หยางหลิงลุ่ยรู้สึกว่าตนเองให้ความสำคัญกับฮั่วเทียนหลันมาโดยตลอด แต่มันก็ไม่เหมือนที่เธอคิดไว้ เธอกลับรู้สึกว่าเธอยังไม่ให้ความสำคัญกับเขามากพอ
ผู้ชายคนนี้หน้าไม่อายจริงๆ ไม่รู้จักอายฟ้าดิน
“คุณ คุณจะเปิดห้องทำไม! พวกเราไปทานข้าว!”
หยางหลิงรุ่ยอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกไปด้วยความโกรธ
อากาศในรถค่อนข้างอบอ้าว หลังจากที่เธอพูดประโยคนี้ไป ก็เพิ่งจะรู้สึกว่าตัวเองเหงื่อออก
อ่า ความชื้นแบบนี้ทำให้ไม่สบายตัวอย่างมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือลมหายใจของทั้งสองกำลังสัมผัสผิวหนังของกันและกัน
เธอก็นึกถึงข่าวที่เธออ่านมาก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน
ผู้หญิงกับผู้ชายแปลกอยู่บนรถด้วยกัน หลังจากนั้น....
เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย....
หยางหลิงรุ่ยลืมตาขึ้นมาทันทีไม่รู้ว่าเธอไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เธอผลักฮั่วเทียนหลันกระเด็นออกไป
“พอได้แล้วคุณฮั่ว คุณไม่คิดจะให้เกียรติตัวเองบ้างหรอ?”
การเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันของหยางหลิงรุ่ยทำให้ฮั่วเทียนหลันไม่ทันระวังตัว
เขามองไปที่หยางหลิงรุ่ยด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสี ถึงแม้ว่าในใจของเขารู้สึกไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้แสดงมันออกมาให้เธอเห็น
หลังจากนั้นความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเอาชนะใจของหยางหลิงรุ่ยก็พลุดออกมา
ยิ่งผู้หญิงคนนี้ดื้อรั้นมากเท่าไหร่ เขาก็อยากที่จะพิชิตใจของเธอมากขึ้นเท่านั้น
สิ่งยากแย่ที่สุดคือการปืนขึ้นไปถึงยอดเขา แต่ไม่สามารถมองยอดเขาที่สูงกว่านั้นเห็น
แต่สิ่งที่มีความสุขที่สุดคือกระบวนการปืนเขานั้น
“อ่า ดูจากการตัดสินใจของคุณนายหยางแล้ว พวกเราไปทานข้าวกันเถอะ!”
พูดเสร็จ ฮั่วเทียนหลันก็นั่งลงดีๆที่เบาะด้านหลัง จากนั้นเขาก็หลับตาลง
หยางหลิงรุ่ยมองเห็นผู้ชายคนนี้สงบเสงี่ยมลง เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้น
ผู้ชายคนนี้น่ากลัวจริงๆ
แต่ว่าโชคดีที่วันนี้เขาค่อนข้างจะมีเหตุผล
หลังจากที่ผ่อนคลายสักพัก หยางหลิงรุ่ยนั่งเหมือนกับคนพิการที่เบาะด้านหลัง ถ้าฮั่วเทียนหลันไม่ได้นั่งอยู่ด้วยหละก็เธอคงนอนลงไปแล้ว
หนึ่งนาที สามนาที ห้านาที....
หยางหลิงลุ่ยทำท่าทางแปลกๆ หลังจากนั้นเธอก็ลืมตาขึ้น มองเห็นฮั่วเทียนหลันที่หลับตาอยู่ และที่นั่งขนขับที่ไม่มีคน
เมื่อมองไปที่บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ ที่เท้าของเขามีก้นบุหรี่อยู่สองสามตัว
“คุณฮั่ว?”
“คุณฮั่ว?”
เขาเหลือบตามองมาทางต้นเสียงของหยางหลิงรุ่ย แต่ฮั่วเทียนหลันก็ยังคงไม่ขยับ
ความอดทนของหยางหลิงรุ่ยลดไปครึ่งหนึ่ง เธอตะโกรออกมาด้วยเสียงที่สูงและดังขึ้น “คุณฮั่ว!”
“เอ๋? คุณนายหยาง ผมได้ยินแล้ว” ราวกับว่าฮั่วเทียนหลันเข้าสู่ห้วงนิทราและต้องใช้เวลานานในการลืมตาและมองไปที่หยางหลิงรุ่ย
“ได้ยินแล้วทำไมไม่ตอบ?”
“ที่คุณตะโกนเรียกผม ไม่ได้หมายความว่าคุณจะพูดอะไรหรอ?”
คำพูดของฮั่วเทียนหลันทำให้หยางหลิงรุ่ยไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไร
เธออ้าปากคิดที่จะเถียงกลับ แต่ด้วยเหตุผลแล้วคำพูดของฮั่วเทียนหลันไม่ได้ผิดอะไร
จบแล้วๆ ไม่ว่าจะเอาเหตุผลมาพูดกับผู้ชายคนนี้หรือจะทะเลาะกับเขา เธอก็ไม่เคยชนะเลยสักครั้ง
“พวกเราจะอยู่กันแบบนี้หรอ?”
เธอพูดหัวข้อใหม่ขึ้นมา
เป็นไปได้ไหมที่รถจะขับไปด้วยตัวเองและไปยังที่ที่รับประทานอาหาร?
ความคลุมเครือที่อยู่ด้านหน้าเธอ ฮั่วเทียนหลันพูดออกมาในสิ่งที่ควรจะเป็นว่า “คุณนายหยางตอนแรกบอกว่าไม่สนใจผมแล้วไม่ใช่หรอ? หรือว่าคุณนายหยางคิดจะเปลี่ยนใจ?”
พูดเสร็จฮั่วเทียนหลันดูเหมือนจะสนใจ เขาจึงขยับร่างกายอีกครั้ง
เขาพูดออกมาอีครั้งด้วนน้ำเสียงที่ยั่วยวน ลมหายใจอุ่นที่แพร่ซ่านไปในอากาศเหมือนกับว่าจะทำให้อุณหภูมิในรถเพิ่มขึ้นสิบกว่าองศา
“ถนนเส้นนี้มีคนผ่านไปมาน้อยมาก ไม่รู้ว่าวันนี้คุณนายหยางจะมาเล่นเกมอะไรกับคนแปลกหน้าอย่างนายฮั่วอยู่ที่นี่?”
“ไม่ ไม่ ไม่ อะไรก็ไม่เล่น”
หยางหลิงรุ่ยยกมือขึ้น และปลดล็อกประตูรถออก
หลังจากนั้นก็ตะโกนออกไปอย่างสุดเสียง “คุณคนขับรถ รบกวนคุณช่วยมาขัยรถพาพวกเราไปโรงแรมที่!”
บอดี้การ์ดของฮั่วเทียนหลันปกติแล้วเมื่อได้ยินภรรยาของฮั่วเทียนหลันสั่งแล้วคงจะไม่มีปฏิริยาเป็นแน่
ถ้าไม่ใช่ประธานฮั่วเป็นคนสั่งเองหละก็ ใครเขาก็ไม่ฟัง
แต่บอดี้การ์ดคนที่มาให้วันนี้ต่างออกไป เขาเป็นทหารที่เพิ่งปลดประจำการออกมา และถูกเพื่อนชวนให้มาทำงานเป็นบอดี้การ์ดของตระกูลฮั่ว
ดังนั้นเขาจึงลังเลสักพัก เขาก็เดินมาเปิดประตูและขึ้นมานั่งที่คนขับ
หลังจากที่ขาดเข็มขัดนิรภัย เขาหันกลับไปตามองไปที่วางแขนพร้อมกับพูดออกมาด้วยความเคารพว่า “ท่านประธาน คุณนายหยาง ออกรถเลยไหมครับ?”
“อ่า....”
รถแร่นมาตลอดทาง แต่ฮั่วเทียนหลันไม่ได้บอกว่าจะไปทานอะไร
ขณะที่รถติดไฟแดง เขาก็ไม่รอให้ฮั่วเทียนหลันสั่ง เขาถามออกมาเบาๆว่า “ท่านประธาน ท่านต้องการไปที่ไหนครับ?”
ฮั่วเทียนหลันเบิกตากว้างและมองมาที่หยางหลิงรุ่ย เหมือนกับจะบอกว่าวันนี้เธอเป็นคนเลี้ยงดังนั้นเธอต้องตัดสินใจว่าจะไปที่ไหน
หยางหลิงรุ่ยไม่รู้ว่าฮั่วเทียนหลันชอบทานอะไร แต่อาหารที่เขาทำครั้งที่แล้ว เธอยังจำได้
“ไปถนนกุ้ย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง