หยางหยวนมีสีหน้าปกติ เขารู้ว่าน้องสาวตนเองจะต้องประลองกับฮั่วเทียนหลันไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้ว
“จะไม่เสียใจทีหลังใช่ไหม” เขาไม่ได้ถามหาคำตอบ เพราะในเมื่อหยางหลิงรุ่ยพูดเช่นนี้แล้ว คำตอบของเธอก็ต้องเป็นไปในทางลบแน่นอน
หยางหลิงรุ่ยเม้มปากก่อนจะส่ายหน้าและพูดว่า: "ค่ะ"
หยางหยวนมองไปที่น้องสาวที่ดูหมดอาลัยตายอยาก ก่อนรอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าอันหล่อเหลาอย่างต้องการปลอบประโลม : “ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็จงใช้ชีวิตใหม่ให้ดี ... ”
เขายังไม่ทันเอ่ยจบ หยางหลิงรุ่ยก็เอ่ยขัดจังหวะขึ้นมาก่อน
“ฉันเลิกกับจางรันแล้วด้วย!”
"หือ?" รอยยิ้มบนใบหน้าของหยางหยวนหุบลงในทันใด
พูดกับฮั่วเทียนหลันชัดเจนแล้ว และยังเลิกกับจางรันอีกด้วย
หยางหยวนที่ฉลาดสุขุมมาเสมอ กลับถูกหยางหลิงรุ่ยทำให้สับสน
"เธอหมายถึงตอนนี้เธอเป็นสาวโสดแล้ว?" หยางหยวนถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ
หยางหลิงรุ่ยพยักหน้าและเอ่ยขึ้นเบา ๆ : "อืม ... ฉันคิดว่ามีแค่คนในครอบครัวอยู่ด้วยก็พอแล้ว!"
หยางหยวนอ้าปากขึ้นอยากจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อปลอบโยนหยางหลิงรุ่ย
แต่เมื่อเห็นเธอพยายามทำเป็นโอเค ในใจของเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติเล็กน้อย
เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะเอ่ย : "ไม่ว่าจะอย่างไรก็ช่าง ขอแค่เธอมีความสุขก็พอ เรื่องของครอบครัวหยางฉันจะจัดการเอง"
ในตอนนั้นเอง ปลาที่อยู่ในน้ำก็ว่ายไปมา หยางหลิงรุ่ยจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา : "พี่ใหญ่ ปลาติดเบ็ดแล้ว!"
หยางหยวนรู้สึกได้ถึงแรงดึงในมือของเขาอยู่แล้ว แต่เขากลับไม่ได้รีบร้อนที่จะดึงสายเบ็ดขึ้นมา
เขายิ้มและพูดว่า : "ปล่อยไว้ก่อนสักพัก เดี๋ยวมันจะขึ้นมาหาเอง ปู่หยางตกปลา ตัวไหนเต็มใจมันจะมาติดเบ็ดเอง!"
หยางหลิงรุ่ยเบ้ปากเอ่ยขึ้น : “พี่ใหญ่ไม่ได้แก่ขนาดนั้นสักหน่อย!”
หยางหยวนหัวเราะขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจึงเริ่มดึงสายเบ็ดขึ้นมา
เมื่อดึงจนถึงตัวปลา ทั้งสองคนก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเป็นปลาที่เคราะห์ร้ายตัวนั้นอีกครั้ง
นี่มัน ไม่รู้จักเข็ดจัดหลาบจริง ๆ
เมื่อมองไปที่ปลาตัวนี้ หยางหลิงรุ่ยก็รู้สึกว่าชีวิตของเธอที่ผ่านมาคงจะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน!
วนเวียนอยู่กับใครสักคนไม่ยอมห่าง เชื่อฟังเขามาก เขากวักมือเรียกก็รีบไปหา เขาโบกมือไล่ก็รีบเดินหนีตามคำสั่ง แม้จะถูกทำร้ายจนเจ็บปวดมากแค่ไหน เพียงแค่เขาพูดดีกับเธอสักหน่อย เธอก็พร้อมที่จะกลับไปหาเขาเสมอ
ชีวิตแบบนี้ถ้ามองในมุมมองก่อนหน้าของเธอนั้นก็ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ มันดูไร้เดียงสาอ่อนต่อโลกจนเกินไป ที่พบได้แค่ในละครเพียงเท่านั้น
แต่เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ฉากละครทีวีเรื่องนี้มันจะฉายซ้ำขึ้นมาในชีวิตของเธอไม่หยุดหย่อน
“พี่ใหญ่ พี่ว่าฉันเห็นแก่ตัวเกินไปไหม”
เธอบ่นพึมพำขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำให้หยางหยวนที่กำลังจับเหยื่อใส่ตะขอเบ็ดอยู่ มือกระตุกขึ้นมาจนเกือบจะถูกตะขอทิ่มลงนิ้ว
เขาปลดตะขอเบ็ดออก มองไปที่ทะเลสาบสีฟ้าเขียวที่สะท้อนภาพท้องฟ้าสีคราม ก่อนจะพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนแต่ดูหนักแน่น : "เธอแค่ทำตามความปรารถนาของตัวเองก็พอ ในโลกนี้ไม่มีใครสามารถทำให้น้องสาวหยางหยวนคนนี้ต้องรู้สึกลำบากใจได้!"
จมูกขมูกของหยางหลิงรุ่ยเริ่มแสบขึ้นมา รอบดวงตาของเธอเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
"พี่ พี่ใหญ่..."
เมื่อได้ยินหยางหลิงรุ่ยพูดพร้อมกับสะอื้น หยางหยวนก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เธอและพูดว่า : "ทำไมถึงร้องไห้อีกแล้วล่ะ ฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจตรงไหนหรือเปล่า"
"ไม่ ไม่ใช่ค่ะ ฉันแค่รู้สึกตื้นตันใจ" หยางหลิงรุ่ยอธิบายอย่างรวดเร็ว
เธอรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่คนในครอบครัวต่างก็เอาอกเอาใจเธอโดยไม่มีเงื่อนไข
ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ไม่เคยถามถึงความถูกผิดเลยสักนิด ถามแค่เพียงเธอต้องการที่จะทำเช่นนั้นจริงหรือเปล่า
"คนในครอบครัวเดียวกันทำไมถึงพูดเกรงใจเช่นนั้น ในอนาคตถ้าฉันไม่อยู่แล้วก็ยังมีพี่รองของเธอ ตราบใดที่คนในตระกูลหยางยังอยู่ เธอไม่มีวันที่จะไม่ได้รับความเป็นธรรมเด็ดขาด!"
หลังจากที่ฮั่วเทียนหลันโผล่เข้ามา หยางหลิงรุ่ยก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นคนละคน
หยางหยวนเฝ้ามองดูด้วยตาและความกังวลที่มีในใจ แต่เขากลับไม่สามารถแทรกแซงเรื่องพวกนี้ได้เลย
ในตอนที่หยางหลิงรุ่ยฟื้นขึ้นมาและสูญเสียความทรงจำ ตามที่คุณหมอบอก เธอสามารถที่จะฟื้นความทรงจำพวกนั้นกลับคืนมาได้
แต่หยางหยวนไม่เห็นด้วย หลังจากที่เขาจัดทำเรื่องการตายปลอม ๆ ของเธอเสร็จ ก็เตรียมพร้อมให้เธอบอกลากับชีวิตเดิมไปโดยสิ้นเชิง
จากนั้นก็เชิญนักสะกดจิตผู้สันโดษให้มาปิดผนึกความทรงจำของหยางหลิงรุ่ยไว้อย่างสมบูรณ์
หลังจากหยางหลิงรุ่ยสูญเสียความทรงจำ เธอก็รู้สึกว่างเปล่ากับทุกสิ่งทุกอย่าง
แต่ตัวเธอก็มีความสุขมากและยังนำความสุขมาสู่ครอบครัวอีกด้วย
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะคำขอของคุณป้า เขาจึงไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้
แต่ตอนนี้ เรื่องระหว่างตระกูลฮัวและตระกูลหยาง ทำให้เขาไม่อยากให้หยางหลิงรุ่ยแต่งงานกับฮั่วเทียนหลันอีกแล้ว
อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว หยางหลิงรุ่ยจึงเข็นหยางหยวนกลับคฤหาสน์
หลังจากพาหยางหยวนไปส่งที่ห้องหนังสือแล้ว เธอก็กลับมาที่ห้องนอนของตัวเองและขังตัวเองไว้ในนั้น พลางคิดเรื่องบางอย่างอยู่เงียบ ๆ ตลอดทั้งคืน
พอวันรุ่งขึ้นเธอก็ฟื้นคืนสู่สภาพของตัวเองก่อนหน้านี้
หยางหยวนมองน้องสาวที่ดูกระปรี้กระเปร่า ใจที่เคยห่อเหี่ยวของเขาก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา
วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ หยางหลิงรุ่ยต้องไปร่วมงานกีฬาสีของผู้ปกครองและเด็กกับชิงหรง
ตงเหยียนอยู่คนเดียวที่บ้านก็รู้สึกเบื่อ จึงมาที่โรงเรียนเพื่อเป็นทีมเชียร์ลีดเดอร์
หยางหลิงรุ่ยทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับชิงหรง
แม้ว่าจะเหนื่อยจนหอบ แต่การที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกันสองแม่ลูกนั้น ทำให้เธอมีความสุขเป็นอย่างมาก
เสียงหัวเราะของชิงหรงค่อนข้างแสบหู แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่มีความสุขของเธอนั้น หยางหลิงรุ่ยก็ตระหนักได้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอเหมือนจะให้ความกดดันกับชิงหรงมากไม่ใช่น้อย
นอกจากเรียนที่โรงเรียนทุกวันแล้ว ตอนอยู่บ้านชิงหรงก็ยังต้องเรียนดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ธุรกิจและการดำรงชีวิตของผู้คนเพิ่มเข้าไปอีกด้วย
ในฐานะที่เป็นทายาทรุ่นที่สี่ของตระกูล แม้ว่าเธอจะไม่ใช่เด็กผู้ชาย แต่คนในครอบครัวก็เลี้ยงดูเธอในฐานะของผู้สืบทอด
สำหรับเรื่องนี้ หยางหลิงรุ่ยก็ไม่ได้คัดค้านอะไร
ชีวิตที่แตกต่างกัน ก็ต้องแบกรับความกดดันที่แตกต่างกันเสมอ
ถึงแม้บางครั้งจะเห็นคิ้วน่ารักของชิงหรงขมวดเข้าหากันแน่น จนเธอรู้สึกเจ็บที่ใจไปด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง