“คุณฮั่ว ฉันขอย้ำอีกครั้งว่าที่ฉันมาที่นี่ฉันแค่ต้องการที่จะขอบคุณคุณเท่านั้น เรื่องชีวิตส่วนตัวของคุณก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันและฉันก็ไม่ได้สนใจมันด้วย” ชายคนนี้ยังคงไม่ยอมปล่อย หยางหลิงรุ่ยทำได้เพียงระงับความโมโหไว้ในใจ เธอพูดอย่างราบเรียบ
“โอ้ ขอบคุณผมงั้นเหรอ” ฮั่วเทียนหลันประหลาดใจเล็กน้อย
แต่ในใจกลับเหมือนรู้คำตอบอยู่แล้ว
“ขอบคุณที่วันนั้นคุณถ่ายเลือดให้กับจางรัน เพื่อช่วยชีวิตของเขา!”
ทันทีที่หยางหลิงรุ่ยพูดจบ เธอก็รู้สึกได้ว่าอุณหภูมิรอบตัวเธอลดลงถึงจุดเยือกแข็ง
เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ดวงตาของฮั่วเทียนหลันmujราวกับมีความโกรธแค้นซ่อนเอาไว้อยู่และกำลังจะลุกไหม้
“คุณรู้ได้อย่างไร เพื่อเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ”
สีหน้าของผู้ชาย มันเปลี่ยนง่าย
หยางหลิงรุ่ยฟังน้ำเสียงของเขาออก ดูเหมือนว่าต้องการซักถามหาความรับผิดชอบต่อการรั่วไหลของข้อมูลผู้ป่วยกับทางโรงพยาบาล
เธอรีบพูดขึ้น:“คุณฮั่วคะ นี่ไม่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาล ฉันหาด้วยตัวของฉันเอง คุณช่วยชีวิตเพื่อนของฉัน และฉันก็ต้องขอบคุณคุณอย่างแน่นอน สำหรับคุณอาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆ แต่สำหรับฉันแล้วฉันจะจดจำบุญคุณครั้งนี้ไปตลอดชีวิต”
เรื่องเล็กงั้นเหรอ
ฮั่วเทียนหลันกำหมัดแน่น ตัวเองเกือบจะตายให้กับเรื่องเล็กน้อยที่ผู้หญิงคนนี้พูด!
แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือคำพูดง่าย ๆ เช่นนี้ของเธองั้นหรือ
ฮั่วเทียนหลันปล่อยหยางหลิงรุ่ย แต่กลับขวางทางลงบันไดของเธอ:“คุณหยาง เชิญ”
หยางหลิงรุ่ยรู้ดีว่าตัวเองหนีไม่พ้นจากการบงการของฮั่วเทียนหลันง่าย ๆ ก็เลยเดินไปนั่งบนโซฟาในห้องหนังสือของเขา
ฮั่วเทียนหลันก้าวไปข้างหน้า เพื่อเทกาแฟให้เธอและนั่งลงข้าง ๆ เธอ
เขาเข้ามาใกล้มาก หยางหลิงรุ่ยรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย จึงขยับตัวเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างเธอกับฮั่วเทียนหลัน
“คุณหยาง ในเมื่อคุณจะมาขอบคุณผม แล้วไหนความจริงใจของคุณล่ะ”
ความจริงใจ ความจริงใจอะไร
หยางหลิงรุ่ยตะลึงไปชั่วขณะ ในใจรู้สึกนึกรังเกียจผู้ชายคนนี้ขึ้นมา คนอะไรใจแคบได้ถึงเพียงนี้ เอาแต่หาผลประโยชน์กับเธอเสมอ
“ฉันนำของเยี่ยมมามากมาย ให้บอดี้การ์ดที่ยืนคุมที่หน้าประตูขนลงมาให้แล้ว”
“หึ......” ฮั่วเทียนหลันหัวเราะอย่างเหยียดหยาม
ผู้หญิงคนนี้ คิดว่าของเล็กน้อยนี่สามารถชดเชยได้เหรอ
“คุณหยางคิดแค่นี้ก็ได้เหรอ เอาสิ่งของมาวัดมูลค่า ถ้าอย่างนั้นผมก็สามารถเข้าใจว่าเพียงแค่คุณตั้งราคา ผมก็สามารถไปซื้อคุณมาจากบ้านหยางได้เลยงั้นสิ”
เมื่อได้ยินคำพูดหยาบคายของฮั่วเทียนหลัน หยางหลิงรุ่ยก็กระวนกระวายราวกับเป็นกระต่ายตื่นตูมขึ้นมาทันที
“คุณฮั่ว คุณหมายความว่ายังไง คนเราจะใช้เงินมาวัดมูลค่าได้อย่างไรกัน มันคนละเรื่องกันเลย! ”
แต่ที่ทำให้เธอยิ่งโกรธก็คือ ความโกรธโมโหของเธอถูกฮั่วเทียนหลันมองข้ามและเมินเฉยไปแล้ว
“ความรู้สึกของคุณหยาง ก็คือความรู้สึกของผมในตอนนี้”
คำพูดของฮั่วเทียนหลันเริ่มกดดันเข้ามา ทำให้หยางหลิงรุ่ยชะงักค้างพูดอะไรไม่ออก
อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่สามารถหักล้างหรือโต้แย้งได้ เขาว่ากันว่าผู้หญิงปากคอเราะร้าย แต่ฮั่วเทียนหลันกลับเก่งกาจกว่าเสียอีก
“ขอโทษค่ะคุณฮั่ว ฉันไม่ได้มีเจตนาเอาของเยี่ยมมาให้เพื่อชดใช้อย่างที่คุณเข้าใจ ถ้าหากคุณมีข้อเรียกร้องอะไรก็สามารถเสนอมาได้ หากฉันสามารถทำให้ได้ฉันก็จะทำให้อย่างแน่นอน ”
“อะไรก็ได้ใช่ไหม”
คำพูดของฮั่วเทียนหลัน ทำให้ในใจหยางหลิงรุ่ยรู้สึกเครียดขึ้นเล็กน้อย เหมือนมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยจะดีนักเกิดขึ้นภายในใจ ผู้ชายคนนี้ กลัวว่าเขาจะมีความคิดอื่นเกิดขึ้นมา!
“ไม่ ......ไม่ใช่ แค่สิ่งที่ฉันทำได้ และถูกต้องเท่านั้น......” หยางหลิงรุ่ยพยายามที่จะแสดงความคิดของตัวเอง และพยายามให้คำพูดของตัวเองดูครอบคลุมไม่มีหาที่แทรกได้
ฮั่วเทียนหลันยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ลักยิ้มสองข้างอันสวยงามอยู่บนใบหน้าอันหล่อเหลา เมื่อเห็นเข้าก็ทำให้หยางหลิงรุ่ยเคลิบเคลิ้มเล็กน้อย
“ข้อเรียกร้องของผมเหมาะสมและชอบธรรม คุณหยางทำได้แน่นอน”
ในขณะที่พูด ฮั่วเทียนหลันก็ขยับตัวเข้าไปใกล้หยางหลิงรุ่ย ก่อนจะลุกขึ้นและใช้มือทั้งสองข้างยันโซฟากักตัวของหยางหลิงรุ่ยด้วยระยะประชิดที่แทบจะมีเพียงศูนย์
หยางหลิงรุ่ยหดอย่างสุดกำลัง ก่อนจะเอ่ย:“คุณฮั่ว ขอร้อง......”
ยังไม่ทันจะพูดจบ ลมหายใจของผู้ชายตรงหน้าก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ใบหน้าของเธอ ก่อนเขาจะกดริมฝีปากลงที่ปากนุ่ม ๆ ของเธอ
หยางหลิงรุ่ยร่างกายสั่นเทา แววตาของเธอประกายแสงสว่างวาบอย่างไม่อยากเชื่อ จากนั้นเธอใช้มือและเท้าดิ้นขัดขืนออกอย่างแรง
แต่ฮั่วเทียนหลันสามารถคาดเดาจากท่าทางของเธอได้ก่อน เขาใช้สองมือจับเข้าที่แขนทั้งสองข้างของเธอ และขาข้างหนึ่งก็ทับบนขาทั้งสองข้างของเธอไว้เรียบร้อย
การต่อสู้ของหยางหลิงรุ่ย กลับยิ่งเหมือนพยายามเพื่อที่จะเข้าใกล้ฮั่วเทียนหลัน ร่างกายแนบชิดเข้าหากันไร้ช่องวาง
เมื่อเผชิญหน้ากับการกระทำอันป่าเถื่อนของฮั่วเทียนหลัน สมองของหยางหลิงรุ่ยก็ว่างเปล่าขึ้นมา
เธออยากจะต่อต้าน แต่ร่างกายของเธอเหมือนกับมีกระแสไหลผ่านอย่างแผ่วเบาแทบจะไม่มีแรงพอที่จะสู้ได้
ชายคนนี้ คุ้นชินกับร่างกายเธอเหลือเกิน เพียงแค่ท่าทางหรือการกระทำง่ายๆ ก็ทำให้เธอถูกทำลายความสามารถในการต่อต้านในทันที เธอจึงทำได้เพียงจ้องมองไปที่ดวงตาสีดำทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า
ฮั่วเทียนหลันชิงจูบริมฝีปากของผู้หญิงตรงหน้าอย่างไม่รู้จักพอ ห้านาทีผ่านไปจนหยางหลิงรุ่ยรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะขาดอากาศหายใจ เขาจึงยอมปล่อยเธอเป็นอิสระ
หยางหลิงรุ่ยเอนตัวลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง เธอมองไปที่ผู้ชายตรงหน้าที่กำลังยกยิ้มอย่างผู้ชนะ
บอกไม่ได้ว่าในใจอยู่ในอารมณ์ไหน เกลียด ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ หรือว่ารักงั้นเหรอ เหมือนกับถูกฝืนใจเสียมากกว่าอีก
ฮั่วเทียนหลันลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างและมองออกไปข้างนอก ตอนนี้พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า
“โอเค คุณหยาง คำขอบคุณของคุณผมได้รับมันแล้ว และก็พอใจมากด้วย”
หยางหลิงรุ่ยมองชายตรงหน้าอย่างโกรธแค้น ความภาคภูมิใจของเขาแทบจะเขียนไว้บนหน้า แต่นี่มันใช่คำขอบคุณของเธอที่ไหนกัน
มันชัดเจนแล้วว่าเขาบังคับฝืนใจเธอเพื่อให้ได้สิ่งนี้มาต่างหาก
ตอนนี้เธอยังคงไม่มีแรง หากว่าเธอสามารถยกแขนขึ้นมาได้ล่ะก็
เธออยากจะตบหน้าผู้ชายคนนั้นสักที สั่งสอนเขาสักหน่อย
เธอไม่ต้องการให้เขาดูถูก คิดว่าตัวเองเป็นคนง่าย ๆ ที่สามารถเจ้าชู้ใส่ได้แบบนั้น
ฮั่วเทียนหลันราวกับรู้สึกได้ถึงสายตาโกรธแค้นของหยางหลิงรุ่ย
เขาหันกลับมา แสงแดดยามเย็นทอดลงมาด้านข้างตำแหน่งที่เขายืนอยู่
ทันใดนั้นหยางหลิงรุ่ยก็สังเกตเห็นว่าชายคนนี้ดูเปลี่ยนไป
เมื่อก่อนนั้น เขาดูยิ่งใหญ่และมีอำนาจมากและให้ความรู้สึกว่าสามารถพักพิงได้ราวกับเป็นภูเขาที่นิ่งสงบ
แต่ตอนนี้ ใบหน้าซีดเซียวของเขาและรอยสีแดงบนเสื้อนั้น ล้วนพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าผู้ชายคนนี้กำลังอ่อนแอ
“ฮั่วเทียนหลัน คำขอบคุณนี้ ไม่ใช่ความสมัครใจของฉัน! ”
หยางหลิงรุ่ยไม่อยากอยู่ต่อหน้าชายคนนี้ หลังจากที่เธอสูญเสียพลังไปจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
ฮั่วเทียนหลันก้าวเข้ามาสองสามก้าว ก่อนจะมองไปที่หยางหลิงรุ่ย จากนั้นจึงค่อย ๆ เอนตัวลงช้า ๆ
ระยะห่างระหว่างทั้งสองใกล้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ หยางหลิงรุ่ยประหม่าจนแทบลืมหายใจ
“คุณ คุณจะทำอะไร!ถ้าทำแบบนี้ฉันจะตะโกนเรียกคนมาช่วยแล้วนะ!”
หยางหลิงรุ่ยตะโกนขึ้นอย่างสุดเสียง แต่ในสายตาของฮั่วเทียนหลันกลับมองว่านั่นเป็นเพียงลมหายใจอันแผ่วเบาก็เท่านั้น
เขาโน้มตัวลงกดจูบที่บนริมฝีปากของเธอเบา ๆ แล้วจึงปล่อยเธอออก
“นี่คือดอกเบี้ยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผมเรียกเก็บ หากคุณหยางยังรู้สึกว่ายังไม่ได้ขอบคุณผม ผมก็จะทำให้คุณได้สัมผัสถึงคำขอบคุณของคุณอีกครั้ง!”
หยางหลิงรุ่ยมองดูท่าทางเอาจริงเอาจังของผู้ชายตรงหน้า ในใจก็รู้สึกโมโหอย่างเอาเป็นเอาตาย
ในหัวผู้ชายคนนี้นอกจากเรื่องกามารมณ์แล้วยังมีเรื่องอื่นอีกไหม
เมื่อก่อนเธอหลงรักคนเจ้าชู้แบบนี้ไปได้อย่างไรกัน
เมื่อเห็นท่าทางที่ยังไม่ยอมเลิกละของเขา เธอจึงรีบตะโกนขึ้น :“หยุดนะคุณฮั่ว ฉันสัมผัสได้แล้ว เมื่อกี้คือคำขอบคุณที่ฉันสมัครใจเอง คุณพอใจก็ดีแล้ว”
ในที่สุดหยางหลิงรุ่ยก็ได้เข้าใจว่า คนเราหากอยู่ใต้ชายคาเตี้ยนั้นยังไงก็ต้องก้มหัว ประโยคนี้ของคนโบราณช่างมีเหตุผลเสียจริง
หากเธอยังคงไม่ยอมแพ้ เกรงว่าผู้ชายคนนี้ก็จะทำตัวเหลาะแหละใส่เธออีก
มุมปากของฮั่วเทียนหลันยกขึ้นเล็กน้อย มือหนาค่อย ๆ ลูบไล้ไปทั่วแก้มขาวเนียนนุ่มของหยางหลิงรุ่ย สัมผัสที่ดีงามนี้ทำให้ร่างกายของเขาเริ่มจะตอบสนอง
“ในเมื่อคุณหยางสัมผัสได้แล้ว งั้นคำขอบคุณเมื่อครู่ ก็ควรจะดำเนินต่อไปใช่ไหม”
ดำเนินต่อไปงั้นเหรอ
หยางหลิงรุ่ยสั่นไปทั้งตัว ผู้ชายคนนี้ไม่จบไม่สิ้นจริง ๆ !
“ฮั่วเทียนหลัน คุณ......”
เธอกำลังจะร้องตะโกนใส่เขา แต่เขากลับโน้มตัวลงมา มองดูเธอที่อยู่ตรงหน้าด้วยดวงตาเฉียบคมแต่แฝงไปด้วยความห่วงใย
“ทำไมแผลถึงยังไม่หายดี”
“ห้ะ” คำพูดของฮั่วเทียนหลันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้หยางหลิงรุ่ยดึงสติกลับมาไม่ทัน
“แค่แผลถูกรัด ให้คุณหมอจัดการก็น่าจะดีขึ้นแล้ว แต่ทำไมถึงติดเชื้อได้ล่ะ”
ฮั่วเทียนหลันเชยคางของหญิงสาวขึ้น และมองไปที่รอยฟกช้ำก่อนจะขมวดคิ้วเข้ม
ตอนนี้เขากำลังสัมผัสกับการเจ็บปวดของการติดเชื้อ แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการความเจ็บปวดเช่นนี้ และยิ่งไม่ต้องการให้ผู้หญิงตรงหน้ารู้สึกเช่นเดียวกัน
เธออ่อนแอขนาดนั้น พูดได้ว่าแทบจะต้านทานแรงของลมไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ความห่วงใยของเขาได้สัมผัสไปถึงจุดอ่อนไหวในใจของหยางหลิงรุ่ยอย่างไม่สามารถอธิบายได้ ความโกรธแค้นเมื่อครู่นั้นก็ได้สลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
“ไม่เป็นอะไรหรอก แค่ฉันไม่ค่อยระวัง เดี๋ยวก็หายแล้ว” เธอพูดเสียงต่ำ
เมื่อฮั่วเทียนหลันเห็นท่าทางไม่ใส่ใจของเธอ ก็รู้สึกโกรธขึ้นมาในใจ
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนจะกดโทรออก สักพักก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น จากนั้นหมอประจำตระกูลของเขาก็เดิมเข้ามา
“ช่วยดูแผลที่คอให้ภรรยาผมหน่อยครับ”
“คุณฮั่ว ไม่เอา ฉันให้คุณหมอตรวจดูให้แล้ว”
“เงียบแล้วก็นั่งเฉย ๆ ให้คุณหมอตรวจดูเดี๋ยวนี้!”
ฮั่วเทียนหลันโมโหขึ้นมาฉับพลัน ทำให้หยางหลิงรุ่ยหงอยลงในทันที
เอาเถอะ เป็นผู้หญิงที่โตขนาดนี้แล้วก็ควรจะปล่อยวางไปบ้าง
หลังจากที่ตรวจร่างกายเสร็จ คุณหมอก็ลุกขึ้นและพูดว่า:“นายน้อย คุณนาย......เอ่อ ที่บาดแผลได้ใส่ยาเรียบร้อยแล้ว แค่ระวังอย่าให้โดนน้ำ สามถึงห้าวันก็คงจะหายดีแล้ว”
ถึงแม้ว้าจะไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆถึงมีคุณนายเพิ่มเข้ามาอีกคน แต่คุณหมอก็ยังคงใช้สรรพนามเรียกแบบนี้เช่นเดิม
ฮั่วเทียนหลันพยักหน้าก่อนจะเอ่ย :“อืม คุณไปเถอะ!”
หลังจากคุณหมอออกไปแล้ว หยางหลิงรุ่ยมองไปที่ใบหน้าซีดเซียวของฮั่วเทียนหลัน พลันนึกถึงท่าทางที่เขาดูเป็นห่วงเป็นใยเธอเมื่อสักครู่ แล้วจึงพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจ :“คุณฮั่ว คุณยังกล้ามาตำหนิฉันอีก แผลของคุณยังไม่หายดีเลยด้วยซ้ำ ทำไมถึงไม่รักษาที่โรงพยาบาลต่อ”
“มีแต่หมอที่ไม่มีฝีมือทั้งนั้น” ฮั่วเทียนหลันพูดขึ้นอย่างเหยียดหยาม
“ถึงแม้จะเป็นหมอไม่มีฝีมือ แต่ปัจจัยการรักษาก็ยังดีกว่าหมอประจำบ้านนะ!”
ฮั่วเทียนหลันมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างลึกซึ้ง :“นี่คุณหยางกำลังเป็นห่วงผมเหรอ ผมก็คิดว่าคุณจะเอาแต่สนใจในตัวของจางเส้าคนนั้นซะอีก!”
คำพูดประชดประชันของฮั่วเทียนหลัน ทำให้หยางหลิงรุ่ยโกรธจนตัวสั่น
แค่นี้ก็ยังแยกไม่ออกเลยว่าใครหวังดีไม่หวังดี
อยากจะให้แผลของผู้ชายคนนี้ติดเชื้อไปแบบนี้เรื่อย ๆ จริง ๆ ให้เขาได้ซาบซึ้งถึงความเจ็บปวด!
เธอลุกขึ้นและพูดว่า :“ในเมื่อคุณฮั่วพูดแบบนี้ ฉันคงเป็นแค่คนโง่เขลาที่เอาแต่ทุกข์ร้อนกับเรื่องไร้สาระแบบนี้ งั้นฉันไปก่อนละกัน ไม่รบกวนคุณแล้ว”
เธอกำลังเตรียมจะเดินจากไป แต่มือของเธอกลับถูกฮั่วเทียนหลันคว้าเอาไว้เสียก่อน
“จนถึงตอนนี้แล้ว ผมจะปล่อยให้คุณหยางท้องว่างกลับไปได้อย่างไรกัน แบบนี้ก็ไม่สอดคล้องกับการต้อนรับแขกของบ้านฮัวน่ะสิ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง