โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 362

หยางหลิงลุ่ยรู้สึกว่าตนเองให้ความสำคัญกับฮั่วเทียนหลันมาโดยตลอด แต่มันก็ไม่เหมือนที่เธอคิดไว้ เธอกลับรู้สึกว่าเธอยังไม่ให้ความสำคัญกับเขามากพอ

ผู้ชายคนนี้หน้าไม่อายจริงๆ ไม่รู้จักอายฟ้าดิน

“คุณ คุณจะเปิดห้องทำไม! พวกเราไปทานข้าว!”

หยางหลิงรุ่ยอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกไปด้วยความโกรธ

อากาศในรถค่อนข้างอบอ้าว หลังจากที่เธอพูดประโยคนี้ไป ก็เพิ่งจะรู้สึกว่าตัวเองเหงื่อออก

อ่า ความชื้นแบบนี้ทำให้ไม่สบายตัวอย่างมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือลมหายใจของทั้งสองกำลังสัมผัสผิวหนังของกันและกัน

เธอก็นึกถึงข่าวที่เธออ่านมาก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน

ผู้หญิงกับผู้ชายแปลกอยู่บนรถด้วยกัน หลังจากนั้น....

เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย....

หยางหลิงรุ่ยลืมตาขึ้นมาทันทีไม่รู้ว่าเธอไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เธอผลักฮั่วเทียนหลันกระเด็นออกไป

“พอได้แล้วคุณฮั่ว คุณไม่คิดจะให้เกียรติตัวเองบ้างหรอ?”

การเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันของหยางหลิงรุ่ยทำให้ฮั่วเทียนหลันไม่ทันระวังตัว

เขามองไปที่หยางหลิงรุ่ยด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสี ถึงแม้ว่าในใจของเขารู้สึกไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้แสดงมันออกมาให้เธอเห็น

หลังจากนั้นความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเอาชนะใจของหยางหลิงรุ่ยก็พลุดออกมา

ยิ่งผู้หญิงคนนี้ดื้อรั้นมากเท่าไหร่ เขาก็อยากที่จะพิชิตใจของเธอมากขึ้นเท่านั้น

สิ่งยากแย่ที่สุดคือการปืนขึ้นไปถึงยอดเขา แต่ไม่สามารถมองยอดเขาที่สูงกว่านั้นเห็น

แต่สิ่งที่มีความสุขที่สุดคือกระบวนการปืนเขานั้น

“อ่า ดูจากการตัดสินใจของคุณนายหยางแล้ว พวกเราไปทานข้าวกันเถอะ!”

พูดเสร็จ ฮั่วเทียนหลันก็นั่งลงดีๆที่เบาะด้านหลัง จากนั้นเขาก็หลับตาลง

หยางหลิงรุ่ยมองเห็นผู้ชายคนนี้สงบเสงี่ยมลง เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้น

ผู้ชายคนนี้น่ากลัวจริงๆ

แต่ว่าโชคดีที่วันนี้เขาค่อนข้างจะมีเหตุผล

หลังจากที่ผ่อนคลายสักพัก หยางหลิงรุ่ยนั่งเหมือนกับคนพิการที่เบาะด้านหลัง ถ้าฮั่วเทียนหลันไม่ได้นั่งอยู่ด้วยหละก็เธอคงนอนลงไปแล้ว

หนึ่งนาที สามนาที ห้านาที....

หยางหลิงลุ่ยทำท่าทางแปลกๆ หลังจากนั้นเธอก็ลืมตาขึ้น มองเห็นฮั่วเทียนหลันที่หลับตาอยู่ และที่นั่งขนขับที่ไม่มีคน

เมื่อมองไปที่บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ ที่เท้าของเขามีก้นบุหรี่อยู่สองสามตัว

“คุณฮั่ว?”

“คุณฮั่ว?”

เขาเหลือบตามองมาทางต้นเสียงของหยางหลิงรุ่ย แต่ฮั่วเทียนหลันก็ยังคงไม่ขยับ

ความอดทนของหยางหลิงรุ่ยลดไปครึ่งหนึ่ง เธอตะโกรออกมาด้วยเสียงที่สูงและดังขึ้น “คุณฮั่ว!”

“เอ๋? คุณนายหยาง ผมได้ยินแล้ว” ราวกับว่าฮั่วเทียนหลันเข้าสู่ห้วงนิทราและต้องใช้เวลานานในการลืมตาและมองไปที่หยางหลิงรุ่ย

“ได้ยินแล้วทำไมไม่ตอบ?”

“ที่คุณตะโกนเรียกผม ไม่ได้หมายความว่าคุณจะพูดอะไรหรอ?”

คำพูดของฮั่วเทียนหลันทำให้หยางหลิงรุ่ยไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไร

เธออ้าปากคิดที่จะเถียงกลับ แต่ด้วยเหตุผลแล้วคำพูดของฮั่วเทียนหลันไม่ได้ผิดอะไร

จบแล้วๆ ไม่ว่าจะเอาเหตุผลมาพูดกับผู้ชายคนนี้หรือจะทะเลาะกับเขา เธอก็ไม่เคยชนะเลยสักครั้ง

“พวกเราจะอยู่กันแบบนี้หรอ?”

เธอพูดหัวข้อใหม่ขึ้นมา

เป็นไปได้ไหมที่รถจะขับไปด้วยตัวเองและไปยังที่ที่รับประทานอาหาร?

ความคลุมเครือที่อยู่ด้านหน้าเธอ ฮั่วเทียนหลันพูดออกมาในสิ่งที่ควรจะเป็นว่า “คุณนายหยางตอนแรกบอกว่าไม่สนใจผมแล้วไม่ใช่หรอ? หรือว่าคุณนายหยางคิดจะเปลี่ยนใจ?”

พูดเสร็จฮั่วเทียนหลันดูเหมือนจะสนใจ เขาจึงขยับร่างกายอีกครั้ง

เขาพูดออกมาอีครั้งด้วนน้ำเสียงที่ยั่วยวน ลมหายใจอุ่นที่แพร่ซ่านไปในอากาศเหมือนกับว่าจะทำให้อุณหภูมิในรถเพิ่มขึ้นสิบกว่าองศา

“ถนนเส้นนี้มีคนผ่านไปมาน้อยมาก ไม่รู้ว่าวันนี้คุณนายหยางจะมาเล่นเกมอะไรกับคนแปลกหน้าอย่างนายฮั่วอยู่ที่นี่?”

“ไม่ ไม่ ไม่ อะไรก็ไม่เล่น”

หยางหลิงรุ่ยยกมือขึ้น และปลดล็อกประตูรถออก

หลังจากนั้นก็ตะโกนออกไปอย่างสุดเสียง “คุณคนขับรถ รบกวนคุณช่วยมาขัยรถพาพวกเราไปโรงแรมที่!”

บอดี้การ์ดของฮั่วเทียนหลันปกติแล้วเมื่อได้ยินภรรยาของฮั่วเทียนหลันสั่งแล้วคงจะไม่มีปฏิริยาเป็นแน่

ถ้าไม่ใช่ประธานฮั่วเป็นคนสั่งเองหละก็ ใครเขาก็ไม่ฟัง

แต่บอดี้การ์ดคนที่มาให้วันนี้ต่างออกไป เขาเป็นทหารที่เพิ่งปลดประจำการออกมา และถูกเพื่อนชวนให้มาทำงานเป็นบอดี้การ์ดของตระกูลฮั่ว

ดังนั้นเขาจึงลังเลสักพัก เขาก็เดินมาเปิดประตูและขึ้นมานั่งที่คนขับ

หลังจากที่ขาดเข็มขัดนิรภัย เขาหันกลับไปตามองไปที่วางแขนพร้อมกับพูดออกมาด้วยความเคารพว่า “ท่านประธาน คุณนายหยาง ออกรถเลยไหมครับ?”

“อ่า....”

รถแร่นมาตลอดทาง แต่ฮั่วเทียนหลันไม่ได้บอกว่าจะไปทานอะไร

ขณะที่รถติดไฟแดง เขาก็ไม่รอให้ฮั่วเทียนหลันสั่ง เขาถามออกมาเบาๆว่า “ท่านประธาน ท่านต้องการไปที่ไหนครับ?”

ฮั่วเทียนหลันเบิกตากว้างและมองมาที่หยางหลิงรุ่ย เหมือนกับจะบอกว่าวันนี้เธอเป็นคนเลี้ยงดังนั้นเธอต้องตัดสินใจว่าจะไปที่ไหน

หยางหลิงรุ่ยไม่รู้ว่าฮั่วเทียนหลันชอบทานอะไร แต่อาหารที่เขาทำครั้งที่แล้ว เธอยังจำได้

“ไปถนนกุ้ย!”

ถนนกุ้ยเป็นสถานที่มหัศจรรย์แห่งหนึ่งของประเทศจีน มีของจากหลายพื้นที่มารวมอยู่ที่นี่

ถนนกุ้ยที่ยาวที่สุดอยู่ในเมืองzมีความยาวถึงห้ากิโลเมตร

ส่วนถนนกุ้ยที่เมืองs เป็นเพียงถนนเล็ก และมีร้านค้าเพียงไม่กี่แห่ง

หลังจากที่บอดี้การ์ดโทรไปจองห้องส่วนตัวเสร็จ เขาก็รีบขับรถไปทันที

เมื่อถึงโรงแรมคนขับก็จอดรถให้เขาทั้งสองลง จากนั้นเขาจึงขับรถไปจอด

ฮั่วเทียนหลันอยู่ด้านซ้าย หยางหลิงรุ่ยอยู่ด้านขวา

ตอนนี้เป็นตอนที่แสงของดวงอาทิตย์แรงมาก หยางหลิงรุ่ยมองไปที่ฮั่วเทียนหลันเพื่อบอกให้เขาอยู่เพิ่งขยับ และเธอก็เดินไปด้านหน้า

เธอพอเธอเดินออกไป จู่ก็มีแรงอะไรสักอย่างเข้ามาที่แขนของเธอ

หลังจากนั้นเธอก็ถูกฮั่วเทียนหลันดึงแขนไว้ และเดินตามหลังผู้ชายคนนี้เข้าโรงแรมไป

คนที่อยู่รอบๆไม่ได้เยอะอะไร มีประมาณหกเจ็ดคน

ผู้ชายหล่อ ผู้หญิงสวย นั่นเป็นจุดสนใจไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ใด

เมื่อเห็นคนสองคนที่มีท่าทางประหลาด ทำให้คนอื่นที่อยู่รอบๆหันมามองที่พวกเขา

เมื่อเห็นว่ามีคนมอง หยางหลิงรุ่ยรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เธอจึงกระตุกอย่างแรงเพื่อให้แขนของเธอหลุดออก

แต่ว่าฮั่วเทียนหลันก็จับแขนเธอไว้แน่น นอกจากเขาจะปล่อยมันออกเอง เธอก็ไม่มีทางอื่นแล้ว

หลังจากหยางหลิงรุ่ยดิ้นจนไม่รู้จะดิ้นอย่างไร แขนก็ยังไม่หลุด เธอทำได้แค่ยอมแพ้ อย่างไรก็ถามถึงแม้ว่าจะถูกผู้ชายคนนี้จับแขน เนื้อของเธอก็ไม่ได้หายไปสักชิ้น

แต่เมื่อเธอคิดอย่างนั้นออกมา ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นอีกครั้ง

ก็จริงที่ไม่มีเนื้อหนังหายไป แต่ผู้ชายคนนี้มาจับแขนเธอไว้แบบนี้มันหมายความว่าไง?

บริกรที่ยืนรออยู่หน้าประตู หลังจากที่เขาแจ้งเลขห้องเสร็จก็พาทั้งสองคนขึ้นไปที่ชั้นสอง

บนโต๊ะมีรายการอาหารวางไว้สองชุด หลังจากที่หยางหลิงรุ่ยดูเสร็จแล้วก็พูดขึ้นมาว่า “คุณฮั่ว เชิญสั่งอาหารได้เลย!”

ฮั่วเทียนหลันเห็นว่าในรายการอาหารมีแต่ของเผ็ดๆ

สิ่งที่ไม่ใช่ของเผ็ดก็มีแค่ข้าวกับเครื่องดื่ม

เมื่อสองสามวันก่อนเขาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เนื่องจากการทานอาหารที่ไม่ถูกต้องมาเป็นเวลานานทำให้มีผลต่อกระเพาะอาหาร ดังนั้นคุณหมอจึงไม่แนะนำให้เขาทานเผ็ด

แต่ผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้าของเขาจะเลี้ยงอาหารเขา เธอเป็นคนเลือกสถานที่นั่นแสดงถึงน้ำใจของเธอ เขาไม่สามารถปฏิเสธได้

หยางหลิงรุ่ยคุ้นเคยกับอาหารทุกจานที่นี่ เธอมีรายการอาหารใจในอยู่แล้ว

หลังจากที่ฮั่วเทียนหลันสั่งอาหารไปสองสามอย่าง หยางหลิงรุ่ยมองฮั่วเทียนหลันด้วยความสงสัย

“คุณฮั่ว คุณแน่ใจหรอว่าจะสั่งของพวกนี้?”

“อ่า”

ก่อนที่เขาจึงขึ้นมาที่ชั้นสองก็มีบอดีการ์ดมากระซิบข้างๆหูเขา “ท่านประธาน เมื่อก่อน.....”

“นายคงจะหิวมาก! ลงไปหาอะไรกินข้างล่างไป!”

เขาพูดพร้อมกับแหงนหน้าขึ้นมามองบอดี้การ์ดด้วยแววตาที่ดุดัน

บอดี้การ์ดตัวสั่น และนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเป็นแค่บอดี้การ์ดเท่านั้น ไม่ว่าท่านประธานฮั่วคิดจะทำอะไรล้วนแต่มีเหตุผลทั้งนั้น เขาพูดมากเกินไปแล้ว

บอดี้การ์ดลงไปด้านล้าง เขายืนรออยู่ที่ทางเดิน เมื่อเขาเห็นบริกรเดินผ่านมาเขาก็เข้าไปพูดว่า “ขอโทษครับ อาหารที่สั่งมาจากห้องบนชั้นสองเมื่อสักครู่รบกวนอย่าให้เผ็ดมากนะครับ ท่านผู้ชายคนนั้นกระเพาะไม่ค่อยดี ทานเผ็ดมากไม่ได้”

บริกรมองไปที่บอดี้การ์ดด้วยความสงสัยแต่เขาก็พยักหน้า ในใจก็อดคิดไม่ได้ ทานอาหารเผ็ดไม่ได้จะมาทานอาหารเสฉวนทำไม?

อาหารค่อยๆมาทีละจาน หยางหลิงรุ่ยต้องการจะสั่งเครื่องดื่ม แต่ด้านหน้าของเธอก็มีไวน์ตั้งอยู่แล้วหนึ่งขวด

เธอถามออกมาด้วยความสงสัยว่า “อันนี้พวกเราไม่ได้สั่ง?”

“โรงแรมของพวกเรากำลังจัดกิจกรรม ทุกวันจะมีผู้โชคดีที่ได้รับไวน์แดงหนึ่งโต๊ะ” บริกรพูดจบก็เดินออกไป

เหลือไว้แค่ความสงสัยของหยางหลิงรุ่ยที่นั่งมองขอวไวน์ลาไฟต์ปี 82 แล้วเธอก็คิดขึ้นมาว่า ร้านอาหารนี้ร่ำรวยมากเลยหรอ?

ลาไฟต์ปี 82 บอกว่าจะให้ก็ให้ได้หรอ?

แต่ก็ดี ดูเหมือนว่าเธอจะมีโชคมาโดยตลอด

มาทานอาหาร ได้ลาไฟต์ฟรีมาหนึ่งขวด ทันใดนั้นรอยยิ้มก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของหยางหลิงรุ่ย

เธอเป็นคนประเภทที่พอใจกับอะไรง่ายๆ ความจำเสื่อมสามารถลบความทรงของเธอได้ แต่ไม่สามารถลบนิสัยของเธอได้

ไม่นานนอาหารก็มาครบ ตอนที่ทั้งสองคนขยับตะเกียบ หยางหลิงรุ่ยที่หิวโหยก็ทานอย่างไม่หยุดหย่อน แต่เธอก็สังเกตเห็นว่าฮั่วเทียนหลันทานไปน้อยมาก

ดังนั้นจึงถามออกมาว่า “คุณฮั่ว คุณเป็นอะไร?”

ฮั่วเทียนหลันส่ายหน้าพร้อมพูดว่า “ไม่มีอะไร แค่กระเพาะอาหารไม่ค่อยดี คุณนายหยางทานไปเถอะ”

ไม่รู้ว่าทำไม หยางหลิงรุ่ยจึงนึกอะไรออกมาได้บางอย่าง

เมื่อก่อนกระเพาะของฮั่วเทียนหลันไม่ค่อยดี เป็รเพราะว่าเขาทำงานหนักจนลืมที่จะรับประทานอาหาร

เธอตะโกนไปที่บริกรที่ยืนสแตนด์บายอยู่หน้าประตูว่า “รบกวนช่วยเอาโจ๊กข้าวฟ้างใส่ถั่วเข้ามาให้หนึ่งที่ค่ะ”

โจ๊กข้าวฟ้างใส่ถั่ว เป็นอาหารที่ช่วยบำรุงกระเพราะอาหาร

บริกรตกใจอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็พยักหน้าและพูดออกมาว่า “ได้ครับ”

และในขณะเดียวกับ หยางหลิงรุ่ยที่เพิ่งสั่งอาหารเสร็จก็นิ่งอยู่สักพัก ในใจของเธอรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา

เธอคิดมาโดยตลอดว่าเธอลืมเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว

แต่ดูจากตอนนี้แล้ว สิ่งที่เธอลืมก็แค่ความทรงจำในส่วนลึกของหัวใจ ในความเป็นจริงความทรงจำเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ยังคงอยู่ในสองตาของเธอ

ความอยากอาหารเสฉวนของเธอจู่ๆก็เริ่มเปลี่ยนไป

หยางหลิงรุ่ยวางตะเกียบที่อยู่ในมือ และใช้มือทั้งสองข้างจับไปที่หน้าผากแบบไม่ได้ตั้งใจ

ตอนนี้ในสมองของเธอมีความทรงจำจำนวนมากกำลังผุดขึ้นมา

ความทรงจำมากมายกำลังกระจัดกระจายไปทั่วสมองของเธอ

แต่เธอก็ยังคงนึกอะไรไม่ออก มีภาพโผล่ออกมาเป็นแถวๆ สลับไปสลับมาในสมองของเธอ เหมือนกับว่ากำลังอยู่ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง

แต่ยิ่งภาพเหล่านั้นผุดขึ้นมาเยอะขึ้น ก็ทำให้เธอรู้สึกถึงภาพหลอนที่ไม่ชัดเจน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง