โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 335

ฮั่วเทียนหลันเอ่ยเสียงทุ้ม : "ผมพูดชัดเจนแล้วนะ ผมไม่สนว่าคุณจะเป็นอันหรันหรือว่าหยางหลิงรุ่ย แต่คุณต้องเป็นของผมเพียงคนเดียวเท่านั้น!"

หยางหลิงรุ่ยมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างนึกขัน ก่อนจะกลับไปนั่งบนรถ : "หยางเทียน พวกเราไปกันเถอะ!"

หยางเทียนปิดประตูลงแล้วกลับไปนั่งตำแหน่งคนขับ จากนั้นขับรถออกไปทันที

ทันใดนั้นก็มีใครบางคนก้าวออกมาข้างหน้าท่ามกลางความมืด

"ท่านประธานฮั่วครับ หลังจากที่คุณ Auch กลับไป เธอได้ส่งคนไปสืบข้อมูลของคุณหญิงฮั่วครับ"

ฮั่วเทียนหลันสายตาเยือกเย็น เขาเอ่ยขึ้นอย่างเคร่งขรึม : "ถ้าปกป้องหยางหลิงรุ่ยไม่ได้ พวกนายก็ไม่มีประโยชน์ที่จะมีชีวิตอยู่!"

หยางหลิงรุ่ยกลับบ้านด้วยความโมโห ตอนอยู่บนรถเธอพูดสาบานกับตัวเองขึ้นมาในใจ ในอนาคตหากเธอยังติดต่อกับฮั่วเทียนหลันอยู่ ขอให้เธอเป็นหมาเลย

เพื่อแสดงบทบาทชีวิตในตอนนี้ เธอได้ใช้เวลาอยู่กับจางรันมาตลอดทั้งเดือน

เนื่องจากความขัดข้องจนทำให้เกิดการล่าช้า โครงการของประเทศจีนจึงถูกลูกน้องเข้ารับช่วงต่อเรียบร้อยแล้ว จางรันจึงไม่จำเป็นต้องเดินทางไปดูงานนอกสถานที่ด้วยตัวเองเช่นกัน

หลังจากที่จางรันออกจากโรงพยาบาล เธอก็ไปหมกตัวอยู่ที่บริษัทของจางรัน

เธอไม่ได้สังเกตตัวเองเลยด้วยซ้ำว่าการที่เธอทำเช่นนี้ก็เพื่อต้องการให้ฮั่วเทียนหลันคับแค้นใจเท่านั้น

บอกให้เขารู้ว่าเธอจะไม่มีวันถูกเขาครอบงำโดยเด็ดขาด!

จางรันสังเกตได้ถึงความผิดปกติของเธอ แต่ก็เลือกที่จะไม่เอ่ยถามอะไรขึ้นมา เนื่องจากการที่มีเธอคอยอยู่เคียงข้างเสมอเช่นนี้ มันทำให้เขารู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก

ตอนนี้จางรันกำลังยุ่งกับงานที่ห้องทำงานของตนเอง ส่วนหยางหลิงรุ่ยนั้นอยู่ในห้องเลขาด้านข้าง

แม้ว่าเธอจะพูดเป็นประจำว่าอยากช่วยงาน และทุกครั้งเธอก็ทำออกมาได้ดีเสมอ

แต่เลขาก็ไม่กล้าที่จะมอบหมายงานให้เธอทำ มีเพียงงานง่าย ๆ อย่างเช่นส่งเอกสารต่าง ๆ ให้จางรันเท่านั้นถึงมอบหมายให้เธอทำเป็นครั้งคราว

ตอนนี้หยางหลิงรุ่ยกำลังนั่งดื่มกาแฟ กลิ่นหอมเข้มข้นของมันทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมา

บนโต๊ะมีหนังสือเล่มหนึ่งถูกเปิดและวางอยู่ เป็นนวนิยายสำหรับเยาวชนของประเทศจีนเมื่อสองปีก่อน

ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่าพล็อตเรื่องมันช่างคุ้นเคยนัก ราวกับเธอเคยอ่านมาก่อนหน้านั้นและยังรู้สึกเหมือนอ่านมาแล้วหลายรอบอีกด้วย

เธอเปิดอ่านทีละหน้าไปเรื่อยๆ ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งยังสงสัยว่าตัวเองนั้นมีความสามารถในการคาดการณ์ล่วงหน้าด้วยหรือเปล่า

เพราะเนื้อหาของนิยายเรื่องนี้ทั้งหมดเป็นอย่างที่เธอคิดไว้เป๊ะ ๆ เลย

หลังจากอ่านจบหยางหลิงรุ่ยก็เก็บมันลงที่ลิ้นชักใต้โต๊ะชั้นที่หนึ่ง

หนังสือที่ถูกเก็บใส่ชั้นที่หนึ่งนั้น เป็นหนังสือที่เธอมักจะหยิบมันออกมาอ่านซ้ำอยู่บ่อย ๆ

พักนี้เธอรู้สึกว่าในหัวสมองมีความทรงจำแปลก ๆ มากมายโผล่ขึ้นมา แต่เธอกลับไม่กล้าที่จะพยายามนึกให้ละเอียด

เพราะทุกครั้งที่เธอพยายามนึกถึงเรื่องราวในอดีต คลื่นความเจ็บปวดในสมองของเธอก็พลันสาดซัดเข้ามาไม่หยุดหย่อน

ในตอนเที่ยงเธอไปทานอาหารกับเพื่อนร่วมงานข้างนอก พอตอนกลับเธอเดินผ่านร้านโรมิโอเบเกอร์รี่

เธอจำได้ว่าจางรันชอบขนมนี้ร้านนี้มาก

เธอจึงเดินเข้าไปซื้อขนมเค้กที่เขาชอบที่สุดมาสองสามอย่าง จากนั้นจึงกลับไปที่บริษัทและเดินตรงไปยังห้องทำงานของประธาน

หลังจากเคาะประตูจนมีเสียงตอบรับว่าอนุญาตแล้ว เธอถึงเดินเข้าไปข้างใน

จางรันนั่งประจำบนเก้าอี้บอส เขากำลังตรวจสอบรายงานรายรับและรายจ่ายของไตรมาสก่อนหน้า

หยางหลิงรุ่ยกลัวว่าจะขัดจังหวะการทำงานของเขา เธอจึงทำเพียงส่งยิ้มก่อนจะนั่งลงบนโซฟา

จากนั้นหยิบขนมหวานในถุงออกมาวางไว้บนโต๊ะเล็ก ๆ ตรงหน้า

ผ่านไปไม่กี่นาทีจางรันก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะปิดเล่มรายงานลงแล้วเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามหยางหลิงรุ่ย

เขาหยิบเค้กสตรอเบอร์รี่ขึ้นมาหนึ่งชิ้นและยัดมันเข้าปาก รสชาติหอมหวานของเค้กทำให้จิตใจที่เหนื่อยล้าของเขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาไม่น้อย

"นี่ซื้อมาให้ฉันโดยเฉพาะเลยเหรอ"

คำพูดของจางรันทำให้หยางหลิงรุ่ยกลอกตาขึ้นมองบนอย่างอดไม่ได้

“แล้วนายคิดว่าไงล่ะ”

จางรันหัวเราะขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือออกไปรับแก้วชาดำที่หยางหลิงรุ่ยเพิ่งชงเสร็จ : "รู้อยู่แล้วว่าหลิงรุ่ยใส่ใจฉันมาก ๆ"

เขากำลังจะยกชาขึ้นจิบ แต่ถูกมือของหยางหลิงรุ่ยตบเข้าที่แขน

“มันร้อนอยู่นะ!”

ทั้งสองคนพูดคุยหัวเราะกันจนของหวานบนโต๊ะถูกทานจนเกลี้ยง

จางรันเอนตัวพิงกับโซฟ้า ท่าทางที่ดูเหนื่อยล้าของเขาทำให้หยางหลิงรุ่ยรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

“นายเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ต้องรู้จักแบ่งเวลาทำงานและเวลาพักผ่อน อย่าโหมตัวเองมากนัก"

เมื่อได้ยินหยางหลิงรุ่ยพูดขึ้นด้วยความห่วงใย จางรันก็ระบายยิ้มออกมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา : "ไม่เป็นไรหน่า ร่างกายของฉันทนต่อแรงต้านทานได้เยอะ งานเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ทำฉันเหนื่อยไม่ได้หรอก"

ทันทีที่พูดจบ เขาก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก

"หลิงรุ่ย อีกสองวันคุณพ่อคุณแม่ของฉันจะมาหา เรื่องที่คุยกันก่อนหน้านั้นเธอพิจารณาได้แล้วหรือยัง"

หยางหลิงรุ่ยใจสั่นระรัว เธอรู้ว่ายังไงก็หลบไม่พ้นเรื่องนี้ได้จริง ๆ

ใบหน้าของเธอซีดลงเล็กน้อย มือทั้งสองข้างบีบจับเสื้อผ้าอย่างไม่รู้ตัว

“อารัน เรื่องนั้น ให้เวลาฉันอีกหน่อยได้ไหม ฉันรู้สึกว่าตัวเองยังโตไม่พอและอีกอย่างยังมีชิงหรงด้วย ฉัน ... ”

เธอไม่ได้พูดตอบอย่างชัดเจน แต่คำตอบของเธอนั้นแฝงไปด้วยการปฏิเสธในตัวอยู่แล้ว

แววตาของจางรันฉายประกายความเศร้าขึ้นแวบหนึ่ง เขามองดูผู้หญิงที่สง่างามและมีความรู้ความสามารถตรงหน้าที่กำลังประหม่าจนใบหน้าไม่เหลือสีของเลือดฝาดหลงเหลืออยู่

นั่นทำให้เขารู้สึกเห็นใจขึ้นมา

“อืม ไม่รีบ... ”

เขาแทบจะกัดฟันพูดประโยคนี้ออกมา

แต่หยางหลิงรุ่ยกลับไม่ได้สังเกตเห็นความผิดหวังในน้ำเสียงของเขา

เธอรู้สึกราวกับได้รับการอภัยโทษ ร่างกายและหัวใจของเธอรู้สึกผ่อนคลายลงในทันที ก่อนจะปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้า

เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของเธอ ร่างกายของจางรันก็แท็งทื่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

เขารู้ว่าหยางหลิงรุ่ยยังคงมองเขาเป็นเพียงน้องชาย

ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน ดูแลเอาใจใส่เธอมากเพียงใด หรือพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เธอตกหลุมรักเขามากเท่าไหร่

แต่เธอก็ไม่เคยเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเขาเลยสักนิด

หลังจากที่หยางหลิงรุ่ยผ่อนคลายลงแล้ว เธอก็ตระหนักได้ว่าท่าทีของเธอนั้นดูจะชัดเจนเกินไป

เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองเห็นใบหน้าเศร้าสร้อยของจางรัน

หัวใจของเธอหล่นวูบลงทันที เมื่อรู้ว่าตนเองอาจจะทำเกินไปสักหน่อย จากนั้นเธอจึงเอ่ยขึ้นเสียงเบา : "อารัน นายเคยคิดถึงเรื่องอนาคตของพวกเราไหม"

"หือ?" จางรันรอให้หยางหลิงรุ่ยเอ่ยต่อ ถึงแม้จะพอคาดเดาคำพูดต่อไปของเธอได้

"ชิงหรงเรียนอยู่ประถมศึกษาปีที่หนึ่งแล้ว เธอรู้เรื่องรู้ราวแล้ว และอาจจะไม่สามารถยอมรับคนเข้าไปในครอบครัวคนใหม่ได้"

“ฉันจะพยายาม”

"ฉันแก่กว่านายตั้งกี่ปีและผู้หญิงนั้นมักจะแก่เร็วกว่า ซึ่งมันดูไม่ค่อยยุติธรรมกับนายเลย เพราะนายยังสามารถหาคนที่ดีกว่านี้ได้"

“ฉันไม่ถือ”

“แต่ว่าฉันถือ ในใจของฉันมองว่านายเป็นน้องชายมาเสมอ สำหรับฉันแล้วนายคือญาติคนที่ฉันรักมาก ๆ !”

หลังจากพูดสิ่งนี้หยางหลิงรุ่ยก็รู้สึกโล่งใจทันที

ในที่สุดเธอก็ได้พูดในสิ่งที่เธอเก็บเอาไว้ในใจมานาน

แม้ว่าตัวเธอเองจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะหัวใจของเธอสั่งให้พูดออกไปแบบนั้นหรือเป็นเพราะคำพูดขู่ของฮั่วเทียนหลันกันแน่

จางรันมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างเหม่อลอย ท่าทางที่ดูโล่งใจของเธอนั้น ทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้านขึ้นมาเล็กน้อย

อันที่จริงเขาก็สงสัยมาตลอดสองปีที่ผ่านมาว่าเขานั้นเรียกร้องมากเกินไปหรือเปล่า

การที่เธอสูญเสียความทรงจำ ลืมฮั่วเทียนหลันและลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่เมือง Z

นั่นก็ถือเป็นความโชคดีเรื่องโชคชะตาอย่างหนึ่ง เพราะมันสามารถช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในวัยเยาว์ที่เธอพบเจอมาทั้งหมดได้

ภายหลังเขาก็มีความคิดอยากจะดูแลเธอไปตลอดชีวิต

เมื่อก่อน เธอไม่สามารถปล่อยให้เขาทนทุกข์ทรมานได้

และวันนี้ เขาเองก็ไม่อยากให้เธอต้องเป็นทุกข์เช่นเดียวกัน

แต่พอเขาพยายามเข้าใกล้เธอมากขึ้น เธอกลับไม่เคยคิดที่จะเปิดใจให้เขาเลยสักนิด

พวกเขาทั้งสองถูกหยุดไว้แค่ความสัมพันธ์ในฐานะแฟนเท่านั้น หรือแม้กระทั่งอยู่ในจุดที่ห่างเหินกว่ายิ่งกว่านั้นเสียอีก

เขากลัวมากว่าเธอจะจำเรื่องราวในอดีตได้ กลัวว่าเธอจะจำได้ว่าตนเองนั้นคืออันหรันและจำเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนได้

ถ้าหากเป็นเช่นนั้น สิ่งที่เขามีอยู่ทั้งหมดก็คงต้องสูญเสียมันไปอย่างแน่นอน

ความคิดที่อยากจะปกป้องเธอของเขานั้นกลายเป็นเพียงความฝันที่แตกสลาย

ในตอนแรกเธอเป็นพี่สาวของเขา ต่อมาก็กลายเป็นผู้หญิงที่เขาต้องการครอบครองเอาไว้

"หลิงรุ่ย จริง ๆ แล้วฉัน ... "จางรันพยายามที่จะกอบกู้เรื่องทั้งหมด แต่หยางหลิงรุ่ยกลับส่ายหัวตอบกลับมา

ขอบตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา : "อารัน ฉันคิดดีแล้ว นายไม่ต้องพูดโน้มน้าวฉันหรอก"

คำพูดเหล่านี้ตรึงอยู่ในใจของหยางหลิงรุ่ยมานานมากแล้ว

เธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับอดีต แต่ก็ไม่อาจที่จะครอบครองปัจจุบันเอาไว้ได้

จางรันยังหนุ่มยังแน่น ยังมีสิ่งสวยงามมากมายรอเขาอยู่

เขาไม่ควรมาเสียเวลากับเธอโดยเปล่าประโยชน์เช่นนี้

เธอไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนเจ้าชู้หลายใจ ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะวางมือและปล่อยให้เขาไปมีชีวิตที่อิสระ

“นายอายุยังน้อยและมีตัวเลือกอีกมากมาย ถ้าหากเจอผู้หญิงที่เหมาะสมก็เข้าไปจีบเธอซะ ต่อจากนี้ไปพวกเราก็ยังเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม!”

พอพูดประโยคนี้ออกไป แม้ว่าจะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่สมองของหยางหลิงรุ่ยก็ยังคงว่างเปล่า

ความรู้สึกเจ็บปวดจากการสูญเสียยังคงลอยวนอยู่ภายในหัวใจของเธอไม่ยอมหายไปไหน

เธอรู้ว่าตอนนี้ตัวเองนั้นตัวคนเดียวอย่างเต็มรูปแบบแล้ว

จางรันยิ้มอย่างขมขื่นและมองไปที่หยางหลิงรุ่ยอย่างไม่วางตา การเปลี่ยนแปลงของเธอช่วงไม่กี่วันมานี้ เขาเองก็พอสังเกตได้

ส่วนทำไมเธอถึงได้เปลี่ยนไปเช่นนี้นั้น ก็คงเป็นเพราะอะไรไม่ได้นอกจากผู้ชายคนนั้น

"หลิงรุ่ย เรื่องที่เธอพูดกับฉันทั้งหมดเป็นเพราะเจตนาของเธอจริง ๆ หรือเปล่า"

หยางหลิงรุ่ยตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อย ในใจของเธอเองก็กำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาถามออกมาเหมือนกันว่านี่คือสิ่งที่เธอต้องการจริง ๆ ใช่ไหม

แต่คำตอบอาจจะไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าหากฮั่วเทียนหลันไม่ปรากฏตัวขึ้นมา เธอคงจะอยู่กับจางรันไปตลอดชีวิตแน่นอน

ได้ใช้ชีวิตอย่างมีอิสระ ปราศจากโซ่ตรวนและอุปสรรคต่าง ๆ

"อืม ... " หยางหลิงรุ่ยพยายามเค้นคำพูดออกมาจากปาก

จางรันหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมา ก่อนจะกรอกน้ำชาร้อนหมดทั้งถ้วยเข้าไปในปาก ถึงได้ทำให้เขารู้สึกสงบลง

เขายื่นมือออกไปกุมมือเล็ก ๆ ของหยางหลิงรุ่ยอย่างแผ่วเบา

หยางหลิงรุ่ยตัวแข็งทื่อ ก่อนจะพยายามชักมือกลับอย่างไม่รู้ตัว

แต่จางรันกลับกุมมือเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“เป็นคนรักไม่ได้ เป็นญาติสนิทแบบนี้จับมือก็คงไม่เกินไปหรอกใช่ไหม พี่สาว!”

คำเรียกว่าพี่สาวนั้นทำให้หยางหลิงรุ่ยเกิดความรู้สึกมากมายขึ้นมาในใจ

เธอเงยหน้าขึ้นมองจางรันก่อนจะอ้าปากขึ้นอย่างต้องการจะเอ่ยอะไรออกมาแต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ

ขอบตาของเธอเอ่อล้นไปด้วยน้ำอุ่นสีใสที่ตอนนี้เริ่มไหลลงมาตามกรอบหน้าสวย

หัวใจของจางรันขมขื่น แต่ใบหน้าของเขากลับมีรอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏอยู่ เขายื่นมือไปเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของหยางหลิงรุ่ยเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน : "ทำไมถึงร้องไห้เล่า หลิงรุ่ย พี่สาว ไม่ว่ายังไงก็ตามฉันจะเป็นคนสนิทและใกล้ชิดของพี่ที่สุด หากพี่มีเรื่องอะไรต้องการให้ฉันช่วยก็มาหาฉันได้ตลอดเลยนะ"

ภายใต้คำพูดที่สงบและจริงใจนั้นถูกเก็บซ่อนเอาไว้ซึ่งความข่มขื่นภายในหัวใจ และมีเพียงจางรันคนเดียวเท่านั้นที่รู้

ตอนนี้เขาแทบอยากจะหาที่ร้องตะโกนปลดปล่อยอารมณ์ที่หดหู่ของตนเองเต็มทน

ทำไมโลกแสนเศร้าใบนี้ถึงได้เล่นตลกกับเขานัก

ความอบอุ่นที่มือของจางรัน ทำให้ความรู้สึกผิดในใจของเธอเพิ่มขึ้นไปอีก

แม้ว่าจางรันจะไม่ดุด่าต่อว่าเธอ แต่หากเขาทำหน้าบึ้งตึงและไล่ให้เธอไสหัวออกไปเพื่อที่จะระบายความโกรธออกมาบ้าง เธอคงก็จะรู้สึกดีกว่านี้

แต่เขากลับไม่มีแม้แต่คำพูดตำหนิเธอเลยด้วยซ้ำ

"ขอโทษนะ อารัน ขอโทษจริง ๆ ... "

ขณะที่พูดตัวของหยางหลิงรุ่ยก็สั่นไปด้วย

จางรันลุกขึ้นก่อนจะกดตัวหยางหลิงรุ่ยเข้าหาตัวเอง เขาพยุงไหล่ที่สั่นเทาของเธอเอาไว้ และไม่ได้ทำอะไรที่ใกล้ชิดไปมากกว่านั้น

“ฉันไม่โทษพี่หรอก ฉันหวังมากเกินไปเอง ตอนนี้ช่วยสัญญากับฉันสักอย่างสิ”

“อืม นายพูดมาสิ ขอแค่ฉันสามารถทำให้ได้... ”

“ต่อจากนี้ไปอย่าร้องไห้อีกเลยนะ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง