โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 337

หยางหยวนมีสีหน้าปกติ เขารู้ว่าน้องสาวตนเองจะต้องประลองกับฮั่วเทียนหลันไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้ว

“จะไม่เสียใจทีหลังใช่ไหม” เขาไม่ได้ถามหาคำตอบ เพราะในเมื่อหยางหลิงรุ่ยพูดเช่นนี้แล้ว คำตอบของเธอก็ต้องเป็นไปในทางลบแน่นอน

หยางหลิงรุ่ยเม้มปากก่อนจะส่ายหน้าและพูดว่า: "ค่ะ"

หยางหยวนมองไปที่น้องสาวที่ดูหมดอาลัยตายอยาก ก่อนรอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าอันหล่อเหลาอย่างต้องการปลอบประโลม : “ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็จงใช้ชีวิตใหม่ให้ดี ... ”

เขายังไม่ทันเอ่ยจบ หยางหลิงรุ่ยก็เอ่ยขัดจังหวะขึ้นมาก่อน

“ฉันเลิกกับจางรันแล้วด้วย!”

"หือ?" รอยยิ้มบนใบหน้าของหยางหยวนหุบลงในทันใด

พูดกับฮั่วเทียนหลันชัดเจนแล้ว และยังเลิกกับจางรันอีกด้วย

หยางหยวนที่ฉลาดสุขุมมาเสมอ กลับถูกหยางหลิงรุ่ยทำให้สับสน

"เธอหมายถึงตอนนี้เธอเป็นสาวโสดแล้ว?" หยางหยวนถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ

หยางหลิงรุ่ยพยักหน้าและเอ่ยขึ้นเบา ๆ : "อืม ... ฉันคิดว่ามีแค่คนในครอบครัวอยู่ด้วยก็พอแล้ว!"

หยางหยวนอ้าปากขึ้นอยากจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อปลอบโยนหยางหลิงรุ่ย

แต่เมื่อเห็นเธอพยายามทำเป็นโอเค ในใจของเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติเล็กน้อย

เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะเอ่ย : "ไม่ว่าจะอย่างไรก็ช่าง ขอแค่เธอมีความสุขก็พอ เรื่องของครอบครัวหยางฉันจะจัดการเอง"

ในตอนนั้นเอง ปลาที่อยู่ในน้ำก็ว่ายไปมา หยางหลิงรุ่ยจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา : "พี่ใหญ่ ปลาติดเบ็ดแล้ว!"

หยางหยวนรู้สึกได้ถึงแรงดึงในมือของเขาอยู่แล้ว แต่เขากลับไม่ได้รีบร้อนที่จะดึงสายเบ็ดขึ้นมา

เขายิ้มและพูดว่า : "ปล่อยไว้ก่อนสักพัก เดี๋ยวมันจะขึ้นมาหาเอง ปู่หยางตกปลา ตัวไหนเต็มใจมันจะมาติดเบ็ดเอง!"

หยางหลิงรุ่ยเบ้ปากเอ่ยขึ้น : “พี่ใหญ่ไม่ได้แก่ขนาดนั้นสักหน่อย!”

หยางหยวนหัวเราะขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจึงเริ่มดึงสายเบ็ดขึ้นมา

เมื่อดึงจนถึงตัวปลา ทั้งสองคนก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเป็นปลาที่เคราะห์ร้ายตัวนั้นอีกครั้ง

นี่มัน ไม่รู้จักเข็ดจัดหลาบจริง ๆ

เมื่อมองไปที่ปลาตัวนี้ หยางหลิงรุ่ยก็รู้สึกว่าชีวิตของเธอที่ผ่านมาคงจะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน!

วนเวียนอยู่กับใครสักคนไม่ยอมห่าง เชื่อฟังเขามาก เขากวักมือเรียกก็รีบไปหา เขาโบกมือไล่ก็รีบเดินหนีตามคำสั่ง แม้จะถูกทำร้ายจนเจ็บปวดมากแค่ไหน เพียงแค่เขาพูดดีกับเธอสักหน่อย เธอก็พร้อมที่จะกลับไปหาเขาเสมอ

ชีวิตแบบนี้ถ้ามองในมุมมองก่อนหน้าของเธอนั้นก็ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ มันดูไร้เดียงสาอ่อนต่อโลกจนเกินไป ที่พบได้แค่ในละครเพียงเท่านั้น

แต่เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ฉากละครทีวีเรื่องนี้มันจะฉายซ้ำขึ้นมาในชีวิตของเธอไม่หยุดหย่อน

“พี่ใหญ่ พี่ว่าฉันเห็นแก่ตัวเกินไปไหม”

เธอบ่นพึมพำขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำให้หยางหยวนที่กำลังจับเหยื่อใส่ตะขอเบ็ดอยู่ มือกระตุกขึ้นมาจนเกือบจะถูกตะขอทิ่มลงนิ้ว

เขาปลดตะขอเบ็ดออก มองไปที่ทะเลสาบสีฟ้าเขียวที่สะท้อนภาพท้องฟ้าสีคราม ก่อนจะพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนแต่ดูหนักแน่น : "เธอแค่ทำตามความปรารถนาของตัวเองก็พอ ในโลกนี้ไม่มีใครสามารถทำให้น้องสาวหยางหยวนคนนี้ต้องรู้สึกลำบากใจได้!"

จมูกขมูกของหยางหลิงรุ่ยเริ่มแสบขึ้นมา รอบดวงตาของเธอเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา

"พี่ พี่ใหญ่..."

เมื่อได้ยินหยางหลิงรุ่ยพูดพร้อมกับสะอื้น หยางหยวนก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เธอและพูดว่า : "ทำไมถึงร้องไห้อีกแล้วล่ะ ฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจตรงไหนหรือเปล่า"

"ไม่ ไม่ใช่ค่ะ ฉันแค่รู้สึกตื้นตันใจ" หยางหลิงรุ่ยอธิบายอย่างรวดเร็ว

เธอรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่คนในครอบครัวต่างก็เอาอกเอาใจเธอโดยไม่มีเงื่อนไข

ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ไม่เคยถามถึงความถูกผิดเลยสักนิด ถามแค่เพียงเธอต้องการที่จะทำเช่นนั้นจริงหรือเปล่า

"คนในครอบครัวเดียวกันทำไมถึงพูดเกรงใจเช่นนั้น ในอนาคตถ้าฉันไม่อยู่แล้วก็ยังมีพี่รองของเธอ ตราบใดที่คนในตระกูลหยางยังอยู่ เธอไม่มีวันที่จะไม่ได้รับความเป็นธรรมเด็ดขาด!"

หลังจากที่ฮั่วเทียนหลันโผล่เข้ามา หยางหลิงรุ่ยก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นคนละคน

หยางหยวนเฝ้ามองดูด้วยตาและความกังวลที่มีในใจ แต่เขากลับไม่สามารถแทรกแซงเรื่องพวกนี้ได้เลย

ในตอนที่หยางหลิงรุ่ยฟื้นขึ้นมาและสูญเสียความทรงจำ ตามที่คุณหมอบอก เธอสามารถที่จะฟื้นความทรงจำพวกนั้นกลับคืนมาได้

แต่หยางหยวนไม่เห็นด้วย หลังจากที่เขาจัดทำเรื่องการตายปลอม ๆ ของเธอเสร็จ ก็เตรียมพร้อมให้เธอบอกลากับชีวิตเดิมไปโดยสิ้นเชิง

จากนั้นก็เชิญนักสะกดจิตผู้สันโดษให้มาปิดผนึกความทรงจำของหยางหลิงรุ่ยไว้อย่างสมบูรณ์

หลังจากหยางหลิงรุ่ยสูญเสียความทรงจำ เธอก็รู้สึกว่างเปล่ากับทุกสิ่งทุกอย่าง

แต่ตัวเธอก็มีความสุขมากและยังนำความสุขมาสู่ครอบครัวอีกด้วย

แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

ก่อนหน้านี้เป็นเพราะคำขอของคุณป้า เขาจึงไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้

แต่ตอนนี้ เรื่องระหว่างตระกูลฮัวและตระกูลหยาง ทำให้เขาไม่อยากให้หยางหลิงรุ่ยแต่งงานกับฮั่วเทียนหลันอีกแล้ว

อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว หยางหลิงรุ่ยจึงเข็นหยางหยวนกลับคฤหาสน์

หลังจากพาหยางหยวนไปส่งที่ห้องหนังสือแล้ว เธอก็กลับมาที่ห้องนอนของตัวเองและขังตัวเองไว้ในนั้น พลางคิดเรื่องบางอย่างอยู่เงียบ ๆ ตลอดทั้งคืน

พอวันรุ่งขึ้นเธอก็ฟื้นคืนสู่สภาพของตัวเองก่อนหน้านี้

หยางหยวนมองน้องสาวที่ดูกระปรี้กระเปร่า ใจที่เคยห่อเหี่ยวของเขาก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา

วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ หยางหลิงรุ่ยต้องไปร่วมงานกีฬาสีของผู้ปกครองและเด็กกับชิงหรง

ตงเหยียนอยู่คนเดียวที่บ้านก็รู้สึกเบื่อ จึงมาที่โรงเรียนเพื่อเป็นทีมเชียร์ลีดเดอร์

หยางหลิงรุ่ยทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับชิงหรง

แม้ว่าจะเหนื่อยจนหอบ แต่การที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกันสองแม่ลูกนั้น ทำให้เธอมีความสุขเป็นอย่างมาก

เสียงหัวเราะของชิงหรงค่อนข้างแสบหู แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่มีความสุขของเธอนั้น หยางหลิงรุ่ยก็ตระหนักได้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอเหมือนจะให้ความกดดันกับชิงหรงมากไม่ใช่น้อย

นอกจากเรียนที่โรงเรียนทุกวันแล้ว ตอนอยู่บ้านชิงหรงก็ยังต้องเรียนดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ธุรกิจและการดำรงชีวิตของผู้คนเพิ่มเข้าไปอีกด้วย

ในฐานะที่เป็นทายาทรุ่นที่สี่ของตระกูล แม้ว่าเธอจะไม่ใช่เด็กผู้ชาย แต่คนในครอบครัวก็เลี้ยงดูเธอในฐานะของผู้สืบทอด

สำหรับเรื่องนี้ หยางหลิงรุ่ยก็ไม่ได้คัดค้านอะไร

ชีวิตที่แตกต่างกัน ก็ต้องแบกรับความกดดันที่แตกต่างกันเสมอ

ถึงแม้บางครั้งจะเห็นคิ้วน่ารักของชิงหรงขมวดเข้าหากันแน่น จนเธอรู้สึกเจ็บที่ใจไปด้วย

เพราะถึงอย่างไรชิงหรงก็ยังเป็นเด็กอยู่

เด็กในวัยเดียวกันต่างก็วิ่งเล่นสนุกสนาน แต่เธอกลับต้องแบกรับภาระที่เกินกว่าวัยของเธออยู่มาก

ในตอนที่เธอกำลังตกอยู่ในภวังค์นั้น เสียงนุ่มเล็กของชิงหรงก็ดังเข้ามาในหู : "คุณแม่ พวกเรารีบกระโดดเร็ว ไม่งั้นจะได้เป็นที่โหล่ละนะ!"

"โอเค รีบตามพวกเขาไปเร็ว!"

ชีวิตของหยางหลิงรุ่ยกลับเข้าสู่ความสงบสุขเหมือนแต่ก่อน

ฮั่วเทียนหลันไม่ได้มาที่บ้านของหยางอีกเลยนับตั้งแต่นั้น แต่เขาก็ยังไม่ได้กลับไปที่จีนเช่นกัน ยังคงอาศัยอยู่ที่เมืองออร์ตันเหมือนอย่างเคย

และจางรันก็ยอมรับความสัมพันธ์ฉันพี่น้องระหว่างพวกเขาทั้งสองได้แล้ว ไม่นานก็กลับมาสนิทสนมกันดังเดิม

ชีวิตประจำวันของเธอกลายเป็นชีวิตอย่างคนทั่วไปอีกครั้ง

แต่ก็มีบ้างบางครั้ง ที่เธอเข้าร่วมพบปะสังสรรค์กับกลุ่มคนไฮโซ มีไปตีกอล์ฟ แข่งม้า และเล่นกระดานโต้คลื่น

หัวข้อที่ถูกพูดถึงบ่อยที่สุดในหมู่ผู้หญิงก็ไม่มีอะไรไปมากกว่าเครื่องสำอาง แบรนด์เนมและสินค้าฟุ่มเฟือย เสื้อผ้าและกระเป๋าทำมือที่เป็นรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น

แม้ว่าหยางหลิงรุ่ยจะไม่ได้สนใจ แต่บางครั้งเธอก็ต้องเข้าร่วมสนทนาอย่างเลี่ยงไม่ได้

เพราะเธอคือหญิงสาวคนเดียวของตระกูลหยาง คนที่ถูกทุกคนในครอบครัวรักอย่างไม่มีข้อแม้

เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายต่าง ๆ บนร่างกายเธอ ล้วนแต่เป็นสินค้าแฟชั่นระดับแนวหน้าทั้งนั้น

สิ่งที่ทุกคนชอบแต่ไม่มีปัญญาซื้อมาได้ สำหรับเธอแล้วไม่จำเป็นต้องพูดเลยด้วยซ้ำ เพราะตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งต่างก็มีพร้อมไปทั้งหมดแล้ว

และนี่คือความสามารถของตระกูลหยาง

คืนนี้ หยางหลิงรุ่ยมาที่คลับกับเพื่อน ๆ

วันนี้เพื่อนสนิทของเธอกลับมาจากต่างประเทศ จึงได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับเธอเป็นพิเศษ

ทันทีที่หยางหลิงรุ่ยเข้าไปในห้องไพรเวท จากห้องที่เปิดเพลงดังสนั่นก็เงียบลงในทันที

ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ผู้หญิงที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าประตู

เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมกับร่างกาย ใบหน้างดงามบริสุทธิ์เป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้ชายที่เห็นต่างก็ปรารถนาอยากจะเอาเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดของตนด้วยความรักใคร่

"คุณหยางมาแล้ว รีบมานั่งเร็วเข้า!" หนุ่มหล่อชาวจีนท่านหนึ่งลุกขึ้นก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ครอบครัวของเขาทำธุรกิจระหว่างประเทศ และผู้ที่มีพระคุณอย่างยิ่งสำหรับเขาก็คือ Aneng Group ของตระกูลหยาง

บางคนที่ได้รับเชิญมาจากเพื่อนอีกทียังไม่รู้จักตัวตนของหยางหลิงรุ่ย ก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาทันที

นี่คือหญิงสาวของตระกูลหยาง กิ่งทองใบหยกที่ถูกรักและทะนุถนอมสุดชีวิต

ใครมีความคิดที่ไม่ดีต่าง ๆ หากไม่รีบกำจัดออกไป วันรุ่งขึ้นอาจจะปรากฏตัวในคูน้ำเน่าเหม็นก็เป็นได้

เมื่อหยางหลิงรุ่ยและเพื่อนอีกสองสามคนเข้าไปในห้องแล้ว หยางเทียนและบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ก็รออยู่ที่ด้านหน้าของประตู

เพื่อนที่กลับมาจากต่างประเทศในวันนี้คืออีฟ เธอก้าวไปข้างหน้าและกอดหยางหลิงรุ่ยด้วยความดีใจ จากนั้นหยิบถุงกระดาษออกมา : "ฉันรู้ความชอบของเธอดี นี่คือขนมหวานที่อร่อยที่สุดที่ฉันเคยกินมาล่ะ!"

ดวงตาของหยางหลิงรุ่ยเป็นประกายขึ้นมา ก่อนจะเอื้อมมือไปรับมันด้วยรอยยิ้ม

“ถ้าอย่างนั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ”

เมื่อรับของขวัญมาจากผู้อื่นแล้ว แน่นอนว่าต้องมีของส่งคืน

แต่หยางหลิงรุ่ยกลับลืมนึกถึงสิ่งเหล่านี้ไปเลย

เธอหยิบสร้อยข้อมือออกมาจากข้อมือของตนเองและส่งมันให้อีฟ

"ฉันรีบมาก็เลยไม่ได้เตรียมของขวัญมาด้วย ให้สิ่งนี้ให้กับเธอแทนก็แล้วกัน!"

เมื่ออีฟเห็นสร้อยข้อมือนั้นก็มีความรู้สึกเดียวกันกับหยางหลิงรุ่ยตอนเห็นขนมหวานไม่มีผิด แต่ดวงตาของเธอเปล่งประกายขึ้นเสียยิ่งกว่า

"โอ้พระเจ้า นี่คือสร้อยข้อมือใหม่ล่าสุดที่ DG โพสต์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วใช่ไหม ฉันชอบมากเลยล่ะ แต่มันยังไม่ได้วางขายเลย!"

หยางหลิงรุ่ยยิ้มและพูดขึ้น : "ของเล็กน้อย เธอชอบก็ดีแล้ว"

สำหรับเธอมันเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น แต่สำหรับคนรอบข้างแล้วมันได้มายากลำบากเหลือเกิน นี่จึงแสดงให้เห็นถึงความสามารถของตระกูลหยาง

สามารถทำเรื่องที่คนอื่นทำไม่ได้และยังได้รับสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถได้รับมาได้อย่างง่ายดาย

เมื่อหยางหลิงรุ่ยนั่งลงแล้ว อีฟจึงชี้ไปที่เพื่อนด้านข้างก่อนจะเอ่ย : "นี่คือ Auch เพื่อนสนิทของฉัน"

หยางหลิงรุ่ยยิ้มขึ้นเล็กน้อย หรือสามารถพูดได้ว่ายิ้มขึ้นอย่างฝืนใจ

เธอเห็น Auch อยู่ก่อนแล้ว แต่เธอรู้สึกไม่ชอบหญิงคนนี้

ไม่มีเหตุผลอะไรมาก ก็แค่เกลียดและไม่อยากเจอเธอเท่านั้นเอง

อีฟยังคงยิ้มอย่างมีความสุข แทบจะไม่สังเกตเห็นเลยว่าสีหน้าของหยางหลิงรุ่ยนั้นดูผิดปกติไป

จากนั้นเธอจับมือของหยางหลิงรุ่ยขึ้น ก่อนจะพูดกับ Auch : "นี่คือหลิงรุ่ย แฟนแสนรู้ใจของฉัน!"

Auch ยกยิ้มอย่างสุภาพ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเป็นปกติว่า : "ผิวพรรณของคุณหยางดีมากเลย มีเคล็ดลับในการบำรุงอะไรไหมคะ"

หยางหลิงรุ่ยทำเพียงหัวเราะเสียงเย็นตอบกลับไป

ทันใดนั้น Auch ก็เริ่มเก็บสีหน้าไว้ไม่อยู่ เนื่องจากหยางหลิงรุ่ยแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบเธอ

แม้ว่าอีฟจะดูบ้าบอมากแค่ไหน แต่ตอนนี้เธอก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติระหว่างสองคนนี้ เธอจึงรีบเอ่ยขึ้น : "โอเค หยุดพูดเรื่องเหล่านี้ได้แล้ว ทุกคนมาร้อง เต้น กิน ดื่มและสนุกไปด้วยกันเถอะ!"

ปาร์ตี้นี้ยาวต่อเนื่องไปจนดึกดื่น

แม้ว่าหยางหลิงรุ่ยจะปฏิเสธที่จะดื่ม แต่เพื่อน ๆ ก็พยายามชักชวนไม่หยุด เธอจึงต้องดื่มไปสองสามอึกอย่างเลี่ยงไม่ได้

ไป ๆ มา ๆ เธอก็ดื่มไวน์แดงไปทั้งหมดสามแก้วด้วยกัน

ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อด้วยพิษแอลกอฮอล์ สติที่มีอยู่ก็เริ่มเลอะเลือนขึ้นมาเต็มที

เมื่อได้ยินเสียงโหวกเหวกดังออกมาจากห้องไพรเวท หยางเทียนจึงเหลือบมองเวลาเล็กน้อย ก่อนจะพบว่าตอนนี้มันดึกมากแล้ว

และทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น

เขาชำเลืองมองหน้าจอมือถืออ พบว่าเป็นตงเหยียนที่โทรเข้ามาจึงรีบกดรับสายในทันที

“หยางเทียน พวกนายทำอะไรอยู่ ทำไมหยางหลิงรุ่ยถึงยังไม่กลับบ้านอีก”

ตงหยานทำหน้าที่เป็นคนจัดการเรื่องคนในครอบครัว เพราะฉะนั้นเรื่องความปลอดภัยของคนในบ้านเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

และหยางหลิงรุ่ยเองก็ไม่เคยกลับบ้านดึกเลยสักครั้ง

"นายหญิงครับ คุณหญิงเธอมาร่วมงานเลี้ยง และดูเหมือนว่างานเลี้ยงจะยังไม่จบเลย" หยางเทียนกล่าวรายงาน

"พาเธอกลับมาบ้าน"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง