โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 357

หยางหลิงรุ่ยรู้สึกโกรธตั้งแต่แรกแล้ว แต่เธออยากที่จะฟังเรื่องราวให้เข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ก่อนถึงจะปะทุออกมา

เรื่องแบบนี้ตบมือข้างเดียวมันคงไม่ดัง แบบนี้ชิงหรงก็ต้องรับผิดชอบด้วย?

ถึงแม้จะบอกว่าชิงหรงเคยเรียนอยู่ที่ออสเตรเลีย ทางโรงเรียนก็ไม่เคยโทรหาเธอ และก็ไม่เคยเรียกให้เธอไปพบ

แต่ตอนนี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้น สภาพแวดล้อมของการศึกษาในประเทศเมื่อเอาไปเทียบกับต่างประเทศแล้วมันยังห่างไกลนัก

และเพื่อที่ให้ชิงหรงปรับตัวเข้าหาเพื่อนให้ง่ายขึ้น หยางหลิงรุ่ยไม่เคยบอกเธอให้เอ่ยชื่อของตระกูลหยาง

มีแค่ ผอ. และครูระดับสูงไม่กี่คนที่ทราบเรื่องนี้ เพราะเห็นตอนที่เธอมาสมัครเรียน

ทำแบบนี้ก็เพื่อชิงหรง

อย่างไรก็ตามจุดยืนของตระกูลหยางนั้นสูงมาก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่มีคนคอยก่อกวน

เพื่อให้ชิงหรงเติบโตอย่างมีความสุข หยางหลิงรุ่ยจึงคิดว่าควรจะปกปิดสถานะของตนเองเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าของเหตุการณ์เหล่านี้

แต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่า การที่เธอเลือกที่จะปกปิดสถานะของลูกเธอ กลับทำให้เกิดเรื่องราวเหล่านี้ขึ้น

ลูกของเธอโดนรังแก มันยากที่จะเข้าใจ

แต่ภรรยาของ ผอ.หลิว ยังไม่ยอม แต่ ผอ.หลิวรู้ถึงตัวตนของเธอ แต่ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร?

ผอ.หลิวถอนหายใจออกมายาวๆ เขาพอรู้มาบ้างว่าหยางหลิงรุ่ยเป็นคนที่มีความอดทนสูงที่สุดในตระกูลหยาง

ดังนั้นเขาจึงพูดลองใจออกไปว่า “ต้องขอโทษด้วยจริงๆครับคุณหยาง ภรรยาของผมเป็นคนหุนหันพลันแล่นไปหน่อย เอาแบบนี้ไหมครับ ผมจะกลับไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้ดี ถ้าหากมีนักเรียนคนไหนมาเกี่ยวข้องด้วย ผมจะจัดการอย่างเด็ดขาด”

เขาพูดจบ ก็มองไปที่หยางหลิงรุ่ยด้วยความระแวง ถ้าหยางหลิงรุ่ยมีท่าทีไม่พอใจหละก็เขาจะได้เปลี่ยนคำพูดทัน

แต่หยางหลิงรุ่ยก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ถ้า ผอ. พูดแบบนี้ ฉันก็จะให้เวลาสักหน่อยแล้วกัน ถ้าชิงหรงมีส่วนผิดในเรื่องนี้ ผอ. ไม่จำเป็นต้องออกหน้ามารับแทน ฉันจะเป็นคนกลับไปสั่งสอนเธอเอง เพื่อเป็นการรักษากฎระเบียบของโรงเรียน แต่ถ้าหากลูกสาวของคุณและเด็กที่ภรรยาของคุณพูดถึงเมื่อสักครู่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำความผิดนี้ด้วย ผอ. ก็จะจัดการเรื่องนี้อย่างเป็นธรรมใช่ไหมคะ?”

ภรรยาของ ผอ.หลิวขมวดคิ้ว และระเบิดอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ ผอ.หลิวกระแอมออกไปหนึ่งครั้ง และมองไปที่เธออย่างเคร่งเครียด เบื่อบ่งบอกให้เธอหุบปาก

“ใช่ครับ ผมจะจัดการอย่างเป็นกลางที่สุด อย่างที่คุณหยางพูดเลยครับ” ผอ. พูดออกมา

รับรู้ได้ถึงความรับผิดชอบที่ออกมาจากน้ำเสียงนี้

ตอนแรกเขาคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากสำหรับเขา

และไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า หยางหลิงรุ่ยคนนี้จะเป็นคนที่ต่อรองด้วยง่ายดายขนาดนี้

พอพูดกันมาถึงตรงนี้ หยางหลิงรุ่ยก็ไม่อยากอยู่เห็นคนบ้าอย่างภรรยาของ ผอ.หลิวอีกแล้ว

เธอกลับตัวพร้อมที่จะเดินทางกลับ

แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็มีเด็กสาวคนหนึ่งมาขวางทางไว้

“เธอคือแม่ของชิงหรงใช่ไหม? ท่าทางก็ดูร่านจริงๆนั้นแหละ! ก็เห็นอยู่ว่าชิงหรงเป็นคนผิด ทำไมเธอถึงยังมีหน้ามาหาเรื่องอีก? ฉันจะไปทะเลาะกับเด็กไม่มีพ่ออย่างมันทำไม? แกใช้สมองส่วนไหนมาคิด?”

คำว่าร่านและลูกไม่มีพ่อสองคำนี้ ทำให้สีหน้าของหยางหลิงรุ่ยมืดมน

เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในวัยนี้ สามารถพูดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร้ยางอาย

เธอจึงคิดว่าปกติที่โรงเรียนคงเอาแต่ให้ท้ายเด็ก ไม่รู้จักสั่งสอนในสิ่งที่ถูกต้อง

ตอนที่ชิงหรงอยู่บ้านเธอเป็นคนว่านอนสอนง่าย ยิ่งไปอยู่โรงเรียนนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย

เหตุผลที่ทะเลาะกัน ตอนนี้หยางหลิงรุ่ยเข้าใจแล้ว

ถึงแม้ว่าปกติชิงหรงจะไม่ค่อยพูดอะไร แต่หยางหลิงรุ่ยก็รู้ว่าสิ่งที่ชิงหรงไม่ชอบที่สุดก็คือการที่เด็กคนอื่นมาล้อเธอว่าเป็นลูกที่ไม่มีพ่อ

นี่คือขีดจำกัดของเธอ และก็เป็นขีดจำกัดของลูกสาวเธอด้วย

เธอไม่ยอมให้ลูกสาวของเธอถูกทำร้ายในตอนที่จะเติบโต

เกิดในตระกูลหยาง และมีตำแหน่งที่สูงส่ง ความโกรธของหยางหลิงรุ่ยในตอนนี้มันไม่ใช่สิ่งที่เด็กที่อยู่ตรงหน้าเธอจะต้านทานได้

หลิวหลานซินรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เธอรีบวิ่งออกจากห่างจากหยางหลิงรุ่ย และไปหลบอยู่ที่ด้านหลังของแม่ของเธอ

หยางหลิงรุ่ยหันกลับมามองไปที่คนสามคนที่น่ารังเกียจ

เธอไม่เคยเกลียดใครเหมือนครอบครัวหลิวมาก่อน โดยเฉพาะเด็กคนนี้และแม่ของเธอ ทำให้มุมมองที่เธอมีต่อครอบครัวนี้แย่ลง

เธอเดินไปหาคนที่มีเหตุผลที่สุดอย่าง ผอ.หลิวแล้วพูดว่า “ผอ.หลิว คุณเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน เป็นคนที่มีอำนาจสูงที่สุด คุณคิดว่าลูกสาวของคุณควรจะพูดประโยคเหล่านี้ออกมาไหม? ”

คำพูดที่หลิวหลานซินพูดออกมาเมื่อสักครู่ ผอ.หลิวได้ยินทั้งหมด

เขานึกไม่ถึงเลยจริงๆ เรื่องที่เขาจัดการได้อย่างยากลำบาก จะต้องเกิดเป็นปัญหาขึ้นอีกครั้งเพราะคำพูดแย่ๆของลูกสาวตัวเอง

เขาอ้าปาก คิดจะแก้ตัวออกมาสักสองสามคำ

แต่เมื่อเห็นสายตาที่มองมาอย่างเยือกเย็นของหยางหลิงรุ่ยแล้ว คำพูดที่เขาคิดไว้นั้นก็หายไปหายสมองของเขาทันที

“ผอ.หลิวทำไมถึงไม่พูดอะไรเลยหละ? คุณเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนนะ เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์มากที่สุดในด้านการให้ความรู้และปลูกฝั่งจิตสำนึกที่ดีให้กับเด็กๆ แต่กลับสอนลูกสาวของตัวเองออกมาในสภาพแบบนี้ คุณไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรอ?”

ผอ.หลิวได้แต่เงียบ เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะพูดอะไรออกมา

ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเกลียดการเลี้ยงดูที่เอาอกเอาใจลูกสาวของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก และเรื่องแบบนี้มันก็เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว

แต่ในทุกครั้งที่ผ่านมา ผอ.หลิวใช้สถานะของตัวเองในการจัดการกับเรื่องราวทั้งหมด เพราะคู่กรณีเป็นแค่ครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก และไม่ได้มีอำนาจอะไร

ดังนั้นเรื่องใหญ่ก็จะกลายเป็นเรื่องเล็กทันที

แน่นอน ว่าคนพวกนั้นก็ต้องตอบโต้มาบ้าง แต่ผอ.หลิวก็ใช้อำนาจที่ตัวเองมีอยู่จัดการไปแบบซึ่งๆหน้า

เขาไม่พูดอะไร ก็ไม่ได้แปลว่าภรรยาของเขาที่ยืนอยู่ข้างๆจะเป็นใบ้

มาดามหลิวหัวเราะออกมาและพูดด้วยน้ำเสียงที่มีเจตนาไม่ดี “อ่า ทำไมปากเสียแบบนี้หละ กลัวไม่ได้ใช้ปากมากหรือยังไง? พวกฉันจะอบรมสั่งสอนลูกสาวอย่างไรมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของครอบครัวเรา มันเกี่ยวอะไรกับเธอ? ลูกฉันบอกว่าลูกเธอกำพร้าพ่อมันพูดผิดตรงไหน? ไม่ใช่ว่าลูกของเธอไม่มีพ่อจริงๆหรอกหรอ? ไม่มีพ่อ นั้นก็แปลว่ากำพร้าพ่อ แม้ว่าพวกเราไม่ได้พูด แต่นั่นมันก็คือความจริง นี่มันก็แค่เรื่องเด็กทะเลาะกัน เธอเป็นผู้ปกครองเข้ามายุ่งอะไรด้วย* ลูกสาวเธออยู่ไหนเรียกเข้ามาสิ มีอะไรก็มาพูดกันตรงๆ ไม่ใช่เอาตัวเองมาข่มขู่ลูกสาวของฉันแบนี้ มันดูทุเรศ”

หยางหลิงรุ่ยไม่ได้สนใจคำพูดของมาดามหลิว เธอกำลังรอคำตอบของผอ.หลิวอยู่

ถ้าหากผอ.หลิวยังคงนิ่งแบบนี้ต่อไป เธอก็ต้องขอโทษด้วย ที่จะต้องเอาอำนาจของตระกูลหยางเข้ามายุ่ง

ถ้าเธอใช้มัน ผอ. จะต้องเสียใจแน่นอน

ผอ.หลิวยื่นมืออกไปค้ำราวบันใดที่อยู่ข้างๆ ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะค้ำมัน แต่ถ้าเขาไม่ทำแบบนั้นเกรงว่าตัวเองจะสติแตกเพราะคำพูดของภรรยาตัวเอง

เมื่อก่อนเขาคิดว่าภรรยาของเขาเป็นคนฉลาด และเป็นคนมองการณ์ไกล

แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองตาบอด

เขาผ่านทุกข์ผ่านสุขกับภรรยาของเขามาตั้งแต่แรก ถึงแม้ว่าเธอจะอายุมากขึ้น และริ้วรอยก็เกิดขึ้นบางเป็นธรรมดา

แต่นิสัยของเธอนั้นดีเหลือเกิน

เป็นผู้หญิงที่ดีมากคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ภรรยาที่ปกติดูอ่อนโยนของเขา ทำไมถึงกลับมาทำให้เขาแปลกใจได้ถึงขนาดนี้

นี่มันคงเป็นบทลงโทษของพระเจ้าแน่ๆ!

“เธอจะจบไม่จบ!” เขาตะหวาดออกมา

มาดามหลิวได้ยินที่ผอ.หลิวพูดแบบนี้ เธอก็มีความมั่นใจขึ้นทันที เข้าไปหาหยางหลิงรุ่ยและพูดว่า “ได้ยินแล้วใช่ไหม ผอ.เขาทนไม่ไหวแล้ว เธอมันก็เหมือนกับลูกของเธอนั่นแหละ......”

แค่พริบตาเดียว คำพูดของมาดามหลิวก็ถูกจบลง

เธอรู้สึกเหมือนโดนหักหน้า มองไปที่หน้าของผอ.หลิวด้วยความประหลาดใจ เขากำลังลูบใบหน้าของตัวเองอยู่

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลับมาเป็นปกติ และมีเสียงร้องไห้ตามมา

“คุณ คุณตบฉัน?”

“หุบปาก เธอยังจะหาเรื่องใส่ตัวไปถึงเมื่อไหร่?”

“นี่คุณ....” มาดามหลิวใช้เล็บคว้าไปที่ผอ.หลิวอย่างเต็มมือ

ผอ.หลิวรู้ว่าทำไมผู้ชายถึงไม่ควรทะเลาะกับผู้หญิง และยิ่งอยู่ในที่สาธารณะด้วยแล้ว ยิ่งเข้าไปใหญ่

ก็เหมือนตอนนี้ ที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยลอยขีดข่วน

หยางหลิงรุ่ยไม่ได้คิดที่จะห้าม เธอแค่มองดูการทะเลาะกันระหว่างผัวเมียอย่างสนุกสนาน

จู่โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เป็นพี่สะใภ้ที่โทรมาหาเธอ

“พี่สะใภ้ มีอะไรหรือ?” หยางหลิงรุ่ยรับโทรศัพท์แล้วถามกลับไป

ตงเหยียนได้ยินเสียงดังโวยวายผ่านโทรศัพท์ของหยางหลิงรุ่ย มันเป็นเสียงของสามีภรรยาคู่นั้น เธอเกรงว่าหยางหลิงรุ่ยจะเป็นอันตรายจึงรีบถามออกมาว่า “หลิงรุ่ย เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม? นี่ก็ผ่านไปนานขนาดที่เรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนตรวจสอบเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”

“อืม” หยางหลิงรุ่ยลังเลอยู่สักพัก จากนั้นก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กับตงเหยียนฟัง

เมื่อตงเหยียนได้ยินเช่นนั้น เธอก็โกรธขึ้นมาทันที

“คนที่มารังแกคนของตระกูลอยางอย่างพวกเราจะต้องได้รับบทเรียนที่สาสม! เธอรอฉันอยู่ที่นั้น ฉันจะออกไปเดี๋ยววนี้!”

“พี่สะใภ้ไม่ต้อง....”

หยางหลิงรุ่ยยังไม่ทันพูดจบ ตงเหยียนก็วางสายโทรศัพท์ไปแล้ว

เธอถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย พี่สะใภ้ของเธอยังคงมีอารมณ์ที่รุนแรงเหมือนเดิมจริงๆ!

ตงเหยียนที่รีบเดินออกจากบ้าน บังเอิญไปพบกับหยางหลินที่เพิ่งจะกลับมาถึง

เขาเพิ่งกลับมาจากการนัดบอดข้างนอก ใบหน้าของเขาดูอ่อนล้า และหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ

สวรรค์เบื้องบนทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้อีกต่อแล้ว

วันนี้เขาไปนัดบอด คนที่แนะนำให้รู้จักกับผู้หญิงคนนี้ก็คือตงเหยียน เธอบอกกับเขาว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมและเก่งมาในเรื่องของการทำธุรกิจ

ดังนั้นเขาจึงไปดูสักหน่อย มันก็จริงอย่างที่ตงเหยียนบอก ผู้หญิงที่เขามาเจอเป็นคนที่มีความสามารถมาก

แต่มีเรื่องบางเรื่องที่ตงเหยียนไม่ได้พูดให้ชัดเจน ผู้หญิงคนนี้รูปร่างไร้ที่ติ หน้าตาสวยงาม

แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น นี่มันอะไรกันนี่

จะแต่งงานกับเธอ เพื่อให้มาทำซุปงานดำให้กินหรือไง?

“ไปกับฉัน!”

เมื่อเห็นหยางหลินเดินเข้ามา ตงเหยียนไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขาดึงแขนเสื้อของหยางหลิน

“หยางหลินอารมณ์ไม่ดี ถูกตงเหยียนทำแบบนี้ใส่จึงพูดออกไปด้วยความไม่พอใจ “พี่สะใภ้ นี่มันเรื่องอะไรกัน! ตอนนี้หัวใจผมอ่อนแอ ขอให้ผมอยู่เงียบๆได้ไหม?”

ตงเหยียนหยุดเดิน มองไปที่หยางหลินด้วยความดุเดือด พูดออกมาด้วยความโกรธว่า “นายอยากจะอยู่เงียบๆไปถึงเมื่อไหร่? ตอนนี้หรงหรงถูกคนที่โรงเรียนแกล้ง!”

“อะไรนะ?” หยางหลินยังได้ยินไม่ค่อยชัด แต่เขาก็ตามเธอไปด้วยความใจร้อน

“ไป พวกเราไปกันเดี๋ยวนี้เลย ใครที่กล้ามารังแกคนของตระกูลหยางอย่างพวกเรา มันจะต้องเจอดีแน่!”

ทั้งสองคนรีบออกเดินทาง รถคันเดียวไม่พอ เขาเอาบอดี้การ์ดติดตามไปด้วยสามคัน

ตอนนี้ทุกคนรู้กันดีว่าลูกหลานรุ่นที่สี่ของตระกูลหยางนั้นมีเพียงชิงหรงคนเดียวเท่านั้น และตอนนี้เธอก็กำลังถูกรังแกอยู่

พวกเขาไปโรงเรียนเพื่อจะรักษาศักดิ์ศรีของเด็กตัวเล็กๆคนนี้ไว้

คนที่กล้ามารังแกคนของตระกูลหยาง มันต้องชดใช้ด้วยเลือด!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง