หยางหลิงรุ่ยมองไปที่จางรันอย่างไม่วางตา ความรู้สึกในดวงตาของเขา แทบจะหลอมละลายความมุ่งมั่นในหัวใจของเธอไปหมด
เธอห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาอีก พร้อมทั้งขบฟันแน่นเพื่อฝืนไม่ให้ตัวเองมองจางรันอีกต่อไป และในขณะเดียวกันก็ปล่อยมือของจางรันออก
จางรันกลับไปนั่งที่โซฟาดังเดิม ถึงแม้เขาจะนั่งตัวตรงเหมือนอย่างเคย แต่กลับให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาแก่ลงไปอีก10 กว่าปี
หลายครั้ง ความหวังที่ดับสลาย ก็สามารถทำลายจิตใจของคนได้
เขาไม่ได้ยินยอม แต่ก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธ
ที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่ต้องการให้หยางหลิงรุ่ยกลับไปทนทุกข์ทรมานอีกแล้ว
“หลิงรุ่ย เรื่องของฮั่วเทียนหลัน เธอ......”
เขายังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกหยางหลิงรุ่ยเอ่ยขัดจังหวะขึ้นมาก่อน
เธอดูเหมือนรีบร้อนจะอธิบาย :“อารัน ที่ฉันพูดแบบนี้กับนายไม่ใช่เพราะฮั่วเทียนหลันนะ”
จางรันส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ :"ฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ว่าฉันอยากเตือนเธอสักหน่อย หวังว่าเธอจะฟังกัน”
“เธอจะอยู่กับใครก็ได้ ยกเว้นฮั่วเทียนหลันเพียงคนเดียว เขาเป็นเหมือนเหวลึก ที่สามารถทำให้เธอตกลงไปจนร่างกายและกระดูกแตกละเอียด”
ตอนที่ฮั่วเทียนหลันมาออสเตรเลีย จางรันได้วางแผนที่ชั่วร้ายที่สุดไว้เรียบร้อยแล้ว
การติดต่อระหว่างเขากับหยางหลิงรุ่ย หรือผ่านคนรอบข้างของเขา ก็ทำให้เขารู้มาตั้งนานแล้ว
แต่เขากลับทำเป็นเหมือนไม่รู้ไม่เห็นมาโดยตลอด
เขาไม่ต้องการให้เธอลำบาก สิ่งที่เขามอบให้เธอก็คืออิสรภาพ ไม่ใช่การใช้อำนาจของฮั่วเทียนหลัน
แม้กระนั้น เมื่อกี้เขาก็ยังมีความคิดว่า ที่หยางหลิงรุ่ยปฏิเสธที่จะคบกับเขาต่อ เป็นเพราะการบีบบังคับของฮั่วเทียนหลันด้วยหรือเปล่า
เธอช่างไร้เดียงสา ฮั่วเทียนหลันแค่ใช้กลเม็ดง่ายๆ ก็สามารถเล่นงานเธอได้
สำหรับจางรันแล้ว ผู้ชายคนนั้นจัดอยู่ในประเภทคนชั่วร้ายมาตลอด
ในปีนั้นเขาแต่งงานกับหยางหลิงรุ่ย แต่กลับปฏิบัติต่อเธอไม่ดีเลยสักนิด กลับกับเขายังทรมานและดูถูกเธอต่าง ๆ นานา ถ้าหากเธอไม่ถูกบีบบังคับจนถึงที่สุด แล้วเธอจะหนีไปทำไม
นอกจากนี้เขายังตรวจสอบอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปีนั้นอีกด้วย
คนขับรถคนนั้น ได้รับเงินมาจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นเงินที่คนของมู่เหว่ยโอนไปให้
หลังจากนั้น มู่เหว่ยก็ถูกฮั่วเทียนหลันปิดปากและเก็บเธอไว้ในเว็บมืด
หากไม่มีคำบ่งการของฮั่วเทียนหลัน มู่เหว่ยจะกล้าลงมือทำอะไรกับคนข้างตัวของเขาเช่นนั้นจริง ๆ เหรอ
ในขณะเดียวกัน ในใจของเขาก็รู้สึกเกลียดตัวเองมาตลอด
เพราะเขารู้ ถ้าไม่ใช่เพราะเงิน 5 แสนในปีนั้น หยางหลิงรุ่ยก็คงไม่มีทางรู้จักกับฮั่วเทียนหลันอย่างแน่นอน
ถ้าเป็นแบบนั้น ก็คงจะไม่มีเรื่องราวต่าง ๆ ต่อจากนั้น
แต่โชคยังดีที่หยางหลิงรุ่ยยังมีชีวิตรอด และกลายเป็นหญิงสาวของบ้านตระกูลหยาง ผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นั้นอย่างมีความสุข
จริง ๆ แล้วในใจของจางรันเกลียดฮั่วเทียนหลันเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีความสามารถพอที่จะสู้กับฮั่วเทียนหลันได้
หยางหลิงรุ่ยตกตะลึงไปครู่นึง ปกติจางรันไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย และสิ่งที่เขาพูดมันก็มีเหตุผล
“นายเกลียดเขามากใช่ไหม” หยางหลิงรุ่ยถามขึ้นเสียงเบา
จางหรันพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ทำไมเหรอ” แม้ว่าหยางหลิงรุ่ยจะไม่แน่ใจตัวเองว่ารักหรือว่าเกลียดฮั่วเทียนหลัน
แต่เธอไม่เข้าใจ ว่าทำไมจางรันถึงได้รังเกียจฮั่วเทียนหลันนัก ทั้งที่เขาไม่ค่อยได้คบค้าสมาคมกับฮั่วเทียนหลันสักเท่าไหร่เลยด้วยซ้ำ
“เพราะว่าเขาทำไม่ดีกับเธอไง”
“หือ? นายรู้ได้ยังไง หรือพวกเราเคยรู้จักกันมาก่อนเหรอ”
“อืม”
เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว จางรันก็ไม่มีอะไรที่จะปิดบังอีกต่อไป
เรื่องที่หยางหลิงรุ่ยเข้าใจ แต่พอได้มาฟังจากปากของคนอื่นแล้ว มันกลับเป็นอีกความรู้สึกหนึ่ง
“นายช่วยเล่าถึงความสัมพันธ์ครั้งอดีตของฉันกับเขาให้ฟังหน่อยได้ไหม”
ถามแบบนี้ดูเหมือนจะมากเกินไป หยางหลิงรุ่ยจึงรีบเอ่ยขึ้น :“ไม่อยากเล่า ก็ไม่เป็นไร”
“เหอะ มันก็ไม่มีอะไร”
จางรันราวกับกำลังจมอยู่กับเรื่องราวในอดีต ผ่านไปสักพักเขาถึงเอ่ยขึ้น :“เธอเคยถูกเขาข่มขืน จนมีลูกกับเขา หลังจากนั้นก็หนีออกไปจากบ้านของเขา แต่เพราะถูกครอบครัวบีบบังคับเธอจึงต้องกลับมาแต่งงานกับเขา เขาไม่ได้รักเธอเลยสักนิด แต่เธอกลับรักเขาสุดหัวใจ เขาไม่เคยทะนุถนอมเธอ เอาแต่ทำไม่ดีกับเธอ หลังจากนั้นเธอก็หนีไปอย่างท้อแท้และสิ้นหวัง ก่อนจะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์......”
ในส่วนที่เหลือต่อจากนั้นจางรันไม่ได้เล่าต่อ แต่หยางหลิงรุ่ยก็พอรู้อยู่แล้ว
เธอรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่มีใครเคยบอกกับเธอเรื่องที่เธอถูกข่มขืมและถูกบังคับ
มิน่าล่ะ ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขา ถึงได้รู้สึกทั้งรักทั้งเกลียดเช่นนั้น
ทั้งสองคนมองหน้ากัน ก่อนที่หยางหลิงรุ่ยจะหรี่ตาลงและเอ่ยขึ้นเสียงเบา:“นายยังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะ ฉันไม่รบกวนนายแล้ว”
พูดจบ เธอก็ลุกขึ้นทันที
อาจจะเป็นเพราะนั่งนานไปหน่อย ร่างกายของเธอจึงโยกไปโยกมาจนเกือบจะล้ม โชคดีที่ยังจับโซฟาไว้ได้
จางรันลุกขึ้นเพื่อจะช่วยประคองเธอ แต่เธอกลับยกมือขึ้นห้าม จากนั้นจึงเดินออกไป
หลังจากที่เดินออกมาจากห้องทำงานของเขาแล้ว เธอก็ออกจากบริษัทไปในทันที
เธอไม่กล้าที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป ถ้าหากยังอยู่ต่อเธอคงรู้สึกละอายใจต่อจางรันเป็นอย่างมาก
จางรันยืนอยู่ตรงหน้าต่าง เขาดูเหมือนจะมองเห็นรถของหยางหลิงรุ่ยที่ขับออกมาจากลานจอดรถใต้ดิน
นั่นน่าจะเป็นรถของเธอหรือเปล่า
หลังจากนี้ เธอคงไม่มาที่นี่อีกแล้วใช่ไหม
จริง ๆ แล้วการใช้ชีวิตตลอดสองปีที่ผ่านมานั้น สำหรับเขาราวกับเป็นเพียงความฝัน
ตอนนี้ถึงเวลาตื่นจากความฝันแล้ว และเขาก็ควรจะรู้ตัวเองสักที
เขาและหยางหลิงรุ่ย เดิมทีก็เป็นได้เพียงความสัมพันธ์ฉันพี่น้องเท่านั้น
เรื่องบางเรื่องก็ไม่ควรที่จะโลภมาก ยิ่งคาดหวังต้องการอยากจะได้มันมีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะทำให้สูญเสียไปมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อนึกถึงคำพูดของหยางหลิงรุ่ยเมื่อกี้ เขาจึงพูดขึ้นเสียงเบา :“พี่ พี่รู้ไหม ในสายตาของผม บนโลกใบนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนดีไปกว่าพี่ทั้งนั้น!”
ระยะทางเหลืออีก 2 กิโลเมตร หยางหลิงรุ่ยก็จะกลับไปถึงคฤหาสน์หยางแล้ว
แต่ข้างหน้ากลับมีรถกระบะฟอร์ด Raptor จอดขวางอยู่
ความยาวของกระบะราว ๆ ห้าเมตร ที่จอดขวางถนนเอาไว้ ทำให้ปิดกั้นเส้นทางกลับบ้านของหยางหลิงรุ่ย
หยางหลิงรุ่ยจอดรถ เธอมองเห็นผู้หญิงคนที่นั่งตรงตำแหน่งคนขับบนรถฟอร์ด Raptor
เธอจำได้ลาง ๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นคือคนที่เธอเจอที่บ้านของฮั่วเทียนหลันในวันนั้น ชื่อของเธอน่าจะเรียกว่า Auch
Auch เปิดประตูรถ ก่อนจะกระโดดลงมาจากกระบะฟอร์ด Raptor คันสูงใหญ่
เธอสวมแจ็คเก็ตและกางเกงหนังรัดรูป เผยให้เห็นถึงรูปร่างที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอ
แต่น่าเสียดายที่หยางหลิงรุ่ยเองก็เป็นผู้หญิงเช่นเดียวกัน เธอจึงไม่ได้รู้สึกสนใจอะไร หรือไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะหันไปมองอีก
Auch ยืนอยู่ที่หน้ารถของหยางหลิงรุ่ย เธอตบฝากระโปรงรถแล้วพูดขึ้น :“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คุณหยาง ยังไงฉันก็เป็นแขก นี่คือวิธีรับแขกของบ้านหยางหรอกเหรอ”
ไม่กี่วันมานี้ Auch ได้ตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหยางหลิงรุ่ยทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
แต่เธอก็ค้นพบเพียงแค่ข้อมูลผิวเผินเท่านั้น แต่ข้อมูลที่ลึกกว่านั้นได้ถูกปิดผนึกไปตั้งนานแล้ว
แต่สำหรับการเปลี่ยนแปลงตัวตนของหยางหลิงรุ่ยนั้น เธอเองก็ยังหาจุดจับไม่ได้
ผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช่อันหรันจริง ๆ เหรอ
หยางหลิงรุ่ยดับเครื่องยนต์แล้วลงมาจากรถ ที่นี่ห่างจากบ้านหยางเพียงแค่ 2 กิโลเมตรเท่านั้น
หน่วยลาดตระเวนของบอดี้การ์ดตระกูลหยาง ก็ครอบคลุมมาจนถึงที่นี่
แม้จะให้ Auch เต็มสิบเรื่องความกล้าหาญ แต่เธอก็คงไม่กล้าทำอะไรตัวเองอย่างแน่นอน
“ไม่รู้ว่าการที่คุณผู้หญิงท่านนี้มาขวางทางฉัน มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
Auch ตกใจเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปที่ตัวเองด้วยความงงงัน :“อันหรัน ไม่ ไม่ใช่สิ ตอนนี้ควรจะเรียกเธอว่าหยางหลิงรุ่ย เธอ ไม่รู้จักฉันเหรอ”
หยางหลิงรุ่ยเกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นมาในใจ เธอไม่คิดเลยว่าคนที่เจอที่บ้านของฮั่วเทียนหลันเพียงครั้งเดียวนั้น จะสามารถเรียกได้ว่าเป็นคนรู้จัก
เธอส่ายหัวและพูดขึ้น :“ขอโทษนะ ฉันไม่ใช่อันหรัน และฉันก็ไม่รู้จักคุณด้วย ถ้าหากไม่มีอะไรแล้ว กรุณาหลีกทางให้ฉันด้วย!”
พูดเสร็จ หยางหลิงรุ่ยก็เตรียมจะขึ้นรถ
แต่ Auch ก็รีบเดินเข้ามาเบียดหยางหลิงรุ่ยและพิงไปกับประตูรถเพื่อไม่ให้เธอเปิดประตูได้
Auch มองไปที่หยางหลิงรุ่ยด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงใจ :“แปลกจริง ๆ นี่เธอเธอโง่จริง ๆ หรือว่าแกล้งโง่กันแน่ เธอลืมไปแล้วเหรอว่าเคยถูกทุบหัวจนเลือดไหลและสลบไปในบ้านของฉัน และยังถูกโยนเข้าไปในห้องใต้ดินอีกด้วย อีกนิดเกือบจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปเสียแล้ว”
ใบหน้าของหยางหลิงรุ่ยยังเรียบเฉย แต่ในใจของเธอกลับเริ่มทนไม่ไหวอยากจะร้องคำรามออกไปเต็มทน
ชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง มันน่าเวทนาขนาดไหนนะ
ไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ ถ้าหากไปที่บ้าน Auch ฮั่วเทียนหลันต้องเป็นคนที่พาเธอไปด้วยแน่
แต่ฮั่วเทียนหลันไม่ได้ปกป้องเธออย่างดี หรือแม้กระทั่งสามารถพูดได้ว่าฮั่วเทียนหลันเป็นคนแนะนำให้ครอบครัวของเธอกระทำเช่นนี้?
หยางหลิงรุ่ยไม่รู้ว่าเธอเข้าใจฮั่วเทียนหลันผิด แต่ความเข้าใจผิดเช่นนี้หากให้ Auch รู้เข้า เธอคงจะดีใจจนกระโดนโลดเต้น และบอกกับหยางหลิ่งรุ่ยว่าควรจะคิดเช่นนี้แหละถูกแล้ว เพราะฮั่วเทียนหลันนั้นเป็นคนที่ชั่วร้ายและน่าขยะแขยงมาก
“ขอโทษทีนะ คุณจำผิดคนแล้วล่ะ”
แม้ว่าทั้งสองคนคุยกันได้สักพักแล้ว แต่พอนับเวลาดูกลับไม่ถึง 5 นาทีเลยด้วยซ้ำ
และทันใดนั้น หน่วยลาดตะเวนของบ้านหยางก็มาถึง
“คนที่อยู่ข้างหน้า ขยับรถออกไปเดี๋ยวนี้ นี่เป็นที่ส่วนบุคคลของบ้านหยาง รีบออกไปให้เร็วที่สุด!”
Auch มองไปที่บอกดี้การ์ดด้าหลัง แต่ก็ไม่ได้อะไรด้วย
ก็แค่รถคันเดียวเท่านั้น โดนชนพังแล้วเธอก็สามารถซื้อใหม่ได้อีกเป็นร้อยเป็นพันคัน
ประเด็นสำคัญของ Auch ในวันนี้ก็คือการมาดูผู้หญิงที่หน้าตาคล้ายคลึงกับอันหรันให้แน่ชัด ว่าแท้จริงแล้วใช่เธอหรือไม่
“เธอจำไม่ได้เหรอว่าตัวเองมีลูกสาวชื่อลั่นลาน น้องเขยของเธอชื่อฮัวเส้าซู่ เพื่อนสนิทของเธอชื่อทันเหว่ย และศัตรูหัวใจของเธอก็คือมู่เหว่ย”
ในตอนที่เธอกล่าวถึงตัวละครแต่ละคนขึ้นมา เธอก็จะมองสังเกตที่ดวงตาของหยางหลิงรุ่ยไปด้วย
แต่หยางหลิงรุ่ยกลับยังคงเมินเฉย เธอทำเพียงแค่ส่ายหัว ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างหมดความอดทน :“พอเถอะ คุณ Auch ความอดทนของฉันมีขีดจำกัด กรุณาอย่าได้คืบจะเอาศอก แล้วก็คุณสบายใจได้เลย ฉันไม่ไปแย่งคุณฮั่วของคุณหรอกนะ!”
Auch มีความสุขในใจ ใบหน้าของเธอปรากฏรอยยิ้มอย่างผู้ชนะขึ้น
หึ ที่เธอมาในครั้งนี้ก็ต้องการเพียงประโยคนี้จากหยางหลิงรุ่ยแค่นั้น
เธอขึ้นรถ จากนั้นเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์จะดังขึ้น ตอนที่กำลังจะขับผ่านหยางหลิงรุ่ยไปเธอก็ก้มหน้าลงก่อนจะเอ่ยขึ้น : “คุณหยาง จำสิ่งที่พูดในวันนี้ด้วย!”
หยางหลิงรุ่ยเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวเลือดผสมตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงราบเรียบ :“คุณ Auch กังวลเรื่องของตัวเองเถอะ ดูเหมือนว่าคุณฮั่วจะไม่ได้สนใจคุณเลยนะ!”
“เธอ......”
ทันทีที่น้ำเสียงโมโหของ Auch ดังขึ้น หยางหลิงรุ่ยก็รีบขึ้นไปบนรถ ก่อนจะเหยียบคันเร่งออกไปทันที
หลังจากผ่านการปะทะกับ Auch ทำให้หยางหลิงรุ่ยที่มีเรื่องไม่สบายใจก่อนหน้านี้ รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา
เธอเข้าไปในคฤหาสน์ ตอนที่เดินผ่านทะเลสาบสายตาก็เหลือบไปเห็นพี่ใหญ่
ในมือของหยางหยวนกำคันเบ็ดแน่น เขากำลังฉุดดึงกับปลาตัวใหญ่อยู่
เขาสู้กับปลาตัวใหญ่ตัวนี้มาสิบนาทีแล้ว จนเจ้าปลาดูเหมือนจะเริ่มเหนื่อย รอแค่ให้เขาดึงสายเบ็ดขึ้นมาเท่านั้น
หยางหลิงรุ่ยเดินไปหาพี่ใหญ่ หลังจากเฝ้าดูอยู่ไม่กี่นาที ปลาคาร์พน้ำหนักกว่าสิบกิโลกรัมก็ถูกลากขึ้นมา
หลังจากหยางหยวนถ่ายรูปมันเสร็จ เขาก็ปล่อยมันลงน้ำไปดังเดิม
“พี่ใหญ่ นี่เป็นครั้งที่ห้าที่พี่จับมันได้ในเดือนนี้ใช่ไหม”
“อืม โง่จริง ๆ ปากเกือบจะหลุดเพราะเบ็ดเกี่ยวอยู่แล้ว ยังไม่รู้จักเข็ดอีก!”
หยางหลิงรุ่ยมองไปที่หยางหยวนอย่างไม่มีอะไรจะพูด ว่ากันว่าความจำของปลามีแค่ 7 วินาทีเท่านั้น มันจะจำได้ที่ไหนกันล่ะ
“มาหาฉันมีอะไรหรือเปล่า” หยางหยวนรู้ดีว่าน้องสาวของเขานั้น หากไม่มีเรื่องอะไรจะไม่มาหาเขาถึงที่นี่แน่
หยางหลิงรุ่ยเม้มปาก ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา :“ฉันพูดกับฮั่วเทียนหลันรู้เรื่องแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง