โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 374

บริษัทเปรียบเสมือนครอบครัวใหญ่ สำหรับพนักงานหลาย ๆ คนแล้ว ข้อแก้ตัวเช่นนี้ก็เหมือนการไม่ใยดีดี ๆ นี่เอง

แต่มันเกิดขึ้นกับ Yang's Entertainment ครอบครัวใหญ่ กลุ่มใหญ่ซึ่งเป็นที่รู้จักและยอมของทุกคน

สวัสดิการของ Yang's Entertainment นั้นดีมาก มีทั้งชายามเช้า ชายามเที่ยง ชายามเย็น อาหารล่วงเวลา กิจกรรมสร้างทีมรายสัปดาห์ การท่องเที่ยวประจำเดือน และยิ่งไม่ต้องพูดถึงสิทธิประโยชน์ในด้านอื่นๆ

ยิ่งไปกว่านั้นระบบเลื่อนขั้นของบริษัทนี้ ถือได้ว่าเป็นบริษัทที่จินไห่เว่ยคิดว่าดีที่สุดและโปร่งใสที่สุดเท่าที่เธอเคยทำงานมาด้วย

จริง ๆ แล้วจินไห่เว่ยยังมีความสามารถในการทำงานต่าง ๆ

ถ้าหากไม่ใช่ตอนนั้นที่เธอถูกผีเข้าเสียก่อน เธอตัดสินใจเป็นสุนัขรับให้กับหลี่ชานชานในบริษัท แต่ที่จริงแล้วเธอยังมีโอกาสมากมายสำหรับการเลื่อนตำแหน่งหากเธอเดินไปถูกทาง

สายตาในการมองคนของหลีซือหยวนใช้ได้ดีทีเดียว เขาแกล้งทำเป็นประหลาดใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะกลับมาเป็นปกติ

เขาไม่ได้ทำตัวเหมือนผู้นำตามปกติ แต่ยังคงเกลี้ยกล่อมให้จินไห่เว่ยนั่งลง

จินไห่เว่ยกำลังเล่นละคร และทำนองเดียวกันนั้น หลีซือหยวนก็กำลังชมละครอยู่

จินไห่เว่ยบอกว่าตัวเองทำผิด หลีซือหยวนก็ยอมรับฟัง

ในเมื่อเธอต้องการพูดเพื่อลดความผิดของตนเองลง และยังใช้วิธีการคุกเข่าลงและเอ่ยพูดแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่ต้องลุกขึ้นยืนอีกแล้ว

“พูดจบแล้วเหรอ”

“หือ?” น้ำเสียงนิ่งเรียบของหลีซือหยวน ทำให้จินไห่เว่ยอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง

ดูเหมือนว่ามันจะแตกต่างจากฉากที่เธอจินตนาการไว้

เธอรู้ดีว่าอารมณ์ชั่ววูบเมื่อตอนเที่ยงของเธอ ได้กระทำผิดพลาดไปมากแค่ไหน

เรื่องนี้ถ้ามองในมุมของหยางหลิงรุ่ย เธอเองก็รู้สึกว่าไม่สามารถเก็บเอาไว้ได้

หลี่ชานชานสามารถรายงานเรื่องอื้อฉาวของเธอต่อแผนกบุคคลได้ แต่สิ่งเดียวที่เธอต้องเผชิญและกลัวที่คือสุดคือการถูกเลิกจ้าง

ดังนั้นเธอจึงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตลอดเวลาที่อยู่กับหลี่ชานชานมา เธอก็รู้ว่าหลี่ชานชานได้ทำเรื่องเลวร้ายอยู่บ้างอย่างเหมือนกัน

และผู้สนับสนุนที่ใหญ่ที่สุดของหลี่ชานชาน ก็คือรองประธานคนที่สองของบริษัท

แม้ว่าจะมีรองประธานคนที่หนึ่ง แต่รองประธานคนที่หนึ่งเป็นเพียงชายชราวัย 60 เศษ ๆ จึงเทียบไม่ได้กับรองประธานคนที่สองที่อายุน้อยและมีอำนาจกว่า

ระดับสูงเช่นนี้ ย่อมมีสิทธิ์ที่จะแข่งขันกันเป็นธรรมดา

และเรื่องบางเรื่องที่เธอรู้ มันจะเป็นประโยชน์ต่อหลี่ซือหยวนอย่างแน่นอน

และหลีซือหยวนในฐานะประธาน Yang’s Entertainment นั้นไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอ

แต่ฉากเมื่อกี้ ทำให้เธอรู้สึกเหม่อ

มันธรรมดาขนาดนั้นเลยเหรอ

“ประธานหลี่ ฉันสำนึกผิดแล้ว ขอโอกาสให้ฉันอีกสักครั้งนะคะ......ฉันอยู่กับหลี่ชานชานมานานและรู้เรื่องราวมากมาย......”

จินไห่เว่ยติดตามหลี่ชานชานมานาน ผิวหน้าของเธอจึงค่อนข้างหนาโดยธรรมชาติ

ดังนั้นเธอจึงรีบแสดงความจงรักภักดี และพูดเกี่ยวกับประโยชน์ของตัวเองกับหลีซือหยวน

แต่หลีซือหยวนมองดูเธออย่างเฉยเมย เขาเอ่ยขึ้น :“ฉันรู้”

“รู้เหรอ” จินไห่เว่ยตะลึงไปชั่วขณะ เธอครุ่นคิดในใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกว่าหลีซือหยวนอาจจะกำลังหลอกลวงเธออยู่

เพราะหลาย ๆ เรื่องที่หลี่ชานชานและรองประธานคนที่สองทำนั้น มันเป็นเรื่องที่ลับมาก ๆ แม้แต่จินไห่เว่ยเองก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ

มีอยู่ครั้งนึงหลี่ชานชานเลิกงานแล้วไม่ได้ปิดคอมพิวเตอร์ จินไห่เว่ยจึงจะช่วยปิดให้ แต่ทันใดนั้นเองข้อความบน qq ของหลีชานชานก็เด้งขึ้นมา

เธอคลิกเข้าไปอย่างลืมตัว ก่อนก็พบอะไรบางอย่างเกี่ยวกับหลี่ชานชานและรองประธานคนที่สอง

ในวันรุ่งขึ้นดูเหมือนหลี่ชานชานจะนึกขึ้นได้ หลี่ชานชานจึงรียกจินไห่เว่ยให้ไปหาและถามเธอว่าตอนที่ปิดคอมพิวเตอร์ เธอเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นหรือเปล่า

ในตอนนั้นขาของจินไห่เว่ยเริ่มสั่นเล็กน้อย แต่เธอก็ตอบกลับไปว่าไม่เห็นอะไร

“ไม่นานมานี้ รายการภาพยนตร์และโทรทัศน์ของบริษัทของพวกเรากำลังเริ่มผลิต รองประธานคนที่สอง......”

“เขาหักเปอร์เซ็นต์ไป 50 ล้าน” หลีซือหยวนพูดอย่างไม่ใส่ใจ

คำพูดของจินไห่เว่ยถูกขัดจังหวะอย่างรวดเร็ว เธออ้าปากพูดกำลังจะพูด แต่ก็รู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถที่จะพูดต่อไปได้แล้ว

เพราะหลีซือหยวนรู้ แต่เธอไม่รู้

และสิ่งที่เธอรู้ หลีซือหยวนอาจจะรู้หมดแล้วก็ได้

เธอคิดเสมอว่า หลีซือหยวนออกไปทำงานข้างนอกตลอดทั้งวัน หลาย ๆ เรื่องในบริษัทอาจจะไม่ได้ใส่ใจมากนัก

แต่ดูตอนนี้ ไม่ใช่ว่าหลีซือหยวนไม่ให้ความสนใจ แต่เขาแค่มีความคิดของตัวเองและยังไม่ได้จัดการกับมันก็เท่านั้นเอง

จินไห่เว่ยก้มหน้าลง ใบหน้าของเธอซีดเผือดและเริ่มรู้สึกหายใจลำบากขึ้นมา

เธอรู้ว่าเธอไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว

สายตาเรียบนิ่งของหลีซือหยวน จ้องมองตรงหัวของเธออยู่เนิ่นนาน

จนกระทั่งเขาไอขึ้นมา จึงเอ่ยขึ้น :“เธอกลับไปได้แล้ว!”

กลับไปเหรอ

จินไห่เว่ยคุกเข่าลงกับพื้น ตอนนี้เธอไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรอีกแล้ว เธอหวังเพียงว่าหลีซือหยวนจะสงสารเธอสักนิด ดังนั้นจึงใช้วิธีนี้เพื่อต่อสู้ครั้งสุดท้าย

แต่ผ่านไปเนิ่นนาน หลีซือหยวนก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาสักคำ

และตอนนี้ในที่สุดเขาก็เอ่ยขึ้น แต่กลับเป็นการขับไล่เธอออกไป

เธอยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า:“ขอโทษที่รบกวนนะคะ”

จากนั้นเธอจึงลุกขึ้นจากพื้น แต่เนื่องจากคุกเข่านานเกินไป ทำให้ขาของจินไห่เว่ยถูกเหน็บกินจนทำให้เดินเซไปเซมา

หลีซือหยวนไม่ได้ช่วยประคองเธอ เขาทำเพียงแค่มองไปที่จินไห่เว่ยอย่างใช้ความคิด

เมื่อจินไห่เว่ยหันหลังจะจากไป จู่ ๆ เขาก็เอ่ยขึ้นว่า:“ต่อจากนี้ เธอคอยติดตามหัวหน้าหยางและตั้งใจทำงานซะนะ”

ร่างกายของจินไห่เว่ยหยุดชะงัก เท้าซ้ายของเธอที่เพิ่งยกขึ้น พยายามจะทิ้งลงกับพื้นยังไงก็ไม่ยอมลงเสียที

ท่ายืนเธอเหมือนกับกระต่ายขาเดียวไม่มีผิด ธอหันกลับไปด้วยเท้าข้างเดียวอย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น :“ท่านประธานหลี่หมายความว่ายังไงนะคะ”

“ฉันยังพูดชัดเจนไม่พอเหรอ” หลี่ซือหยวนตอบกลับอย่างเฉยเมย

“หือ?" จินไห่เว่ยเกิดความรู้สึกหลากหลายขึ้นมาในใจ ทั้งซาบซึ้ง เสียใจ หรือแม้กระทั่งอยากจะร้องไห้

ในที่สุดเธอก็สามารถวางเท้าลงได้ เธอรีบโค้งคำนับอย่างสุดซึ้งก่อนจะเอ่ยขึ้น :“ขอบคุณนะคะท่านประธานหลี่ ”

“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก กลับไปขอบคุณหัวหน้าหยางนู้น!”

หลี่ซือหยวนยังคงตอบอย่างเฉยชา แต่ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดเหล่านี้นั้น ดูเหมือนกำลังปลุกจินไห่เว่ยให้ได้สติอยู่

เหตุผลที่เขาเปลี่ยนทัศนคติเป็นเพราะหยางหลิงรุ่ย

จินไห่เว่ยเพียงตอบรับสั้น ๆ ในที่สุดเธอก็ยกภูเขาออกไปจากอกได้แล้ว

ตราบใดที่ไม่ถูกไล่ออกจาก Yang’s Entertainment และคอยติดตามหัวหน้าหยาง ยังไงชีวิตของเธอก็ต้องดีกว่าตอนที่ติดตามหลี่ชานชานอย่างแน่นอน

ครั้งนี้เธอมาเพื่อเลียแข้งเลียขา ถึงแม้ว่าจะไม่สำเร็จ แต่ก็ยังถือว่าได้เปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี

เมื่อเธอเดินไปจนถึงประตู ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เรื่องความผิดพลาดที่เธอเคยทำมาก่อน

มือที่กำลังจะดึงประตู หยุดชะงักลงทันที

“ท่านประธานหลี่คะ ยังมีเรื่องบางอย่างที่ฉันยังไม่ได้พูด......ก็คือ...... ”

นี่เป็นเวลาพักกลางวัน ถ้าหากจินไห่เว่ยไม่ปรากฏตัวขึ้นมาที่นี่ หลี่ซือหยวนก็คงได้พักผ่อนไปนานแล้ว

เพราะเรื่องเวลาที่ต่างกัน ทำให้เขาต้องมาที่บริษัทตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อคุยเรื่องโครงการกับลูกค้าต่างชาติ

“มีอะไรก็รีบพูดมา” เดิมทีเขาก็ง่วงนอนอยู่แล้ว ดังนั้นเสียงของหลี่ซือหยวนจึงฟังดูไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่

“หลี่ชานชานลงคะแนนในตารางบันทึกการทำงานของฉัน 10 คะแนน”

ในฐานะหัวหน้าสูงสุดของบริษัท แน่นอนว่าหลี่ซือหยวนทราบดีว่า 10 คะแนนนั้นหมายความว่ายังไง

อันที่จริง เขาก็มีตารางบันทึกการทำงาน ซึ่งกำหนดเงินเดือนและโบนัสประจำปีของเขา

แต่ตารางบันทึกการทำงานนั้นต้องได้รับการตัดสินโดยคณะกรรมการบริหารอีกทีนึง

และคณะกรรมการบริหารของ Yang’s Entertainment ดำเนินการโดยตระกูลหยาง หลี่ซือหยวนรับใช้ตระกูลมาหลายปีแล้ว เรื่องตารางบันทึกการทำงานนี้ มันเป็นแค่ฉากคัตซีนเท่านั้น ซึ่งเขาสามารถที่จะให้คะแนนกับตัวเองได้

มุมปากของหลีซือหยวนกระตุกขึ้นอย่างอดไม่ได้ หลี่ชานชานคนนี้มีวิธีจัดการกับคนไม่น้อยจริง ๆ

“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว เรื่องตารางบันทึกการทำงานฉันจะพูดกับฝ่ายบุคคลเอง"

หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็โบกมือและส่งสัญญาณให้จินไห่เว่ยออกไป

แต่หลังจากหาวไปสองครั้ง ก็ยังไม่ได้ยินเสียงเปิดประตู

“นี่เธอทำไมยังไม่ไปอีก”

“ท่านประธานหลี่ ยังมีอีกเรื่อง......”

จินไห่เว่ยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะลำบากใจ ทำให้หลี่ซือหยวนเข้าใจในทันที ผู้หญิงคนนี้ คาดว่าคงจะสร้างปัญหาเอาไว้ไม่น้อยเลย

“พูดมาครั้งเดียวให้จบ!”

“ตอนเที่ยง หลี่ชานชานให้คะแนนฉัน 10 คะแนน อารมณ์ของฉันก็เลยขึ้น......จึง...... ”

“จึงอะไร”

“จึงนำเศษอาหารที่เหลือ เทใส่โต๊ะทำงานของหลี่ชานชาน!”

ในที่สุดจินไห่เว่ยก็พูดจบ เธอเองก็รู้ดีว่าเรื่องนี้มันเลวร้ายแค่ไหน

ถ้าหากหลี่ซือหยวนจะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจก่อนหน้าเพียงเพราะเหตุนี้ เธอเองก็ไม่อาจทำอะไรได้เลย

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า หลี่ซือหยวนจะทำเพียงแค่มองไปที่จินไห่เว่ยด้วยความประหลาดใจ ราวกับไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเธอจะตอบโต้กลับไปอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้

“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว.......”

หลีซือหยวนโบกมืออย่างเหนื่อยหน่าย หลังจากรอให้จินไห่เว่ยที่รู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอกได้แล้วเดินออกไป

เขาก็กดส่งข้อความไปหาหยางหลิงรุ่ย:“อาหารสองมื้อ จินไห่เว่ยคนนี้ เป็นคนที่มีความสามารถในการสร้างปัญหาจริง ๆ! ”

ตอนบ่ายไม่มีธุระอะไรให้จัดการ หยางหลิงรุ่ยที่กำลังพูดคุยเรื่องสัพเหระกับเย่ตงอยู่ หลังจากที่ได้รับข้อความเธอก็ดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้นมา

“โอเค!”

เธอกดส่งข้อความไป ก่อนจะวางโทรศัพท์มือถือไว้อีกด้าน

เรื่องที่จินไห่หยวนไปหาหลี่ซือหยวนนั้น หลี่ซือหยวนได้บอกเธอในวีแชทแล้ว

นั่นบอกชัดเจนแล้วว่า เรื่องนี้จะเป็นใหญ่หรือว่าเล็กนั้น ขึ้นอยู่กับหยางหลิงรุ่ยทั้งหมด

หยางหลิงรุ่ยไม่ได้ชอบจินไห่เว่ย แต่เธอเคยอ่านบทละครของจินไห่เว่ยมาก่อน

และเธอก็ต้องยอมรับเรื่องความสามารถของจินไห่เว่ย ในฐานะที่เป็นสุนัขรับใช้ของหลี่ชานชานคนหนึ่ง จินไห่เว่ยถือได้ว่าเป็นคนที่ยอดเยียมที่สุดในนั้น

เพียงแต่เธอไม่ได้ใช้ความสามารถทั้งหมดไปกับการทำงาน กลับเลือกเดินทางผิด

หยางหลิงรุ่ยรู้สึกใจอ่อนขึ้นมาอีกครั้ง จึงบอกให้หลี่ซือหยวนยกโทษให้เธอ

ในตอนบ่าย เย่ตงเดินออกไปรับดอกไม้ พร้อมทั้งนำข่าวดีท่ามกลางข่าวร้ายมาให้กับหยางหลิงรุ่ย

“พี่รุ่ยคะ เรื่องที่ห้องเขียนบทเป็นข่าวใหญ่โตแล้ว!” เย่ตงนำดอกกุหลาบสีม่วงจำนวน 100 ดอกวางลงด้านข้างหยางหลิงรุ่ย ก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้หยางหลิงรุ่ยและพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ

“ข่าวใหญ่เหรอ” หยางหลิงรุ่ยเหลือบมองไปที่ดอกไม้อย่างรู้สึกมึนงงเล็กน้อย

“หรือว่าหลี่ชานชานปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมาอีกเหรอ”

สิ่งเดียวที่เธอคิดได้ มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้น

แต่ไเย่ตงกลับส่ายหัวอย่างไม่คาดคิด รอยยิ้มบนหน้าที่แสดงขึ้นมานั้นแทบจะกลายเป็นจริง

“ไม่ใช่ค่ะ แต่ผู้หญิงคนนั้นถูกสุนัขรับใช้ของตัวเองจัดการน่ะสิ ฮ่าๆ......”

ต่อจากนั้นเย่ตงก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่ห้องเขียนบทให้หยางหลิงรุ่ยฟัง

เรื่องพวกนี้ หลี่ซือหยวนเองก็รู้เรื่องแล้วเช่นกัน แต่หลี่ซือหยวนกลับไม่ได้บอกเธอเรื่องนี้ มีเพียงแค่เปลี่ยนจากอาหารมื้อเดียวเป็นสองมื้อก็เท่านั้น

แต่หลังจากที่หยางหลิงรุ่ยอึ้งไปพักหนึ่ง ใบหน้าของเธอก็แสดงอารมณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมา

“จินไห่เว่ย เก่งแต่สร้างปัญหาจริง ๆ เลย! ”

“เธอไม่ใช่คนดี แต่หลี่ชานชานนั่นยิ่งแล้วใหญ่ พวกเธอทั้งสองคนหาเรื่องใส่ตัวเองแท้ ๆ เลย” เย่ตงพูดขึ้นอย่างโกรธเคือง

ครั้งที่แล้วก็พูดให้หยางหลิงรุ่ยไม่ดี และจินไห่เว่ยกับหลี่ชานชานนั้นเป็นตัวหลักเลยล่ะ เธอยังคงจดจำเอาไว้ในใจอยู่เสมอ

หยางหลิงรุ่ยยิ้มขึ้นและไม่ได้คุยเรื่องนี้ต่อ

เธอลุกขึ้นและหยิบดอกกุหลาบสีม่วงที่วางบนโซฟาขึ้นมา ก่อนจะมองไปทั่วห้องทำงานที่ถูกวางไปด้วยดอกไม้ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกลัดกลุ่ม :“ดอกไม้ช่อนี้ เธอเอากลับบ้านไปด้วยอีกไหม”

การที่ได้รับดอกไม้อย่างไม่คาดคิดเช่นนี้ เย่ตงควรจะดีใจ

แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อเธอแสดงสีหน้าลำบากใจขึ้นมา

“พี่รุ่ยคะ ที่บ้านของฉันก็ไม่มีที่วางแล้วเหมือนกัน”

“หรือว่านำไปให้คนที่เจอตามทางดี” หยางหลิงรุ่ยพูดแสดงความคิดที่ไม่นับว่าเป็นความคิดเห็นขึ้นมา

แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือเย่ตงที่กำลังมองบนอย่างรู้สึกเอือมระอา

“พี่รุ่ย ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นน้ำใจของเขา แม้ว่าพี่จะไม่ต้องการมัน แต่ก็ไม่ควรส่งให้กับคนอื่นไปมั่วนะ! ”

“งั้นเธอลองพูดมาว่าจะทำยังไง!”

เมื่อเห็นว่าความคิดสุดท้ายของตัวเองถูกเย่ตงขัดขวางขึ้นมา หยางหลิงรุ่ยจึงแบมือทั้งสองออก และส่งมอบเรื่องนี้ไปให้เย่ตงเป็นคนคิดหาวิธีจัดการต่อ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง