หยางหลิงรุ่ยรู้สึกโกรธตั้งแต่แรกแล้ว แต่เธออยากที่จะฟังเรื่องราวให้เข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ก่อนถึงจะปะทุออกมา
เรื่องแบบนี้ตบมือข้างเดียวมันคงไม่ดัง แบบนี้ชิงหรงก็ต้องรับผิดชอบด้วย?
ถึงแม้จะบอกว่าชิงหรงเคยเรียนอยู่ที่ออสเตรเลีย ทางโรงเรียนก็ไม่เคยโทรหาเธอ และก็ไม่เคยเรียกให้เธอไปพบ
แต่ตอนนี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้น สภาพแวดล้อมของการศึกษาในประเทศเมื่อเอาไปเทียบกับต่างประเทศแล้วมันยังห่างไกลนัก
และเพื่อที่ให้ชิงหรงปรับตัวเข้าหาเพื่อนให้ง่ายขึ้น หยางหลิงรุ่ยไม่เคยบอกเธอให้เอ่ยชื่อของตระกูลหยาง
มีแค่ ผอ. และครูระดับสูงไม่กี่คนที่ทราบเรื่องนี้ เพราะเห็นตอนที่เธอมาสมัครเรียน
ทำแบบนี้ก็เพื่อชิงหรง
อย่างไรก็ตามจุดยืนของตระกูลหยางนั้นสูงมาก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่มีคนคอยก่อกวน
เพื่อให้ชิงหรงเติบโตอย่างมีความสุข หยางหลิงรุ่ยจึงคิดว่าควรจะปกปิดสถานะของตนเองเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าของเหตุการณ์เหล่านี้
แต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่า การที่เธอเลือกที่จะปกปิดสถานะของลูกเธอ กลับทำให้เกิดเรื่องราวเหล่านี้ขึ้น
ลูกของเธอโดนรังแก มันยากที่จะเข้าใจ
แต่ภรรยาของ ผอ.หลิว ยังไม่ยอม แต่ ผอ.หลิวรู้ถึงตัวตนของเธอ แต่ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร?
ผอ.หลิวถอนหายใจออกมายาวๆ เขาพอรู้มาบ้างว่าหยางหลิงรุ่ยเป็นคนที่มีความอดทนสูงที่สุดในตระกูลหยาง
ดังนั้นเขาจึงพูดลองใจออกไปว่า “ต้องขอโทษด้วยจริงๆครับคุณหยาง ภรรยาของผมเป็นคนหุนหันพลันแล่นไปหน่อย เอาแบบนี้ไหมครับ ผมจะกลับไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้ดี ถ้าหากมีนักเรียนคนไหนมาเกี่ยวข้องด้วย ผมจะจัดการอย่างเด็ดขาด”
เขาพูดจบ ก็มองไปที่หยางหลิงรุ่ยด้วยความระแวง ถ้าหยางหลิงรุ่ยมีท่าทีไม่พอใจหละก็เขาจะได้เปลี่ยนคำพูดทัน
แต่หยางหลิงรุ่ยก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ถ้า ผอ. พูดแบบนี้ ฉันก็จะให้เวลาสักหน่อยแล้วกัน ถ้าชิงหรงมีส่วนผิดในเรื่องนี้ ผอ. ไม่จำเป็นต้องออกหน้ามารับแทน ฉันจะเป็นคนกลับไปสั่งสอนเธอเอง เพื่อเป็นการรักษากฎระเบียบของโรงเรียน แต่ถ้าหากลูกสาวของคุณและเด็กที่ภรรยาของคุณพูดถึงเมื่อสักครู่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำความผิดนี้ด้วย ผอ. ก็จะจัดการเรื่องนี้อย่างเป็นธรรมใช่ไหมคะ?”
ภรรยาของ ผอ.หลิวขมวดคิ้ว และระเบิดอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ ผอ.หลิวกระแอมออกไปหนึ่งครั้ง และมองไปที่เธออย่างเคร่งเครียด เบื่อบ่งบอกให้เธอหุบปาก
“ใช่ครับ ผมจะจัดการอย่างเป็นกลางที่สุด อย่างที่คุณหยางพูดเลยครับ” ผอ. พูดออกมา
รับรู้ได้ถึงความรับผิดชอบที่ออกมาจากน้ำเสียงนี้
ตอนแรกเขาคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากสำหรับเขา
และไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า หยางหลิงรุ่ยคนนี้จะเป็นคนที่ต่อรองด้วยง่ายดายขนาดนี้
พอพูดกันมาถึงตรงนี้ หยางหลิงรุ่ยก็ไม่อยากอยู่เห็นคนบ้าอย่างภรรยาของ ผอ.หลิวอีกแล้ว
เธอกลับตัวพร้อมที่จะเดินทางกลับ
แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็มีเด็กสาวคนหนึ่งมาขวางทางไว้
“เธอคือแม่ของชิงหรงใช่ไหม? ท่าทางก็ดูร่านจริงๆนั้นแหละ! ก็เห็นอยู่ว่าชิงหรงเป็นคนผิด ทำไมเธอถึงยังมีหน้ามาหาเรื่องอีก? ฉันจะไปทะเลาะกับเด็กไม่มีพ่ออย่างมันทำไม? แกใช้สมองส่วนไหนมาคิด?”
คำว่าร่านและลูกไม่มีพ่อสองคำนี้ ทำให้สีหน้าของหยางหลิงรุ่ยมืดมน
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในวัยนี้ สามารถพูดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร้ยางอาย
เธอจึงคิดว่าปกติที่โรงเรียนคงเอาแต่ให้ท้ายเด็ก ไม่รู้จักสั่งสอนในสิ่งที่ถูกต้อง
ตอนที่ชิงหรงอยู่บ้านเธอเป็นคนว่านอนสอนง่าย ยิ่งไปอยู่โรงเรียนนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย
เหตุผลที่ทะเลาะกัน ตอนนี้หยางหลิงรุ่ยเข้าใจแล้ว
ถึงแม้ว่าปกติชิงหรงจะไม่ค่อยพูดอะไร แต่หยางหลิงรุ่ยก็รู้ว่าสิ่งที่ชิงหรงไม่ชอบที่สุดก็คือการที่เด็กคนอื่นมาล้อเธอว่าเป็นลูกที่ไม่มีพ่อ
นี่คือขีดจำกัดของเธอ และก็เป็นขีดจำกัดของลูกสาวเธอด้วย
เธอไม่ยอมให้ลูกสาวของเธอถูกทำร้ายในตอนที่จะเติบโต
เกิดในตระกูลหยาง และมีตำแหน่งที่สูงส่ง ความโกรธของหยางหลิงรุ่ยในตอนนี้มันไม่ใช่สิ่งที่เด็กที่อยู่ตรงหน้าเธอจะต้านทานได้
หลิวหลานซินรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เธอรีบวิ่งออกจากห่างจากหยางหลิงรุ่ย และไปหลบอยู่ที่ด้านหลังของแม่ของเธอ
หยางหลิงรุ่ยหันกลับมามองไปที่คนสามคนที่น่ารังเกียจ
เธอไม่เคยเกลียดใครเหมือนครอบครัวหลิวมาก่อน โดยเฉพาะเด็กคนนี้และแม่ของเธอ ทำให้มุมมองที่เธอมีต่อครอบครัวนี้แย่ลง
เธอเดินไปหาคนที่มีเหตุผลที่สุดอย่าง ผอ.หลิวแล้วพูดว่า “ผอ.หลิว คุณเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน เป็นคนที่มีอำนาจสูงที่สุด คุณคิดว่าลูกสาวของคุณควรจะพูดประโยคเหล่านี้ออกมาไหม? ”
คำพูดที่หลิวหลานซินพูดออกมาเมื่อสักครู่ ผอ.หลิวได้ยินทั้งหมด
เขานึกไม่ถึงเลยจริงๆ เรื่องที่เขาจัดการได้อย่างยากลำบาก จะต้องเกิดเป็นปัญหาขึ้นอีกครั้งเพราะคำพูดแย่ๆของลูกสาวตัวเอง
เขาอ้าปาก คิดจะแก้ตัวออกมาสักสองสามคำ
แต่เมื่อเห็นสายตาที่มองมาอย่างเยือกเย็นของหยางหลิงรุ่ยแล้ว คำพูดที่เขาคิดไว้นั้นก็หายไปหายสมองของเขาทันที
“ผอ.หลิวทำไมถึงไม่พูดอะไรเลยหละ? คุณเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนนะ เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์มากที่สุดในด้านการให้ความรู้และปลูกฝั่งจิตสำนึกที่ดีให้กับเด็กๆ แต่กลับสอนลูกสาวของตัวเองออกมาในสภาพแบบนี้ คุณไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรอ?”
ผอ.หลิวได้แต่เงียบ เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะพูดอะไรออกมา
ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเกลียดการเลี้ยงดูที่เอาอกเอาใจลูกสาวของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก และเรื่องแบบนี้มันก็เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว
แต่ในทุกครั้งที่ผ่านมา ผอ.หลิวใช้สถานะของตัวเองในการจัดการกับเรื่องราวทั้งหมด เพราะคู่กรณีเป็นแค่ครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก และไม่ได้มีอำนาจอะไร
ดังนั้นเรื่องใหญ่ก็จะกลายเป็นเรื่องเล็กทันที
แน่นอน ว่าคนพวกนั้นก็ต้องตอบโต้มาบ้าง แต่ผอ.หลิวก็ใช้อำนาจที่ตัวเองมีอยู่จัดการไปแบบซึ่งๆหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง