โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 339

เมื่อไม่นานมานี้เมือง Orton ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก ผู้คนหลากหลายชนชาติต่างหลั่งไหลเข้ามา

ในฐานะเมืองหลวงของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศเปิด จึงไม่มีการปฏิเสธความร่วมมือทางการค้าใด ๆ

รวมถึงงานประมูลสินค้าของเครือข่ายมืดในครั้งนี้ด้วย

เครือข่ายมืดเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก แต่ก็ต้องยอมรับว่าไม่มีใครรู้ถึงที่มาที่ไปของมันเลยสักคน

รวมถึงงานประมูลในครั้งนี้ ที่ชื่อเสียงของมันยังปรากฏอยู่ภายใต้ชื่อของบ้านประมูลบางเเห่งที่เป็นระดับชั้นนำของโลก

แน่นอนว่าตระกูลหยางก็ถูกรับเชิญให้ไปร่วมงานในครั้งนี้เช่นเดียวกัน แต่ตระกูลหยางนั้นไม่สนใจงานด้านมืดสักเท่าไหร่

เดิมทีหยางหลิงรุ่ยก็ไม่ได้อยากไปนัก แต่อีฟได้ยินมาว่าการประมูลในครั้งนี้จะมีเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงระดับโลกถูกนำมาเป็นสินค้าประมูลอีกด้วย

ครอบครัวของอีฟไม่ได้รับคำเชิญ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถเข้าร่วมงานได้

ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงขอร้องอ้อนวอนหยางหลิงรุ่ยทั้งน้ำหูน้ำตา หยางหลิงรุ่ยจึงทำได้เพียงแบกหน้าไปหาพี่ใหญ่

หลังจากได้ฟังดังนั้น หยางหยวนก็ดูลังเลขึ้นมาเล็กน้อย

เขาได้ดูรายการสินค้าประมูลในครั้งนี้มาก่อนแล้ว และมีบางอย่างที่เขาไม่อยากให้หยางหลิงรุ่ยรู้

แต่เมื่อมองเห็นท่าทางที่ยืนหยัดของเธอ สุดท้ายจึงทำได้เพียงพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต

งานประมูลจัดขึ้นที่โรงแรม Orton หลังจากที่เศรษฐีมีอำนาจต่างพากันกินและดื่มจนอิ่มหนำสำราญกันถ้วนหน้าแล้ว ก็มีเรือสำราญสุดหรูเข้ามาจอดเทียบฝั่งและนำพาพวกเขาทั้งหลายไปที่ทะเลหลวงเพื่อเข้าร่วมการประมูล

แต่ละครอบครัวสามารถพาไปได้เพียงหกคนเท่านั้น ดังนั้นหยางหยวนจึงพาหยางหลิงรุ่ยและอีฟ นอกจากนั้นยังมีหยางเทียนและบอดี้การ์ดอีกสองคนไปด้วย

หลังจากที่เรือสำราญหยุดที่ทะเลหลวงแล้ว หยางหยวนก็ถูกหยางเทียนพาขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือ

เมื่อมองไปยังสถานที่จัดงานประมูลซึ่งมีสะพานที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเชื่อมไปยังจุดมุ่งหมายนั้น เขาผู้ที่สุขุมดั่งหินผามาตลอดก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งขึ้นมา

เพื่อความปลอดภัยของงานประมูลในครั้งนี้ เครือข่ายมืดยังปฏิบัติการส่งเรือบรรทุกเครื่องบินมาให้อีกหนึ่งลำ

พลังงานภายในนั้นไม่ได้อาศัยเพียงความมั่งคั่งอย่างเดียวเท่านั้น เพราะเรือบรรทุกเครื่องบินทั่วโลกมีเป็นจำนวนมาก และเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้ถูกลบเครื่องหมายสัญลักษณ์ออกไปจนหมด ทำให้ง่ายต่อการถูกตรวจสอบ

และหากถูกตรวจสอบพบว่าเป็นของประเทศไหน ก็คงทราบได้ว่าประเทศนั้นเป็นกลุ่มคนที่สนับสนุนเครือข่ายมืดอีกด้วย

หลังจากส่งบัตรเชิญและถูกยึดอาวุธทั้งหมดที่มีแล้ว ผู้คนทั้งหมดก็ทยอยเข้าไปยังห้อง VIP

บ้านตระกูลหยางถูกจัดให้อยู่ในห้อง VIP ที่ชั้นสอง และห้อง VIP แบบเดียวกันนั้นยังมีอีกเก้าห้อง

เป็นเครื่องหมายว่า ห้อง VIP ทั้งหมดนั้นเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งพอ ๆ กับตระกูลหยางนั่นเอง

แต่ที่ชั้นแรกนั้น เป็นของนักธุรกิจทางการทหารและการเมืองจากทั่วทุกมุมโลก

ไม่นานการประมูลก็เริ่มต้นขึ้น รายการประมูลชิ้นแรกนั้นเป็นภาพวาดหายากและมีชื่อเสียงที่ถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ในกรุงลอนดอน

ภาพวาดที่มีชื่อเสียงนี้สูญหายไปเมื่อ 15 ปีก่อน

เพื่อตามหามัน ตำรวจของประเทศ Y ได้เสนอรางวัลให้แก่ผู้พบเห็น แต่ใช้เวลาตรวจสอบสิบกว่าปีก็ยังคงหาไม่พบเสียที

แต่ภาพวาดนั้นกลับปรากฏขึ้นในการประมูลในวันนี้ และมันไม่ใช่ของปลอมอย่างแน่นอน

สามารถพูดได้ว่า ห่วงโซ่อุปทานของเครือข่ายมืดนั้นมีอยู่ทั่วทุกมุมโลกจริง ๆ

หยางหยวนเองก็ค่อนข้างที่จะสนใจภาพวาดที่มีชื่อเสียงนี้ สุดท้ายก็จ่ายเงินจำนวน 200 ล้านหยวนเพื่อให้ได้ของมาไว้ในมือ

หยางหลิงรุ่ยรู้สึกงงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าภาพวาดที่มีชื่อเสียงนี้อาจทำให้เกิดข้อพิพาททางการเมืองได้อย่างชัดเจน แล้วทำไมพี่ใหญ่ถึงประมูลมันมา

หยางหยวนสังเกตเห็นท่าทางงุนงงของน้องสาวเล็ก จึงระบายยิ้มขึ้นมาพร้อมทั้งอธิบายว่า : "ตาของเธอชอบสะสมน่ะ"

หยางหลิงรุ่ยส่งเสียงโอ้กลับมาเป็นอันว่าเข้าใจ สำหรับคุณตานั้น เธอไม่ได้มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับเขาเลย

มีเพียงช่วงวันปีใหม่ที่ครอบครัวจะกลับมารวมตัวกัน

คุณตาอายุมากแล้ว เขาเดินไม่สะดวกจึงไม่ค่อยโผล่มาให้เห็นเท่าไหร่นัก

แต่ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว ก็มักจะจ้องมองไปที่หยางหลิงรุ่ยเป็นเวลานานสองนาน

ในดวงตาคู่นั้นราวกับมีความรู้สึกที่เรียกว่าความคิดถึงซ่อนเอาไว้ข้างใน

การประมูลดำเนินไปเรื่อย ๆ และขอเพียงแค่เป็นโบราณวัตถุ หยางหยวนก็มักจะประมูลมาเก็บไว้จนหมด

แต่เมื่อการประมูลดำเนินไปถึงสองในสามส่วนแล้ว เขากลับบอกให้หยางเทียนเตรียมพาเขาออกไปจากที่นี่

อีฟจึงร้อนรนใจขึ้นมาทันที เพราะชุดเครื่องประดับที่เธอต้องการประมูลนั้นยังไม่ปรากฏขึ้นมาเลย

เธอดึงเสื้อของหยางหลิงรุ่ยอย่างต้องการความช่วยเหลือ

หยางหลิงรุ่ยลังเลอยู่ครูนึง ก่อนจะเอ่ยขึ้น : "พี่ใหญ่ รอดูอีกสักหน่อยเถอะค่ะ ต่อไปอาจมีสินค้าประมูลดี ๆ อีกก็ได้!"

“รู้ไหมว่าทำไมงานประมูลครั้งนี้ถึงได้โด่งดังนัก” จู่ ๆ หยางหยวนก็ถามประโยคนี้ขึ้นมา

หยางหลิงรุ่ยนิ่งไปชั่วขณะ งานประมูลไม่ใช่เพราะมีของหายากมากมายถึงได้มีชื่อเสียงหรอกเหรอ

แตถ้าพี่ใหญ่พูดขึ้นมาเช่นนั้น คำตอบคงไม่ง่ายขนาดนั้นแน่นอน

"ไม่รู้ค่ะ" หยางหลิงรุ่ยเอ่ยตอบอย่างซื่อสัตย์

"หลังจากประมูลของตายเสร็จ ก็จะประมูลของเป็นต่อ"

คำพูดของหยางหยวนทำให้หยางหลิงรุ่ยเกิดความฉงนขึ้นมาในหัว

ไม่นานเธอก็เข้าใจความหมายที่พี่ชายใหญ่พูด สินค้าที่จะถูกนำมาประมูลต่อจากนั้นก็คือสินค้าที่มีชีวิตนั่นเอง

“แล้ว แล้ว...ชุดเครื่องประดับที่อีฟอยากได้ล่ะคะ”

เพราะไม่ว่าอย่างไรการที่เธอมาที่นี่ก็เพราะเพื่อนสาวของเธอ และหยางหลิงรุ่ยก็ไม่ต้องการกลับไปมือเปล่าอย่างแน่นอน

หยางหยวนถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น : "ชุดเครื่องประดับชุดนั้นถูกวางไว้ในตอนจบ ฉันกลัวว่ากำลังเงินของครอบครัวอีฟนั้น อาจจะประมูลมาได้ยาก"

หยางหลิงรุ่ยเหลือบมองไปที่อีฟซึ่งพยักหน้าอย่างหนักแน่น ก่อนเธอจะเอ่ยขึ้น : "พี่ใหญ่ พวกเรารอจนงานประมูลจบเถอะนะ ยังไงก็มาถึงที่นี่แล้ว"

“ถ้าอย่างนั้นเธออย่าเสียใจทีหลังก็แล้วกัน” หลังจากที่หยางหยวนเอ่ยประโยคแปลก ๆ ขึ้นมาเสร็จ พวกเขาก็นั่งดูการประมูลต่อไป

หยางหลิงรุ่ยเข้าใจแล้วว่าที่พี่ใหญ่พูดว่าอย่าเสียใจทีหลังนั้นมันหมายความว่าอะไร

เพราะรายการประมูลต่อไปนั้น สินค้าคือคนเป็น ๆ หนึ่งคน

ซึ่งเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก

เธอสวมเพียงชุดคล้ายบิกินี่เท่านั้น ที่มือและเท้าของเธอมีห่วงโซ่ล่ามเอาไว้ และถูกชายชุดดำสองคนพยุงไว้คนละข้าง

ดวงตาของหยางเทียนส่องแสงวาบขึ้นมาฉับพลัน เขารู้จักผู้หญิงคนนี้

จากนั้น เขาก็ชำเลืองมองหยางหลิงรุ่ยอย่างห้ามไม่ได้ เพราะเธอเคยรู้จักมาก่อน

หยางหลิงรุ่ยมองดูผู้หญิงที่น่าสงสารคนนี้ ก่อนจะกัดฟันแน่นด้วยความโมโหและความเกลียดชังในใจ

ต่างก็เคยเรียกร้องสิทธิมนุษยชนด้วยกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงได้ปฏิบัติกับผู้หญิงคนหนึ่งได้ถึงเพียงนี้

ในฐานะผู้หญิงเธอรู้สึกเห็นอกเห็นใจเป็นอย่างมาก แต่สำหรับผู้ชายที่มาร่วมการประมูลในครั้งนี้ มันอาจจะไม่ใช่แบบนั้น

ใบหน้าดุร้ายราวกับหมาป่าและเสือ สายตาหื่นกามของพวกเขาคล้ายกับกำลังปลดเปลื้องชุดของผู้หญิงบนเวทีประมูลคนนั้นออกจนเปลื่อยเปล่า

เหมือนกับผู้หญิงคนนั้นเป็นสินค้าสุดล้ำดี ๆ นี่เอง!

ขณะนั้นเองเสียงของผู้ดำเนินรายการก็ดังขึ้น : "ทุกคนคงได้เห็นความดีงามของผู้หญิงคนนี้กันหมดแล้วใช่ไหม ถัดไปผมอยากจะพูดแนะนำประวัติเธอสั้น ๆ ให้ฟัง เธอเกิดในครอบครัวนักวิชาการและมีความเชี่ยวชาญในการเล่นเปียโน หมากรุก การเขียนพู่กันจีนและวาดภาพเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นยังเคยก่อตั้งบริษัทลูกโซ่อีกมากมายมูลค่าหลายพันล้าน ตรงกับประโยคที่ว่า สามารถมีไว้รับแขกได้ ทำงานบ้านงานเรือนได้ และยังสามารถมีไว้ระบายความใคร่ได้อีกด้วย...."

คำพูดถัดจากนั้นค่อนข้างระคายหู และหยางหลิงรุ่ยไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป

“นี่มันเกินไปแล้ว!” เธออดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น

หยางหยวนมุมปากกระตุกเล็กน้อย สิ่งที่เขาไม่อยากให้หยางหลิงรุ่ยเห็นที่สุดก็คือผู้หญิงคนนี้นี่แหละ

ยังดีที่ความทรงจำของหยางหลิงรุ่ย ไม่หลงเหลือเธออยู่ในนั้น

"ในโลกนี้ คนอ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อของผู้ที่เข้มแข็งกว่าเสมอและมีเพียงคนที่เหมาะสมเท่านั้นจึงจะสามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้ เมื่อถูกครอบงำโดยผู้อื่นและไม่สามารถต้านทานได้ ผลสุดท้ายก็จะจบลงแบบนี้"

หลังจากที่หยางหยวนเอ่ยจบ ผู้ดำเนินงานก็ได้เริ่มการประมูลขึ้น และราคาประมูลเริ่มต้นอยู่ที่ 50 ล้านหยวน

หลังจากนั้นก็มีคนชูป้ายเสนอราคาขึ้นไม่หยุด จนราคาพุ่งไปที่ 80 ล้านหยวนอย่างรวดเร็ว

แต่พอถึง 80 ล้านหยวนแล้ว ผู้คนก็เริ่มไม่มีกำลังทรัพย์ที่จะสู้ต่อ

และหลายคนยังมองว่า 80 ล้านหยวนนั้นสามารถนอนกับผู้หญิงได้อีกตั้งหลายคน

แม้ว่าผู้หญิงจะสวยสักแค่ไหน แต่ถ้านอนด้วยบ่อย ๆ แล้วก็คงจะรู้สึกเบื่อได้เช่นกัน

หยางหลิงรุ่ยมองไปที่ใบหน้าน่าเกลียดและดูละโมบของคนเหล่านั้นที่กำลังพูดอยากสนุกปาก

ต่อหน้าสาธารณะชน พวกเขาล้วนทำตัวเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยหรือทูตการกุศลคนชอบธรรม

แต่ในตอนนี้ พวกเขากลับฉีกหน้ากากปลอม ๆ ทิ้งไปทั้งหมดไม่เหลือ

ราวกับเป็นหมาป่าที่หิวกระหาย และรอคอยโอกาสที่จะได้กิน

กลับกัน ผู้หญิงที่อยู่บนเวทีนั้นกลับถูกจับโพสท่ายั่วยวนต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นความต้องการของผู้ชายที่อยู่ด้านล่าง

หยางหลิงรุ่ยโมโหจนสั่นไปทั้งตัว เธอเป็นผู้หญิงเหมือนกันและเธอเข้าใจถึงความรู้สึกหมดอาลัยตายอยากราวกับหัวใจได้ตายไปแล้วของผู้หญิงบนเวที

เธออาจจะเคยรู้สึกเศร้า เคยรู้สึกไม่ได้รับความช่วยเหลือ เคยรู้สึกหวาดกลัว จนสุดท้ายเหลือเพียงความรู้สึกสูญสิ้นความหวัง

และใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้อย่างไม่มีเกียรติ

“พี่ใหญ่ ช่วยประมูลเธอมาได้ไหมคะ”

ในที่สุดหยางหลิงรุ่ยก็ทนไม่ไหว จนต้องขอความช่วยเหลือจากหยางหยวน

หยางหยวนขมวดคิ้ว เขาไม่อยากให้หยางหลิงรุ่ยคบค้าสมาคมกับเธอ

แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธคำขอร้องของน้องสาวเล็กได้

เขากำลังจะพยักหน้ารับ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนเสนอราคาที่ทำเอาพิธีกรถึงกับตกตะลึง

"ห้อง VIP หมายเลข 7 ประมูลในราคา 200 ล้าน 200 ล้านครั้งที่หนึ่ง 200 ล้านครั้งที่สอง... "

ปัง เสียงค้อนทุบดังขึ้น ก่อนพิธีกรจะเอ่ยแสดงความยินดีขึ้น : "ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้ตกเป็นของเจ้าของห้อง VIP หมายเลข 7 ทันที!"

หยางหลิงรุ่ยไม่คาดคิดเลยว่า การที่เธอลังเลอยู่เพียงครู่เดียว ผู้หญิงที่น่าสงสารคนนั้นก็ถูกประมูลไปก่อนแล้ว

เดิมที 80 ล้านเธอก็รู้สึกทุกข์ใจมากแล้ว

แต่เมื่อกลายเป็น 200 ล้านเธอก็เริ่มเกิดความลังเลขึ้นมา

เพราะเธอรู้ว่าเงินนี้หากอยู่ในมือของตระกูลหยางแล้ว ก็สามารถทำเงินเพิ่มมาได้เป็นสองพันล้านหรือสูงกว่านั้นอีก

แต่การซื้อผู้หญิงนี้มา นอกจากความใจบุญแล้ว ก็แทบจะไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ เลยสักนิด

เมื่อเห็นท่าทางผิดหวังของหยางหลิงรุ่ย หยางหยวนจึงพูดขึ้น : "ไปตรวจสอบดูสิ ว่าห้อง Vip หมายเลข 7 คือใคร"

บอดี้การ์ดคนหนึ่งเดินออกไปทันทีที่ได้ยินคำสั่ง หยางเทียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หยางหยวนจึงเอ่ยกระซิบขึ้น : "นายท่านครับ ผู้หญิงคนนั้นถูกประมูลไปแล้วนะครับ"

"อืม" หยางหยวนตอบกลับไปเสียงเรียบ แน่นอนว่าเขาเข้าใจความหมายของหยางเทียน

หยางเทียนรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เหมาะที่จะปรากฏตัวขึ้นมาในตระกูลหยาง

ดังนั้นจึงบอกเป็นนัยกับเขาว่าปล่อยให้คนอื่นคิดว่าห้อง VIP หมายเลข 7 นั้นไม่ควรต่อกรด้วย เรื่องของผู้หญิงก็จะถูกหยุดไว้เพียงเท่านั้น

สินค้าประมูลที่นำขึ้นมาแสดงถัดจากนั้นล้วนแต่เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

หยางหลิงรุ่ยรู้สึกมึนชาขึ้นมา เธอจึงไปนั่งที่มุมห้องเพื่อนั่งสงบสติอารมณ์ และไม่ได้ดูรายการประมูลต่อ

เธอเป็นคนจิตใจดีก็จริง แต่ความจิตใจดีที่ต้องจ่ายเงินนั้น บอกตามตรงเธอเองก็จ่ายไม่ไหวเช่นกัน

ขณะนั้นเอง บอดี้การ์ดคนที่เดินออกไปเมื่อกี้ก็กลับเข้ามา ก่อนจะกระซิบข้างหูของหยางหยวนสองสามประโยค

สีหน้าของหยางหยวนเปลี่ยนไปในทันที เขาเหลือบมองหยางหลิงรุ่ยที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะเอ่ยขึ้น : "หลิงรุ่ย ถ้าหากรู้สึกไม่สบายใจก็ออกไปเดินเล่นสักหน่อยเถอะ อย่าเก็บมันเอาไว้อย่างนี้"

หยางหลิงรุ่ยราวกับได้รับการอภัยทาน เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงกว่าชุดเครื่องประดับจะถูกนำมาประมูล เธอจึงลากอีฟออกไปข้างนอกด้วยกันทันที

เธอทนไม่ไหวมานานแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะชุดเครื่องประดับของอีฟ เธอคงหนีไปตั้งนาน

หยางหยวนส่งสายตา บอดี้การ์ดคนนั้นจึงรีบติดตามหยางหลิงรุ่ยไปทันที

“คือฮั่วเทียนหลันจริงใช่ไหม” หลังจากภายในห้องเหลือเพียงสามคน หยางหยวนก็เอ่ยถามขึ้นมา

บอดี้การ์ดคนดังกล่าวพยักหน้าและพูดว่า : "ครับ ผมเคยเห็นคนที่เดินออกมาจากห้องนั้น และโจวหยวนผู้ช่วยของฮั่วเทียนหลันก็อยู่ที่นั่นอีกด้วย"

"นายท่านครับ ผู้หญิงคนนั้นคือฉีหลานหรือเปล่าครับ" หยางเทียนเอ่ยแทรกขึ้น

หยางหยวนพยักหน้าเป็นคำตอบ

“แปลกมาก ในเมื่อเป็นฉีหลาน คนที่นำมาประมูลก็ต้องเป็นตระกูลหยูอย่างแน่นอน แล้วฮั่วเทียนหลันเข้าไปยุ่งด้วยทำไมกัน"

ตัวตนของฉีหลานนั้นค่อนข้างพิเศษ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวตนก่อนหน้าของหยางหลิงรุ่ย นั่นจึงทำให้รู้สึกสงสัยการกระทำของฮั่วเทียนหลันอย่างอดไม่ได้

หยางหยวนใช้นิ้วเคาะที่พนักของโซฟาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ : "พวกตระกูลหยูก็อยู่ที่ชั้นสองเช่นกัน แต่กลับไม่ได้เสนอราคาประมูลใด ๆ กลับกันมีเพียงชั้นแรกเท่านั้นที่พยายามแก่งแย่งเพื่อให้ได้มา และตอนนี้ฮั่วเทียนหลันกลับยกมือขึ้นประมูลเอามาได้ คาดว่ามันต้องมีอะไรในก่อไผ่อย่างแน่นอน"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง