โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 320

ครอบครัวหยาง ที่ร้านอาหาร

จู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งเข้าร่วมโต๊ะอาหารอย่างกะทันหัน ทำให้คนรับใช้รู้สึกไม่คุ้นชิน

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ชายคนนี้หล่อมาก ทำให้ผู้หญิงอายุยี่สิบจนถึงอายุห้าสิบอย่างป้าเฉินมองอย่างไม่ละลายตา

ฮั่วเทียนหลันไม่ได้สังเกตถึงสายตาที่มองมาของเหล่าคนใช้ เขาลุกขึ้นมา มองไปที่ภาพวาดที่ติดอยู่ตามผนังร้าน หยางหลิงรุ่ยที่มองเห็นฮั่วเทียนหลันก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูกจึงขึ้นไปด้านบนเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด

ทันทีที่เธอมา เธอก็เห็นหยางหยวนกำลังเดินขึ้นบันไดอย่างช้าๆ

เธอรีบเดินไปพยุงเขา พร้อมถามขึ้นมาว่า “พี่ชาย พี่ไม่ไปทานข้าวเช้าหรอ กลับขึ้นไปด้านบนทำไม?”

“จะขึ้นไปดูชิงหรงสักหน่อย อยู่คนเดียวมันน่าเบื่อ” หยางหยวนพูดพร้อมยิ้มออกมา

ตอนนั้นตงเหยียนจูงมือของชิงหรงออกมาจากห้องนอน มองเห็นหยางหยวนที่กำลังเดินขึ้นมา เธอเลยรู้สึกอารมณ์เสียเล็กน้อย “หลิงลุ่ย ไม่ต้องไปสนใจเขา เขาหมดแรงเมื่อไหร่ก็หยุดเองแหละ!”

ผู้ชายคนนี้ ดูเหมือนว่าจะยังไม่รู้ว่าตัวเองเหนื่อย

ตอนเช้าของวันนี้ตงเหยียนกำลังนอนหลับอยู่สบายๆ แต่ก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยมือที่ซุกซนทั้งสองข้าง

หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ไม่สามารถความคุมร่างกายของตนเองได้

เขาว่าคนที่ร่างกายไม่แข็งแรง ความสามารถจะลดลง

แต่สำหรับร่างกายของผู้ชายคนนี้ เธอเห็นว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น

แต่เธอยังกลับถูกทำให้หลงใหล และใช้เวลาไปถึงครึ่งชั่วโมง

ในตอนที่เธอลงมาจากเตียง ขาเธออ่อนจนเกือบจะล้ม

หยางหยวนมองมาที่ตงเหยียนพร้อมหัวเราะ ในตอนนั้นชิงหรงก็วิ่งเขามาหาเขาพร้อมกับพูดว่า “คุณอาคะ หรงหรงช่วงพยุงคุณอา”

หยางหยวนลูบไปที่หน้าของชิงหรงพร้อมพูดว่า “ตัวน้อย คุณอาไม่อยากรบกวนหนู”

ทุกคนในครอบครัวเข้ามาในร้านอาหารหยางหลินเองก็มาถึงแล้ว ถึงแม้จะสงสัยว่าฮั่วเทียนหลันมาทำไม แต่ก็เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้คุยเรื่องธุรกิจ

เมื่อเห็นหยางหยวนมา ฮั่วเทียนหลันก็ลุกขึ้น “ลุงหงาย ต้องขอโทษด้วยที่มาโดยไม่ได้บอกกล่าว”

เมื่อเห็นฮั่วเทียนหลัน หยางหยวนก็ตกตะลึงและมองไปที่หยางหลิงรุ่ยด้วยความสับสน

ใบหน้าของหยางหลิงรุ่ยมีสีแดง ก้มหน้าและบิดเสื้อผ้าของเธอ พูดด้วยเสียงงึมงำ “ฉันไปเจอเขาโดยบังเอิญเมื่อเช้า เห็นว่าคุณฮั่วยังไม่ได้ทานข้าว จึงชวนเขามาทานข้าวเช้าด้วยกัน”

หยางหยวนส่งเสียงอ่า แต่เสียงนี่เหมือนมีความหมายลึกๆของมันอยู่

แต่ตงเหยียนก็เข้ามาขัดจังหวะ และพาหยางหยวนไปนั่ง

ทุกคนนั่งลง และจัดให้ฮั่วเทียนหลันนั่งข้างหยางหลิงรุ่ย

แต่ว่างชิงหรงกลับไปนั่งแทรกกลางระหว่างพวกเขาทั้งสอง

ตงเหยียนจำลุงที่น่ารังเกียจคนนี้ได้อย่างคลุมเครือ เธอไม่สนใจฮั่วเทียนหลันเลยสักนิด

ท่าทางที่เงียบขรึม ทำให้ตงเหยียนที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งอดยิ้มไม่ได้

แต่อย่างไรก็ตามความสงสัยในใจเธอก็มากขึ้นเรื่อยๆ

ยิ่งมองผู้ชายคนนี้ก็ยิ่งคล้าย

หยางหลิงรุ่ยคิดว่ายิ่งคนร่วมโต๊ะรับประทานอาหารมากขึ้น บรรยาศก็จะครื่นเครงมากขึ้น

แต่คิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่เย็นชาคนนี้ จะเย็นชาเสียจริง เขาไม่เคยคิดที่จะหาเรื่องเพื่อจะมาคุยบนโต๊ะอาหารเลย

หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ เขารับโทรศัพท์ และก็ออกจากที่นั่นทันที

หยางหลิงรุ่ยถอนหายใจ เธอนั่งไปที่บนโซฟา เมื่อเห็นแบบนั้นชิงหรงก็รีบวิ่งเข้ามาหาเธอพร้อมอ้อนออกมาว่า “แม่จ๋า แม่จ๋า....”

“หะ? ตัวน้อย” หยางหลิงรุ่ยยื่นมือออกไปกอดเธอ จากนั้นก็จับไปที่หน้าของเธอเบาๆ

ชิงหรงมองไปที่เธออย่างไร้เดียวสาพร้อมพูดว่า “แม่จ๋า แม่ลืมไปแล้วหรอ? วันนี้แม่สัญญาอะไรกับหนูไว้”

สัญญาอะไรไว้?

หยางหลิงรุ่ยไม่ได้นอนมาหลายคืน สมองของเธอจึงเลอะเลือนไปบ้าง

ผ่านไปไม่นาน เธอถึงนึกขึ้นได้ เหมือนกับว่าเธอจะให้รางวัลกับชิงหรงที่สอบได้ที่หนึ่ง โดยการพาเธอไปเที่ยวสวนสนุก

“จำได้สิ จะลืมได้อย่างไร พวกเราไปกันเถอะ” หยางหลิงรุ่ยเอนตัวจูบเด็กสาวคนนั้น และเตรียมตัวออกจากบ้าน

เนื่องจากเธอลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน และประกอบกับเมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยหลับเธอรู้สึกเวียนหัวและล้มลงไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว

“แม่จ๋า....”

เสียงตะโกนของชิงหรงดังมาจากด้านหลังของเธอ เมื่อเธอรู้สึกตัวว่าเธอกำลังจะล้มไปโดนโต๊ะกาแฟก็มีคนมันจับเธอไว้ทัน

หยางหลินประคองหยางหลิงรุ่ยขึ้นมานั่งบนโซฟา องไปที่รอยคล้ำใต้ดวงตาของเธอ จึงถามออกมาด้วยความห่วงใย “น้องสาว เมื่อวานไปทำอะไรมา?”

หยางหลิงรุ่ยส่ายหน้า เธอไม่สามารถบอกเหตุผลกับเขาได้ ว่าเมื่อวานเธอคิดถึงใครบางคนจนทำให้เธอนอนไม่หลับ

“ไม่มีอะไรหรอกคะพี่ แค่นอนหลับไม่สบาย”

เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หยางหลิงรุ่ยจึงถูกห้ามมิให้ไปสวนสนุก

หยางหลินเลยพาชิงหรงไปแทน

เธอถูกสั่งให้พักผ่อนอยู่ที่บ้าน

นอนอยู่บนเตียงนอนทั้งเช้า และหลังทานอาหารกลางวัน เธอก็เดินออกมาที่ระเบียงเพื่อรับแสงแดด

เธออ่านข่าวอย่างเบื่อหน่าย และเห็นข่าวล่าสุดในกรอของข่าววงการบันเทิง

หลี่เฉียนผู้ช่วยผู้เขียนบทที่มีชื่อเสียง เป็นหัวข้อเรื่องการปั่นราคาหุ้น ซึ่งเป็นหัวข้อข่าวที่มาแรงที่สุดในตอนนี้

การปั่นราคาหุ้นเชื่อมโยงถึงผู้คนในวงการบันเทิงมากมาย เป็นเรื่องที่น่าเศร้าทีที่มันเกิดขึ้นกับคนมีชื่อเสียง ตำรวจตรวจสอบแล้วพบว่ามีดาราจำนวนมากที่มีเกี่ยวข้องกับเธอ

โดยมีเหลียวซิรงคอยให้การสนับสนุนหลี่ชิงอยู่ลับๆ

สำหรับเรื่องนี้ ชาวเน็ตตั้งมาตั้งกระทู้โต้เถียงกัน

ผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย บางคนคิดว่าดูน่ากลัว บางคนคิดว่าเป็นเรื่องจริง บางคนก็คิดว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น

มันทำให้ชื่อของเหลียวซิรง ขึ้นไปติดอันดับหนึ่ง

หยางหริงลุ่ยอยากรู้ เธอจึงค้นหาชื่อของหลี่ชิง ก็พบว่าเธอเล่นละครและภาพยนตร์มามากมาย ซึ่งเธอเป็นผู้เขียนเองทั้งหมด

แถมการวิจารณ์เธอในอินเตอร์เน็ตนั้น ก็อยู่ในทางบวกเสมอ

ผู้หญิงคนนี้เธอก็ดูเป็นคนเก่ง น่าจะหาเงินได้ด้วยความสามารถจริง ๆ เธอไม่ควรที่จะต้องมาปั่นหุ้น

ในตอนบ่ายตงเหยียนนัดกับหยางหลิงรุ่ยจะไปเดินเที่ยวด้วยกัน

ทั้งสองคนเดินไปทั่วห้างสะพสินค้า หลังจากที่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ก็เข้าไปนั่งพักที่ร้านกาแฟและสั่งกาฟสองแก้วรสชาติหวานเล็กน้อย

ตงเหยียนดื่มกาแฟเข้าไป หลังจากนั้นก็วางแก้วลง แต่ดวงตาของเธอนั้นกำลังจับจ้องไปที่หน้าอกของหยางหลิงรุ่ย

“สร้อยเส้นสวยดีนะ! เธอชอบใส่สร้อยตั้งแต่เมื่อไหร?” ตงเหยียนยิ้มพร้อมถามออกมา

หยางหลิงรุ่ยทานของหวานเข้าไปหนึ่งชิ้น หลังจากที่ได้ยินคำถามนี้ เธอรู้สึกกังวลจึงสำลักออกมา

ไอออกมาหลายครั้ง ถึงจะตอบกลับไป “สร้อยเส้นนี้เป็นสร้อยธรรมดา นึกอยากจะใส่ก็หยิบมาใส่”

ตงเหยียนโค้งริมฝีปาก เธอรู้นิสัยของหญิงสาวคนนี้ดี

เธอเป็นคนที่ละเอียด จะอยากใส่ก็ใส่จะอยากถอดก็ถอดได้อย่างไร?

เกรงว่าสร้อยคอเส้นนี้จะต้องมีความหมายพิเศษอะไรอยู่แน่ๆ!

เธอมองไปใกล้ สร้อยเส้นนี้ราคาไม่ได้แพงนัก แต่คนที่เอามาให้เธอคงให้ด้วยใจ

“หรือว่าจางรันจะเป็นคนให้มา?”

“ไม่ใช่ พักนี้ไม่ได้เจอเขาเลย เขาจะเอามาให้ฉันได้อย่างไร” หยางหลิงรุ่ยค่อยจัดเสื้อผ้ามาบังสร้อยคอเพื่อไม่ให้ตงเหยียนมองเห็นมัน

ตงเหยียนยังคงจ้องมองแล้วครุ่นคิดต่อไป

เมื่อเห็นเธอยังคงเป็นแบบนั้นอยู่ หยางหลิงรุ่ยจึงพูดออกมาว่า “ถ้าเธอชอบหละก็ ฉันให้!”

พูดจบ เธอก็แกล้งทำเป็นถอดสร้อยคอออก

ตงเหยียนรีบสะบัดมือปฏิเสธพร้อมพูดขำๆออกมาว่า “ไม่ๆ ไม่ต้องเลย ฉันไม่กล้ารับมันไว้หรอก คนที่ให้สร้อยเส้นนี้แกเธอเขาต้องชอบเธอแน่ๆ ถ้าหากเขารู้ว่าเธอเอามาให้ฉัน กลัวว่าฉันออกไปข้างนอกในตอนกลางคืนอาจจะถูกลอบทำร้ายได้!”

ใบหน้าของหยางหลิงรุ่ยแดงขึ้น และใจของเธอก็เต้นเร็ว

และเมื่อเธอนึกถึงหน้าของผู้ชายคนนั้น เธอก็กำสร้อยเส้นนี้ไว้อย่างแน่นพร้อมเก็บมันไว้ที่ตัวเองต่อไป

“พี่สะใภ้ พี่อย่าพูดเหลวไหล สังคมของฉันแคบขนาดนี้ ใครจะเอาสร้อยมาให้ฉันได้หละ?”

ตงเหยียนมองไปที่หน้าอันสวยงามของหยางหลิงรุ่ย ในฐานะที่เธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เธอก็อิจฉาหยางหลิงรุ่ยเช่นกัน

ผิวพรรณของเธอดีมาก ขาวเป็นธรรมชาต รูปร่างที่เรียวบาง และไม่มีริวรอยใดๆบนใบหน้า

“ถ้าให้ฉันคิด คนที่จะให้เครื่องประดับกับเธอได้ ถ้าไม่ใช่จางรัน ก็อาจจะเป็นคุณฮั่วที่เพิ่งจะมาบ้านเราเมื่อเช้า?”

ตงเหยียนพูดออกมมาเหมือนกับรู้ทุกอย่าง ทำให้หยางหลิงรุ่ยตกใจ

เธอตกใจมาก แต่ใบหน้าของเธอสงบนิ่ง เธอจิบกาแฟเพื่อกลบเกลื่อนและพูดว่า “พี่สะใภ้ ฉันนึกขึ้นมาได้ว่าฉันมีเรื่องที่ยังไม่ได้ทำ ฉันขอตัวกลับก่อนนะ”

พูดจบ ยังไม่ทันรอให้ตงเหยียนได้ตอบ เธอก็รีบลุกขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลน

ตงเหยียนเห็นเงาของหยางหลิงรุ่ยที่เดินออกไปไกล เธอครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและส่งข้อความไปหาหยางหยวน

“ความสัมพันธ์ระหว่างฮั่วเทียนหลันและหลิงรุ่ยเริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ และฮั่วเทียนหลันยังเอาสร้อยคอที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นของเธอ มามอบให้กับเธอด้วย”

ผ่านไปไม่นานหยางหยวนก็ส่งข้อความกลับมา

“หยางหลิงรุ่ยมีเขาอยู่ในใจ”

หยางหลิงรุ่ยกลับบ้านมาด้วยความรู้สึกตื้นตัน เธอขังตัวเองอยู่ในห้อง

เธอนั่งอยู่ที่ระเบียง ดูแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆเลือนหายไป แล้วแสงดาวที่ค่อยๆขึ้นมาแทนที่

ไม่นานก็พี่ชายคนที่สองของเธอก็เรียกเธอให้ไปทานข้าว แต่เธอก็ทำเป็นหลับและไม่ได้ลงไป

สายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่สร้อยคอในมือของเธอ

ในใจของเธอมีความรู้สึกแผ่วเบา รู้สึกเหมือนกับว่าคุณฮั่วเป็นคนดี

และเขาก็ยังจริงใจกับเธอมาโดยตลอด

ในความทรงจำแรงของเธอกับผู้ชายคนนี้ เขาเป็นคนที่หัวรุนแรงและสะเพร่า

แต่เมื่อผ่านไปหลายหลายวัน เธอก็รู้สึกได้ว่าเขามุ่งเป้ามาที่เธอเท่านั้น

และเหมือนกับว่าในใจของเขาคิดว่าเธอคือ อันหรัน

เมื่อนึกถึงความทรงจำสั้นๆของเธอ หยางหลิงรุ่ยจึงสงสัยขึ้นมาว่าชื่อเดิมของเธอคืออันหรันหรือเปล่า?

แต่ตอนนี้เธออาศัยอยู่ที่บ้านของตระกูลหยาง ถ้าเป็นแบบนั้นจริงคนในครอบครัวก็กำลังโกหกเธออยู่ และพาเธอไปสู่ชีวิตใหม่

เมื่อความคิดนี้เกิดขึ้นจากใจของเธอ มันก็จไม่อาจต้านทานได้

เธอหยิบโทรศัพท์มาเปิดหลายครั้ง และเปิดค้างไว้ที่ช่องแชทของเขา เธอยากจะถามเขามากๆ

แต่เมื่อเธอพิมพ์ออกไป เธอก็ลบมัน ทำแบบนั้นอยู่หลายครั้ง

พอแล้ว ถ้ามีโอกาสได้เจอกันค่อยถาม!

เช้าวันต่อมา ก็มีพาดหัวข่าวขึ้นมา

โรงแรมเฟลตันที่อยู่ในเครื่อข่ายการดูแลของกลุ่มฟาเรนไฮต์ได้ถูกคนลอบวางระเบิดเมื่อวานนี้

ผู้ก่อการร้ายบรรทุกระเบิดมาเต็มคัน เขาขับรถเข้าไปในโรงแรมจากนั้นก็จุดระเบิดขึ้น

แรงระเบิดสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลให้กับโรงแรมเฟลตัน ชั้นแรกเต็มไปด้วยซากปรักหักพังและแม้แต่ฐานรากก็สั่นสะเทือน

มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คน

โรงแรมเฟลตัน?

เมื่อหยางหลิงรุ่ยเห็นรูปในข่าว เหมือนกับว่าสถานที่แห่งนี้เธอเคยไปมาหลายครั้ง

คิดไปสักพัก เธอถึงจะคิดได้

ว่าทุกครั้งที่เธอไปหาฮั่วเทียนหลัน เธอก็ไปเจอกับเขาที่โรงแรมเฟลตัน

เกิดเรื่องขึ้นที่นั่นแล้ว แล้วฮั่วเทียนหลันหละ? จะเกิดอะไรขึ้นกับเขาไหม?

หยางหลิงรุ่ยทนอยู่เฉยๆไม่ได้ เธอพยายามหาเหตุผลที่จะออกจากบ้าน

หยางหยวนเห็นหยางหลิงรุ่ยที่กำลังลุกลี้ลุกลน จึงขวักมีเรียกหยางหลิน หยางหลินเดินมาหาแล้วพูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่ มีเรื่องอะไรไหม?”

“ให้คนคอยจับตาดูหลิงลุ่ยเอาไว้ และดูแลความปลอกภัยของเธอให้ดี”

ข่าวเมื่อสักครู่ เขาก็อ่านมันแล้วเช่นกัน

สีหน้าของหยางหลิงรุ่ยเต็มไปด้วยความกังวัล เนื่องจากเธอเป็นห่วงคนคนนั้นมาก

และแน่นอนว่า บางสิ่งบางอย่างโชคชะตามันกำหนดไว้แล้ว

หยางหลิงรุ่ยขับรถออกไป ไม่นานก็ขับมาถึงโรงแรมเฟลตัน

แต่ว่าโรงแรมโรงแรมเฟลตันได้ถูกปิดตายไปแล้ว ในตอนที่เธอลงมาจากรถก็มีตำรวจรีบวิ่งเข้ามาหาเธอ “คุณนายครับ ที่นี่มันอันตรายมาก ทางที่ดีคุณนายรีบออกไปจากที่นี่จะดีกว่าครับ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง