนื่อยเกินจะโมโหเขาแล้ว
เมื่อสักครู่ถ้าไม่ใช่เพื่อชื่อเสียงของทั้งสองตระกูล เธอคงจะด่าว่าเขาเพ้อฝันไปแล้ว
เขาชักจะทำเกินเหตุไปแล้ว เธอยังไม่ได้แต่งงานเลยด้วยซ้ำ แต่เขากลับบอกว่าเธอเป็นภรรยาของตนเอง
หากเรื่องนี้ถูกแพร่กระจายออกไป เธอจะทำตัวยังไง
ฮั่วเทียนหลันก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วค่อยๆโน้มตัวลง ท่าทางล่อแหลมเช่นนี้ทำให้ใบหน้าของหยางหลิงรุ่ยแดงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เขามองดูเธออย่างนึกสนุก : "คุณหยางไม่พอใจอะไรกับสิ่งที่ผมทำเมื่อกี้เหรอ"
หยางหลิงรุ่ยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย กวาดสายตามองแววตาพร้อมโจมตีของเขา ก่อนจะรีบหลุบตาลง
เธอรู้สึกหวาดกลัว และไม่กล้าพูดต่อปากต่อคำกับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว
เพราะถ้าเธอพูดไม่เข้าหูผู้ชายคนนี้เมื่อไหร่ เขาก็จะจูบเธออย่างรุนแรงทันที
"ไม่ ไม่มีอะไร แต่ตอนนี้คุณช่วยเขยิบออกห่างจากฉันอีกหน่อยได้ไหม" หยางหลิงรุ่ยยื่นมือออกไปราวกับต้องการบอกให้ฮั่วเทียนหลันเว้นระยะห่าง
แต่ฮั่วเทียนหลันกลับยิ่งโน้มตัวลงไปอีก ทำให้หยางหลิงรุ่ยรีบชักมือกลับมือในทันที
ลมหายใจอุ่นๆของเขาเป่ารดใบหน้าของหยางหลิงรุ่ย ทำให้เธอรู้สึกไม่หายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมา
แต่จุดที่พวกเขาสองยืนอยู่นั้นมักถูกสายตาของคนที่เดินผ่านไปมาจับจ้องมองมา ซึ่งทำให้หยางหลิงรุ่ยรู้สึกไม่สงบ
“คุณหยางต้องการให้ผมอยู่ห่างจากคุณไกลแค่ไหนเหรอครับ” หลังจากฮั่วเทียนหลันแกล้งหยางหลิงรุ่ยจนพอใจแล้ว เขาก็ยืดตัวขึ้นตรงเช่นเดิม
ระยะห่างของพวกเขากลับเข้าสู่จุดปลอดภัย หยางหลิงรุ่ยจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ระยะห่างที่ดีที่สุดก็คือไม่ต้องเจอกันเลย คุณชายฮั่วฉันพาคุณไปทุกที่แล้ว หลังจากกลับไปฉันจะบอกพี่ชายใหญ่ให้เปลี่ยนการต้อนรับของบริษัทให้เป็นทางการกว่านี้ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะคะ"
พูดจบ เธอเดินผ่านฮั่วเทียนหลันออกไป
แต่ในวินาทีต่อมาเธอก็ถูกเขารั้งเอาไว้เสียก่อน ก่อนเขาจะดึงตัวเธอเข้าไปในอ้อมกอด
ฮั่วเทียนหลันแนบใบหน้าเข้าหาเธอ ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาเป่ารดบริเวณใบหูของเธอไม่ห่าง : "ถ้าพูดเช่นนั้น คุณหยางก็สามารถต้อนรับแบบไม่เป็นทางการได้ใช่ไหม"
หยางหลิงรุ่ยผงะไปชั่วขณะ ที่เธอพูดเมื่อกี้เธอหมายถึงจะเปลี่ยนพนักงานของ Aneng Group ให้ได้มาตรฐานต่างหาก
แต่ทำไมสิ่งที่ผู้ชายคนนี้พูดออกมา กลับเปลี่ยนแปลงความหมายของเธอไปอย่างสิ้นเชิง
"ไม่ ไม่ใช่……"
เธอยังพูดไม่จบ ก็รู้สึกเหมือนคอมีอะไรบางอย่างเพิ่มเข้ามา
หลังจากที่ผู้ชายคนนี้ทำเสร็จสิ้น เขาก็ปล่อยตัวเธอออก
หยางหลิงรุ่ยมองดูสิ่งที่เพิ่มเข้ามาบนคออย่างอธิบายไม่ถูก เธอวางมือลงบนสิ่งนั้นเบาๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามันสวยงามขึ้นมาถนัดตา
แต่วินาทีต่อมาเธอก็นึกได้ว่านี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ผู้ชายคนนี้ทำไมจู่ๆถึงได้ใส่สร้อยคอให้เธอเช่นนี้ล่ะ!
"ฮั่วเทียนหลัน นี่คุณกำลังทำอะไรอยู่"
พูดจบเธอก็ออกแรงดึงมันลงอย่างแรง แต่ดึงจนคอของเธอเจ็บสร้อยเส้นนี้ก็ไม่ยอมหลุดออก
ร่างโปร่งของฮั่วเทียนหลันกดเธอเอาไว้ใต้ร่างของเขา : "สร้อยคอเส้นนี้เดิมทีก็เป็นของคุณหยาง เมื่อก่อนคุณชอบมันมากและตอนนี้ก็ถือว่าผมได้นำมันมาคืนให้เจ้าของมันแล้ว"
“นี่ไม่ใช่ของฉัน คุณถอดมันออกเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
หยางหลิงรุ่ยเอื้อมมือไปด้านหลังคอเพื่อหาหัวกลัดของสร้อย แต่สร้อยเส้นนี้ไม่รู้ว่าทำยังไงถึงไม่มีหัวกลัดเลย
และการโต้แย้งของพวกเขาสองคนนั้นยังดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบๆ
ฮั่วเทียนหลันใช้สายตาอบอุ่นกวาดมองไปทั่วใบหน้าร้อนรนของหยางหลิงรุ่ย เขายื่นมือออกไปจับตัวหยางหลิงรุ่ยที่ตอนนี้ยังคงพยายามปลดสร้อยคอออกอย่างไม่ยอมแพ้
"ตอนนี้ผมมอบให้คุณแล้ว!"
“แต่ฉันไม่ต้องการ!”
คำพูดทิ่มแทงของเธอนั้น ทำให้ดวงตาของฮั่วเทียนหลันหลุบต่ำลง
“สร้อยคอเส้นนี้คุณสวมใส่แล้วดูดีมากและยังเข้ากับบุคลิกของคุณอีกด้วย”
"ขอร้องล่ะ สร้อยเส้นนี้ถูกออกแบบตั้งต้นศตวรรษที่แล้วแล้ว ดูยังไงก็เหมาะกับคุณป้าวัยกลางคนเสียมากกว่า หรือคุณกำลังจะบอกว่าฉันแก่แล้วงั้นเหรอ"
คำพูดของหยางหลิงรุ่ยแหลมคมขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ฮั่วเทียนหลันที่ไม่เคยเต็มใจพูดอธิบายอะไร ถึงกลับหุบยิ้มลงอย่างรู้สึกเศร้าใจ
เขามองดูเธอด้วยสายตาที่รักใคร่ จนทำให้เธอไม่มีที่จะหลบหลีก
“อันที่จริงผมแค่อยากจะกักขังคุณเอาไว้ ไม่ให้คุณจากผมไปตลอดกาล”
หยางหลิงรุ่ยยังคงต้องการที่จะโต้แย้ง แต่เมื่อเห็นความเศร้าในดวงตาของฮั่วเทียนหลัน เธอก็กลืนคำพูดทั้งหมดลงที่เดิม
เเธอทำตัวไม่ถูก มือทั้งสองจับเข้าที่เสื้อ ผ่านไปสักพักถึงรู้สึกผ่อนคลายลง : "แต่ว่าคุณชายฮั่ว ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณนะ แต่ฉันไม่ใช่คนที่คุณตามหาจริงๆ"
ฮั่วเทียนหลันยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย : "อืม ผมฝืนใจคุณแล้ว"
เขาหันหลังกลับและเดินตรงไปที่ลิฟต์ก่อนจะกดปุ่มด้านหน้า
หยางหลิงรุ่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังเดินตามเขาไป
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงไม่ได้ดูเศร้าใจ แต่เธอก็ยังหาเหตุผลให้ตัวเองเดินตามเขาไป ว่าถึงอย่างไรตนเองก็ยังต้องร่วมมือทำธุรกิจกับเขาอยู่
แต่ไม่รู้ทำไมหยางหลิงรุ่ยถึงได้รู้สึกว่าเขาดูเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ไม่มีความเย่อหยิ่งเอาแต่ใจเหมือนแต่ก่อน กลับกันมีเพียงความเศร้าที่ซ่อนเอาไว้ลึกๆ
ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ได้ทำลายความตั้งใจของเขาจนหมดสิ้น
เมื่อมองดูใบหน้าด้านข้างของฮั่วเทียนหลัน เธอก็รู้สึกใจกระตุกขึ้นมา จอนผมของผู้ชายคนนี้ทำไมถึงได้มีสีขาวประปรายอยู่
เธอจำได้ว่าผู้ชายคนนี้พึ่งจะอายุสามสิบกว่า ซึ่งเป็นช่วงวัยที่ดีที่สุดในชีวิต แต่ทำไมเขาถึงได้มีผมขาวขึ้นก่อนวัยล่ะ
ที่ลานจอดรถใต้ดิน หลังจากฮั่วเทียนหลันขึ้นรถแล้ว หยางหลิงรุ่ยก็เดินขึ้นตามอย่างเชื่อฟัง
เขาไม่ได้เอ่ยพูดอะไรขึ้นมาจนกระทั่งถึงคฤหาสน์หยาง
รถหยุดเคลื่อนไหว ก่อนเธอจะเดินลงไป
หลังจากเดินไปข้างหน้าได้ไม่กี่ก้าว เธอก็อดไม่ได้ที่จะยืนนิ่งและหันกลับไปมองรถสีเข้ม
รถยังไม่ได้ออกตัวไป ไฟในห้องโดยสารเปิดขึ้นทำให้เธอสามารถมองเห็นเงาของผู้ชายคนนั้นอย่างคลุมเครือ
จู่ๆหยางหลิงรุ่ยก็รู้สึกว่าวันนี้ตนเองพูดแรงเกินไปหน่อย
และเป็นครั้งแรกที่เธอกลับมาบ้านด้วยความรู้สึกฟุ้งซ่านเช่นนี้
ทันทีที่เธอเดินเข้าไปในห้องรับแขก พี่เลี้ยงก็รีบเดินเข้าพูดเกี่ยวกับพัฒนาการด้านการเรียนของชิงหรงในวันนี้ให้เธอฟัง
หยางหลิงรุ่ยมักจะตั้งใจฟังเรื่องพวกนี้เสมอมา
เพราะการเรียนรู้ต้องเริ่มต้นจากการปูพื้นฐาน และอนาคตของชิงหรงนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
แต่วันนี้เธอกลับรู้สึกเหนื่อยหน่ายไม่อยากฟัง พอพี่เลี้ยงพูดไปได้สักพักเธอก็โบกมือขึ้นเป็นเชิงบอกว่ารับรู้แล้ว
เธอขึ้นไปห้องนอนของตนเองที่ชั้นบน ก่อนจะนอนแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำสักพักและมองดูโคมระย้าบนเพดานพลางคิดเรื่องของวันนี้
สร้อยคอยังคงไม่สามารถถอดออกได้ ราวกับว่าผู้ชายคนนั้นได้ร่ายมนตร์ใส่ ล็อคหัวใจของเธอเอาไว้แน่น
สร้อยคอเส้นนี้มีดีไซน์อย่างนำเทรนด์มีสไตล์เรียบหรูหรูหรา ใครเห็นก็ต้องหลงรักและไม่รู้สึกว่าล้าสมัย
และหากเธอไม่ได้มองผิดล่ะก็ ดูเหมือนเธอจะเคยเห็นข้อมูลของสร้อยเส้นนี้ในหนังสือเกี่ยวกับเครื่องประดับล้ำค่า
มูลค่าทางตลาดของมันอาจเกินแปดหลัก
แต่ผู้ชายคนนี้กลับมอบมันให้เธอง่ายๆ
หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เธอล้มตัวนอนลงบนเตียงเธอเนิ่นนานก็ไม่รู้สึกง่วงเสียที
ในสมองพลันนึกถึงความทรงจำสั้นๆในชีวิตของเธอ พี่ชายใหญ่ พี่ชายรอง พี่สะใภ้ จางรัน และยังมีฮั่วเทียนหลันคนนี้
ภรรยาของฮั่วเทียนหลันคือใครกันแน่
หรือว่าเป็นเธอจริงๆน่ะหรือ
แต่นามสกุลของเธอคือหยางไม่ใช่อันสักหน่อย พี่ชายใหญ่และพี่ชายรองต่างก็ปฏิบัติต่อเธอด้วยความจริงใจ ความรู้สึกเช่นนี้ไม่มีทางเป็นสิ่งที่ปลอมขึ้นมาได้
แต่ความผูกพันของผู้ชายที่มีต่อเธอก็ไม่ได้ดูปลอมเช่นเดียวกัน
เธอคิดเรื่องนี้ทั้งคืนจนกระทั่งท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีขาว หยางหลิงรุ่ยจึงลุกขึ้นจากเตียงด้วยความสิ้นหวัง
เธอไม่ได้หลับตลอดทั้งคืน
ยิ่งไปกว่านั้นคือมือของเธอเอาแต่ลูบสร้อยคอเส้นนี้อย่างไม่รู้ตัว
เธอลุกขึ้นสวมชุดสบายๆและลงไปวิ่ง jogging ด้านล่าง
ดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาสวยงามแปลกตา
เธอวิ่งตามทิศทางที่พระอาทิตย์กำลังส่งแสงขึ้น
จนกระทั่งดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูงเรื่อยๆ จนเธอไม่สามารถตามทันได้
หยางหลิงรุ่ยเตัวเปียกไปด้วยเหงือก่อนจะหยุดวิ่งลง ความรู้สึกหลังออกกำลังกายเสร็จเช่นนี้ช่างรู้สึกสบายตัวยิ่งนัก
และในขณะนั้นเองจู่ๆเธอก็ถูกเงาดำปกคลุม
เธอเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายตรงหน้า ก่อนจะรู้สึกราวกับตัวเองตากำลังฝาด
ตอนนี้พึ่งจะเจ็ดโมงเช้า ทำไมเขาถึงมาโผล่อยู่ตรงนี้ได้
ฮั่วเทียนหลันที่ปรับอารมณ์ได้แล้วยื่นผ้าขนหนูและน้ำส่งให้หยางหลิงรุ่ย เมื่อมองเห็นขอบตาแพนด้าของเธอ เขาก็ยิ้มขึ้นก่อนจะเอ่ย : "นอนไม่หลับเหรอ"
หยางหลิงรุ่ยตอบรับเสียงอู้อี้ ก่อนจะรู้สึกว่าตนเองพูดพลาดไป
ทำไมเธอถึงได้นอนไม่หลับล่ะ เป็นเพราะผู้ชายคนนี้เหรอ
เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
“ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่” เธอถามด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร
ฮั่วเทียนหลันไม่สนใจท่าทีของเธอ เขาคุ้นชินกับการทำตัวราวกับเป็นแมวป่าตัวน้อยของหยางหลิงรุ่ยแล้ว
“นี่คือพื้นที่ของที่บ้านคุณเหรอ”
"ไม่ใช่"
“ถ้าอย่างนั้นทำไมผมจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ล่ะ!” คำพูดของฮั่วเทียนหลันทำให้หยางหลิงรุ่ยพูดไม่ออก
แม้เธอจะรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ปรากฏตัวที่นี่ก็เพราะต้องการพบเธอ
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น เป็นพี่เลี้ยงที่โทรมาตามให้เธอกลับบ้านเพื่อทานอาหารเช้า
“งั้นคุณชายฮั่วก็เชิญตามสบายนะคะ ฉันจะกลับบ้านไปทานข้าวแล้ว” พูดจบ หยางหลิงรุ่ยก็หันหลังเตรียมจะวิ่งกลับไป
แต่วินาทีต่อมามือของเธอถูกคว้าเอาไว้
"ดื่มน้ำและใช้ผ้าขนหนูของผมแล้ว คุณหยางจะไม่ขอบคุณผมสักหน่อยหรือ"
หยางหลิงรุ่ยมองไปที่ชายคนนั้นอย่างไม่พูดอะไรออกมา ความรู้สึกผิดที่เกิดจากการพูดทำร้ายจิตใจผู้ชายคนนี้เมื่อวานนี้ก็พลันหายไปในทันที
ผู้ชายคนนี้หว่านพืชหวังผลชัดๆเลย!
"คุณชายฮั่วทำแบบนี้ก็...ช่างมันเถอะ คุณอยากให้ฉันขอบคุณยังไง ขอแค่ไม่ใช่เรื่องทางกายก็พอ" หยางหลิงรุ่ยเอ่ยเน้นประโยคสุดท้าย
เพราะเธอกลัว ผู้ชายคนนี้มักจะลงมือกระทำกับเธอเสมอ
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็มักจะรู้สึกอ่อนโอนและไม่เอาความเขา
"หึ เรื่องทางกายงั้นเหรอ" ฮั่วเทียนหลันมองหยางหลิงรุ่ยด้วยสายตาเรียบนิ่ง ทำให้เธอถอยหลังอย่างประหม่า แต่ก็ถูกเขาคว้าข้อมือไว้ไม่ให้หนี
“เลี้ยงข้าวเช้าผมล่ะกัน!”
หยางหลิงรุ่ยหรี่ตาลง ทาน ทานข้าวเช้าเหรอ
ครอบครัวหยางนั้นทานอาหารเช้าพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว
มันหมายความว่าเธอต้องพาฮั่วเทียนหลันกลับไปกินข้าวกับพี่ชายใหญ่ พี่สะใภ้ พี่ชายรอง ชิงหรงและคนอื่นๆด้วย ...
"นี่... " เธอรู้สึกลังเล ฮั่วเทียนหลันจึงเอ่ยพูดขึ้นมา นั่นทำให้ความคิดที่ปฏิเสธทั้งหมดของเธอหายไปในทันที
“ถ้าไม่ได้ล่ะก็ ผมรับค่าตอบแทนเป็นร่างกายของคุณก็ได้นะ”
“ฝันไปเถอะ กลับไปที่บ้านกับฉัน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง