บริษัทเปรียบเสมือนครอบครัวใหญ่ สำหรับพนักงานหลาย ๆ คนแล้ว ข้อแก้ตัวเช่นนี้ก็เหมือนการไม่ใยดีดี ๆ นี่เอง
แต่มันเกิดขึ้นกับ Yang's Entertainment ครอบครัวใหญ่ กลุ่มใหญ่ซึ่งเป็นที่รู้จักและยอมของทุกคน
สวัสดิการของ Yang's Entertainment นั้นดีมาก มีทั้งชายามเช้า ชายามเที่ยง ชายามเย็น อาหารล่วงเวลา กิจกรรมสร้างทีมรายสัปดาห์ การท่องเที่ยวประจำเดือน และยิ่งไม่ต้องพูดถึงสิทธิประโยชน์ในด้านอื่นๆ
ยิ่งไปกว่านั้นระบบเลื่อนขั้นของบริษัทนี้ ถือได้ว่าเป็นบริษัทที่จินไห่เว่ยคิดว่าดีที่สุดและโปร่งใสที่สุดเท่าที่เธอเคยทำงานมาด้วย
จริง ๆ แล้วจินไห่เว่ยยังมีความสามารถในการทำงานต่าง ๆ
ถ้าหากไม่ใช่ตอนนั้นที่เธอถูกผีเข้าเสียก่อน เธอตัดสินใจเป็นสุนัขรับให้กับหลี่ชานชานในบริษัท แต่ที่จริงแล้วเธอยังมีโอกาสมากมายสำหรับการเลื่อนตำแหน่งหากเธอเดินไปถูกทาง
สายตาในการมองคนของหลีซือหยวนใช้ได้ดีทีเดียว เขาแกล้งทำเป็นประหลาดใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะกลับมาเป็นปกติ
เขาไม่ได้ทำตัวเหมือนผู้นำตามปกติ แต่ยังคงเกลี้ยกล่อมให้จินไห่เว่ยนั่งลง
จินไห่เว่ยกำลังเล่นละคร และทำนองเดียวกันนั้น หลีซือหยวนก็กำลังชมละครอยู่
จินไห่เว่ยบอกว่าตัวเองทำผิด หลีซือหยวนก็ยอมรับฟัง
ในเมื่อเธอต้องการพูดเพื่อลดความผิดของตนเองลง และยังใช้วิธีการคุกเข่าลงและเอ่ยพูดแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่ต้องลุกขึ้นยืนอีกแล้ว
“พูดจบแล้วเหรอ”
“หือ?” น้ำเสียงนิ่งเรียบของหลีซือหยวน ทำให้จินไห่เว่ยอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง
ดูเหมือนว่ามันจะแตกต่างจากฉากที่เธอจินตนาการไว้
เธอรู้ดีว่าอารมณ์ชั่ววูบเมื่อตอนเที่ยงของเธอ ได้กระทำผิดพลาดไปมากแค่ไหน
เรื่องนี้ถ้ามองในมุมของหยางหลิงรุ่ย เธอเองก็รู้สึกว่าไม่สามารถเก็บเอาไว้ได้
หลี่ชานชานสามารถรายงานเรื่องอื้อฉาวของเธอต่อแผนกบุคคลได้ แต่สิ่งเดียวที่เธอต้องเผชิญและกลัวที่คือสุดคือการถูกเลิกจ้าง
ดังนั้นเธอจึงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตลอดเวลาที่อยู่กับหลี่ชานชานมา เธอก็รู้ว่าหลี่ชานชานได้ทำเรื่องเลวร้ายอยู่บ้างอย่างเหมือนกัน
และผู้สนับสนุนที่ใหญ่ที่สุดของหลี่ชานชาน ก็คือรองประธานคนที่สองของบริษัท
แม้ว่าจะมีรองประธานคนที่หนึ่ง แต่รองประธานคนที่หนึ่งเป็นเพียงชายชราวัย 60 เศษ ๆ จึงเทียบไม่ได้กับรองประธานคนที่สองที่อายุน้อยและมีอำนาจกว่า
ระดับสูงเช่นนี้ ย่อมมีสิทธิ์ที่จะแข่งขันกันเป็นธรรมดา
และเรื่องบางเรื่องที่เธอรู้ มันจะเป็นประโยชน์ต่อหลี่ซือหยวนอย่างแน่นอน
และหลีซือหยวนในฐานะประธาน Yang’s Entertainment นั้นไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอ
แต่ฉากเมื่อกี้ ทำให้เธอรู้สึกเหม่อ
มันธรรมดาขนาดนั้นเลยเหรอ
“ประธานหลี่ ฉันสำนึกผิดแล้ว ขอโอกาสให้ฉันอีกสักครั้งนะคะ......ฉันอยู่กับหลี่ชานชานมานานและรู้เรื่องราวมากมาย......”
จินไห่เว่ยติดตามหลี่ชานชานมานาน ผิวหน้าของเธอจึงค่อนข้างหนาโดยธรรมชาติ
ดังนั้นเธอจึงรีบแสดงความจงรักภักดี และพูดเกี่ยวกับประโยชน์ของตัวเองกับหลีซือหยวน
แต่หลีซือหยวนมองดูเธออย่างเฉยเมย เขาเอ่ยขึ้น :“ฉันรู้”
“รู้เหรอ” จินไห่เว่ยตะลึงไปชั่วขณะ เธอครุ่นคิดในใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกว่าหลีซือหยวนอาจจะกำลังหลอกลวงเธออยู่
เพราะหลาย ๆ เรื่องที่หลี่ชานชานและรองประธานคนที่สองทำนั้น มันเป็นเรื่องที่ลับมาก ๆ แม้แต่จินไห่เว่ยเองก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
มีอยู่ครั้งนึงหลี่ชานชานเลิกงานแล้วไม่ได้ปิดคอมพิวเตอร์ จินไห่เว่ยจึงจะช่วยปิดให้ แต่ทันใดนั้นเองข้อความบน qq ของหลีชานชานก็เด้งขึ้นมา
เธอคลิกเข้าไปอย่างลืมตัว ก่อนก็พบอะไรบางอย่างเกี่ยวกับหลี่ชานชานและรองประธานคนที่สอง
ในวันรุ่งขึ้นดูเหมือนหลี่ชานชานจะนึกขึ้นได้ หลี่ชานชานจึงรียกจินไห่เว่ยให้ไปหาและถามเธอว่าตอนที่ปิดคอมพิวเตอร์ เธอเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นหรือเปล่า
ในตอนนั้นขาของจินไห่เว่ยเริ่มสั่นเล็กน้อย แต่เธอก็ตอบกลับไปว่าไม่เห็นอะไร
“ไม่นานมานี้ รายการภาพยนตร์และโทรทัศน์ของบริษัทของพวกเรากำลังเริ่มผลิต รองประธานคนที่สอง......”
“เขาหักเปอร์เซ็นต์ไป 50 ล้าน” หลีซือหยวนพูดอย่างไม่ใส่ใจ
คำพูดของจินไห่เว่ยถูกขัดจังหวะอย่างรวดเร็ว เธออ้าปากพูดกำลังจะพูด แต่ก็รู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถที่จะพูดต่อไปได้แล้ว
เพราะหลีซือหยวนรู้ แต่เธอไม่รู้
และสิ่งที่เธอรู้ หลีซือหยวนอาจจะรู้หมดแล้วก็ได้
เธอคิดเสมอว่า หลีซือหยวนออกไปทำงานข้างนอกตลอดทั้งวัน หลาย ๆ เรื่องในบริษัทอาจจะไม่ได้ใส่ใจมากนัก
แต่ดูตอนนี้ ไม่ใช่ว่าหลีซือหยวนไม่ให้ความสนใจ แต่เขาแค่มีความคิดของตัวเองและยังไม่ได้จัดการกับมันก็เท่านั้นเอง
จินไห่เว่ยก้มหน้าลง ใบหน้าของเธอซีดเผือดและเริ่มรู้สึกหายใจลำบากขึ้นมา
เธอรู้ว่าเธอไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
สายตาเรียบนิ่งของหลีซือหยวน จ้องมองตรงหัวของเธออยู่เนิ่นนาน
จนกระทั่งเขาไอขึ้นมา จึงเอ่ยขึ้น :“เธอกลับไปได้แล้ว!”
กลับไปเหรอ
จินไห่เว่ยคุกเข่าลงกับพื้น ตอนนี้เธอไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรอีกแล้ว เธอหวังเพียงว่าหลีซือหยวนจะสงสารเธอสักนิด ดังนั้นจึงใช้วิธีนี้เพื่อต่อสู้ครั้งสุดท้าย
แต่ผ่านไปเนิ่นนาน หลีซือหยวนก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาสักคำ
และตอนนี้ในที่สุดเขาก็เอ่ยขึ้น แต่กลับเป็นการขับไล่เธอออกไป
เธอยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า:“ขอโทษที่รบกวนนะคะ”
จากนั้นเธอจึงลุกขึ้นจากพื้น แต่เนื่องจากคุกเข่านานเกินไป ทำให้ขาของจินไห่เว่ยถูกเหน็บกินจนทำให้เดินเซไปเซมา
หลีซือหยวนไม่ได้ช่วยประคองเธอ เขาทำเพียงแค่มองไปที่จินไห่เว่ยอย่างใช้ความคิด
เมื่อจินไห่เว่ยหันหลังจะจากไป จู่ ๆ เขาก็เอ่ยขึ้นว่า:“ต่อจากนี้ เธอคอยติดตามหัวหน้าหยางและตั้งใจทำงานซะนะ”
ร่างกายของจินไห่เว่ยหยุดชะงัก เท้าซ้ายของเธอที่เพิ่งยกขึ้น พยายามจะทิ้งลงกับพื้นยังไงก็ไม่ยอมลงเสียที
ท่ายืนเธอเหมือนกับกระต่ายขาเดียวไม่มีผิด ธอหันกลับไปด้วยเท้าข้างเดียวอย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น :“ท่านประธานหลี่หมายความว่ายังไงนะคะ”
“ฉันยังพูดชัดเจนไม่พอเหรอ” หลี่ซือหยวนตอบกลับอย่างเฉยเมย
“หือ?" จินไห่เว่ยเกิดความรู้สึกหลากหลายขึ้นมาในใจ ทั้งซาบซึ้ง เสียใจ หรือแม้กระทั่งอยากจะร้องไห้
ในที่สุดเธอก็สามารถวางเท้าลงได้ เธอรีบโค้งคำนับอย่างสุดซึ้งก่อนจะเอ่ยขึ้น :“ขอบคุณนะคะท่านประธานหลี่ ”
“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก กลับไปขอบคุณหัวหน้าหยางนู้น!”
หลี่ซือหยวนยังคงตอบอย่างเฉยชา แต่ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดเหล่านี้นั้น ดูเหมือนกำลังปลุกจินไห่เว่ยให้ได้สติอยู่
เหตุผลที่เขาเปลี่ยนทัศนคติเป็นเพราะหยางหลิงรุ่ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง