ช่วงนี้ที่ Fahrenheit Entertainment เวลาบ่ายสามโมงของทุกวันจะมีคนออกมาส่งดอกไม้
ในมือถือดอกกุหลาบม่วงหลายร้อยดอกพร้อมกับกล่องของขวัญ
ช่วงแรกๆคนในบริษัทก็รู้สึกประหลาดใจว่าใครกันนะที่มีคนส่งดอกไม้มาให้ทุกวัน ช่างเป็นชีวิตที่มีความสุขจริงๆ
หลังจากนั้นก็มีคนสนใจเรื่องนี้มากขึ้น
ทุกคนรู้ว่าผู้อำนวยการหยางกำลังถูกคนตามจีบ
นั่นทำให้หลี่ชานชานถึงกับอารมณ์ขึ้น!
เนื่องจากเธอเคยพูดเอาไว้ที่บริษัทแห่งนี้ หยางหลิงรุ่ยที่มีชีวิตส่วนตัวที่วุ่นวายแบบนั้น ไม่มีทางที่จะมีคนสนใจเธอแน่
แต่คำพูดของเธอก็ถูกทำลายลงในวันนี้
ดังนั้นหลี่ชานชานจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรไม่ดีออกมาอีก
แต่เธอก็ยังไม่วายบอกกับคนรอบข้างว่าดอกไม้นี้อาจจะเป็นดอกไม้ที่หยางหลิงรุ่ยซื้อให้ตัวเอง เผื่อพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้เป็นมือที่สามของใครจึงโทรไปสั่งที่ร้านดอกไม้เพื่อส่งให้ตัวเอง
แต่ตอนที่เธอพูดออกมานั้น น้ำเสียงริษยาของเธอทุกคนก็มองออก
และหยางหลิงรุ่ยสำหรับเรื่องแบบนี้แล้ว เคยเกิดขึ้นหลายครั้งระหว่างเธอกับฮั่วเทียนหลัน
พูดดีก็แล้ว ด่าก็แล้ว
แต่ฮั่วเทียนหลันกลับตอบกลับมาแค่ “ถ้าออกเดทกับผม ผมก็ไม่ส่งให้แล้ว”
หยางหลิงรุ่ยเป็นคนอย่างไรกันแน่?
ถ้าใช้ถำพูดของเธอก็อ่อนโยน มีคุณธรรม สง่างาม เข้มแข็ง และไม่ยอมคน....
แน่นอนว่าความคิดเห็นเหล่านี้เป็นแค่ความคิดเห็นแบบขำๆของเธอ
แต่ออกเดทกับฮั่วเทียนหลัน?
พอนึกถึงเรื่องนี้ หยางหลิงรุ่ยเห็นว่าเป็นคำเชิญของฮั่วเทียนหลันเธอก็ปฏิเสธออกไปทันที แสดงว่าฮั่วเทียนหลันคนนี้ไม่ใช่คนดี
เธอมีบทเรียนมาหลายครั้ง การออกเดทกับฮั่วเทียนหลันก็คือการเอาตัวเองไปแปดเปื้อน
แต่เธอไม่รับปาก ดังนั้นจึงมีดอกไม้มาส่งให้เธอทุกวันตอนบ่าย
หยางหลิงรุ่ยไม่อยากให้คนของตระกูลหยางรู้เรื่องราวเหล่านี้ ดังนั้นเธอจึงไม่เคยเอาดอกไม้เหล่านี้กลับบ้าน
ดังนั้นที่โต๊ะทำงานของเธอจึงมีดอกไม้วางไว้เต็ม เธอจึงมอบดอกไม้พวกนี้ให้กับเย่ตง
ตอนแรกเย่ตงก็รู้สึกชอบมากๆ เพราะดอกกุหลาบม่วงราคาแพงและงดงาม เอามาตกแต่งในบ้านมันสวยจริงๆ
แต่พอนานไปๆก็รับไม่ไหวกับจำนวน
หลังบ้านของเย่ตงเต็มไปด้วยดอกไม้ เธอก็ตัดสินใจที่จะปฏิเสธหยางหลิงรุ่ย
หยางหลิงรุ่ยทำได้แค่หาที่ว่างไว้วางดอกไม้
และของหวานที่เขาส่งมาให้ด้วยนั้นก็ส่งผลเช่นกัน
หยางหลิงรุ่ยและเย่ตงอ้วนขึ้นอย่างน้อยๆต้องมีถึงสองกิโลกรัม
นี่ทำให้หยางหลิงรุ่ยรู้สึกกังวล เธอไม่สามารถปฏิเสธอาหารที่อยู่ตรงหน้าได้ และดูเหมือนเย่ตงจะเดาได้ว่าเข้าจะส่งของสิ่งนี้มาให้ทำไม
ที่กลัวที่สุดก็คือ กลัวจะทำให้หยางหลิงรุ่ยอ้วนขึ้นดังนั้นเธอจึงมีทางเลือกเพียงทางเดียว
“คุณเอามันกลับไปบ้านได้เถอะ!” เย่ตงพูด
เธอเป็นคนที่เกิดและโตที่เมืองs ธุรกิจของเธอก็มีความเกี่ยวพันกับตระกูลหยาง
เธอรู้อยู่แล้วว่าบ้านของตระกูลหยางใหญ่ขนาดนั้น จะต้องมีที่ว่างเหลืออยู่มากมายแน่
แต่หยางหลิงรุ่ยขมวดคิ้ว ยิ้มออกมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมพูดว่า “ถ้าเอากลับบ้านได้ แล้วทำไมฉันถึงไม่เอากลับไปตั้งแต่แรกหละ?”
หยางหลิงรุ่ยไม่อยากให้คนที่บ้านรู้ว่าตัวเองยังมีความสัมพันธ์อะไรแบบนี้กับฮั่วเทียนหลันอยู่
และเธอก็เคยได้ยินมาคราวๆว่าตระกูลฮั่วกับตระกูลหยางเคยมีเรื่องไม่ลงรอยกัน
นี่ยิ่งทำให้เธอลำบากใจ เนื่องจากเธอเคยเป็นภรรยาของฮั่วเทียนหลันมาก่อน และลูกสาวของเธอชิงหรงและลั่นลานที่ไม่เคยพบกันฮั่วเทียนหลันมาก่อน แต่ตอนได้พบกลับมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอย่างบอกไม่ได้
นี่ทำให้เรื่องที่มันซับซ้อนอยู่แล้วซับซ้อนขึ้นไปอีก
“งั้นก็คงไม่มีทางแก้ไขแล้ว!” เย่ตงยักไหล่บ่งบอกว่าเธอไม่สามารถทำอะไรได้
แต่จู่ๆมือของเธอก็ไปหยิบการ์ดที่แนบมากับดอกไม้ออกมา
หลังจากที่เธออ่านมันสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป
“นี่มัน พี่รุ่ย พี่อ่านจดหมายนี้สักหน่อย.....”
หยางหลิงรุ่ยรู้สึกรำคาญมาก ฮั่วเทียนหลันคนนี้ส่งดอกไม้มาให้เธอทุกวัน ไม่รู้จักจบจักสิ้น
ครั้งสองครั้งแรกก็คือน้ำใจ แต่ว่าหลายๆครั้งเข้ามันจะไม่เป็นการสิ้นเปลืองหรอ?
หรือว่าเขาจะต้องการใช้วิธีเด็กๆนี้เพื่อจะเปลี่ยนใจเธอ? นี่มันอะไรกัร ดูถูกเธออย่างนั้นหรือ?
“ไม่อ่าน มันก็มีแค่คำพูดพวกนั้นแหละ”
เย่ตงอ้าปากขึ้น เธออยากจะอ่านข้อความในจดหมายออกมาให้หยางหลิงรุ่ยฟัง
แต่ไม่รู้ว่าทำไม เย่ตงก็เห็นที่ท่าประหลาดใจของหยางหลิงรุ่ยในตอนหลังเลิกงาน หน้าของเธอเต็มไปด้วยอาการตกใจ และไม่ได้พูดอะไร
เธอวางการ์ดใบนั้นกลับไปที่เดิม
แต่หลังจากที่เลิกงาน หยางหลิงรุ่ยที่เดินผ่านมาทางดอกไม้ก็หยิบมันขึ้นมา
หลังจากนั้นเธอหันกลับมาอีกทีการ์ดก็ไม่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าถูกเอาไปเก็บไว้ที่ไหนแต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไร
และในตอนที่เธอมารอบลิฟท์ เธอก็พูดออกมาหนึ่งประโยคว่า “พี่รุ่ย สู้ๆ!”
นี่ทำให้หยางหลิงรุ่ยประหลาดใจมาก หลังจากนั้นก็เริ่มมีลางสังหรณ์ร้ายๆผุดขึ้นมาในใจเธอ
ก็แค่คำอวยพรธรรมดา มันจะไปทำอะไรได้
มันจะไม่เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นใช่ไหม?
ลิฟท์จอดที่ชั้นหนึ่ง และนี่ก็เป็นความตั้งใจของหยางหลิงรุ่ย
เธอไม่ได้จอดรถไว้ที่ชั้นใต้ดินมานานแล้ว เนื่องจากที่จอดรถชั้นใต้ดินควบคุมความปลอดภัยโดยใช้คอมพิวเตอร์ ฮั่วเทียนหลันสามารถเข้ามาได้
ผู้ชายคนนี้ยังต้องคิดวิธีอื่นเอาไว้เป็นแน่ เมื่อถึงเวลาแล้วเธอคงไม่มีทางหนีพ้น
แต่ที่พื้นดินนั้นมีคนเข้ายามอยู่
เนื่องจากเธออยู่ในเวลางาน ช่วงนี้หน้าที่ไปรับชิงหรงจึงตกเป็นของ777
หยางหลิงรุ่ยนึกถึงเรื่องที่ชิงหรงพูดขึ้นมาเมื่อวาน ว่าคืนนี้เธอต้องทำการบ้านเกี่ยวกับครอบครัว เธอจึงรีบออกเดินทาง
แต่หยางหลิงรุ่ยก็ต้องรู้สึกคะลึงขึ้นมาทันที่เมื่อเธอเดินออกมาจากประตูของ Fahrenheit Entertainment
นี่มันอะไรกัน?
พื้นที่ด้านหน้าของ Fahrenheit Entertainment ก็เต็มไปด้วยดอกไม้เหลือไว้เพียงแค่ที่ว่างตรงกลาง
และก็มีผู้ชายหนึ่งคนใส่สูทสีดำ ในมือของเขาถือดอกไม้เหมือนกับว่ากำลังรอใครสักคนออกมา
ความสง่าผ่าเผยของชายคนนั้นทะลุผ่านเข้าแว่นกันแดดของเธอ ใบหน้าที่หล่อเหลาสะท้านไปทุกสายตาของคนที่มองเห็น
ถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลแต่หยางหลิงรุ่ยก็รู้ได้ว่านั่นคือฮั่วเทียนหลัน
หยางหลิงรุ่ยหยุดเดินอย่างไม่รู้ตัว พอเธอเตรียมที่จะลงไปที่จอกรถชั้นล่างเพื่อจะออกจากที่นี่ ผู้ชายคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมา
ใช้คำพูดที่ง่ายที่สุดก็คือ เขาใช้สายตาจับจ้องเธอไว้
นี่ทำให้สิ่งที่หยางหลิงรุ่ยต้องการจะทำต้องจบลงเพียงเท่านี้
เพื่อหลีกเลี่ยงการเจอหน้ากับฮั่วเทียนหลัน ช่วงนี้หยางหลิงรุ่ยจึงทำงานหนักมาก
เธอจอดรถไว้ชั้นใต้ดิน แถมยังมีรถสำรองอีกคันจอดอยู่อีกที่
อีกที่หนึ่งก็คือด้านหลังของบริษัท
แต่สิ่งที่เธอเตรียมการไว้ทั้งหมด เมื่ออยู่ต่อหน้าฮั่วเทียนหลันแล้วมันก็เป็นได้แค่ของตกแต่ง
เธอหยุดโดยไม่รู้ตัว และมีเงาของคนสองคนผ่านเข้ามาให้แว่นกันแดดของเธอ
ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานคนจึงพลุกพล่าน หยางหลิงรุ่ยยืนอยู่กับที่ ฮั่วเทียนหลันก็ยืนจ้องมองอยู่อีกแถบ
ทันใดนั้นเธอก็ลูกรุมล้อมไปด้วยกลุ่มเพื่อนร่วมงานสาวๆของเธอ
“ผู้อำนวยการหยาง นั้นคือแฟนที่ส่งดอกไม้มาให้คุณทุกวันใช่ไหม?”
“ต้องใช่แน่ๆ เธอดูดอกไม้ที่วางอยู่พวกนั้นสิมีแต่ดอกกุหลาบม่วงทั้งนั้นเลย!”
“ว้าย หล่อเหลือเกิน! แถมรถยนต์คันนั้นก็แพงมากๆด้วย!”
“แน่นอนอยู่แล้ว.....ฉันหละอิจฉาผู้อำนวยการหยางจริงๆ ทำไมฉันถึงไม่มีแฟนแบบนี้บ้างนะ!”
......
คำพูดเหล่านี้ทำให้หยางหลิงรุ่ยเก็บสีหน้าไม่อยู่
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะนับถือ แต่บางครั้งก็สัมผัสได้ถึงการเหน็บแนม แค่แกล้งทำพูดให้เธอมีเกียรติ
แต่หยางหลิงรุ่ยเป็นคนหน้าบาง
ภายใต้ที่สาธารณะแบบนี้ ฮั่วเทียนหลันคงเตรียมการไว้เป็นอย่างดีแล้ว เธอไม่มีทางหนีออกไปจากตรงนี้ได้
แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่เป็นผลกับสกิลปากของเธอ
“ไม่ใช่ ฉันไม่รู้จักเขา”
“ดอกไม้ที่ส่งมาทุกวันทุกคนในที่ทำงานก็รู้กันดีอยู่แล้วไม่ใช่หรอ? ถูกแล้วนั่นเป็นดอกไม้ที่ฉันสั่งมาเอง!”
“หล่อไหม? หรือว่าเป็นเพราะแว่นกันแดดฉันจึงมองไม่ออกว่าเขาหล่อ? และยังรถคนนั้นอีก เธอไม่เคยได้ยินว่ามีการเช่ารถหรอ? วันละห้าพัน มันก็พอที่จะเติมเต็มความฝันลมๆแล้งๆได้บ้าง”
“เธอไปสารภาพรักกับเขาสิ่ง กล้าหน่อย ถ้าหากเขาตอบตกลงขึ้นมาก็เท่ากับว่าเธอได้แฟนแล้วไม่ใช่หรอ?”
.....
หยางหลิงรุ่ยพูดบ่ายเบี่ยงทุกวิถีทาง แต่เธอหารู้ไม่ว่าเพื่อร่วมงานของเธอมองออกอยู่แล้วว่าผู้ชายคนนั้นต้องเป็นแฟนของเธอแน่ๆ
นี่ทำให้หลี่ชานชานที่เพิ่งเดินออกมาจากประตูกัดฟันทันที
เธอมัยจะรู้สึกไม่ดีต้องที่เห็นคนอื่นมีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นศัตรูของเธอ
และตอนบ่ายของวันนี้ หลังจากที่จินไห่เว่ยกลับไปก็ไปทะเลาะกับเธออย่างดุเดือด
หลี่ชานชานจึงไปวุ่นวายกับฝ่ายบุคคล หัวหน้าฝ่ายบุคคลจึงบอกว่าจินไห่เว่ยไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ในห้องเขียนบทก็ไม่ได้มีกล้องวงจรปิดเขียนอยู่ ใครเป็นคนเริ่มก่อนใครจะไปรู้
แต่สำหรับเรื่องพยาน Yang Entertainment ฟังแค่หลักฐานที่น่าเชื่อถือเท่านั้น เรื่องไร้สาระอย่างอื่นพวกเขาไม่สน
หลี่ชานชานโกรธจึงส่งตารางทำงานของเธอไปให้แต่หัวหน้าฝ่ายบุคคลก็ตีกลับมา
การตีกลับในครั้งนี้เพราะเนื่องจากมันไม่ตรงกับความจริง เขาจึงสั่งให้หลี่ชานชานไปทำมาใหม่อีกฉบับ
โชคไม่ช่วยจริงๆ หลี่ชานชานเกือบจะเป็นลมล้มลง
เธอไปหารองประธานเพื่อที่จะจัดการกับเรื่องนี้
รองประธานที่ปกติแล้วจะปฏิบัติกับเธอมาดีตลอด ครั้งนี้เขาเปลี่ยนทัศนคติไปแล้ว
คำพูดของเขายังดังอยู่ในหูของหลี่ชานชาน
“ช่วงนี้เรื่องวุ่นวายของเธอมีมากมาย! พอทีเถอะ หยุดสร้างปัญหาได้แล้ว”
เรื่องนี้ทำให้หลี่ชานชานแทบจะระเบิดออกมา
ตอนที่เธออยู่บนเตียงกับรองประธาน ตอนนั้นเขาไม่ใช่คนแบบนี้นิ!
หรือว่าข่าวลือที่ว่าเธอไปมีอะไรกับพวกผู้บิหารระดับสูงนั้นมันไม่มีผลกระทบกับเธอ?
คนที่ยืนอยู่รอบๆต่างจับจ้องมาที่หยางหลิงรุ่ยและฮั่วเทียนหลัน
ตอนนี้เย่ตงที่เพิ่งจะลงจากลิฟท์มาก็วิ่งเข้ามาหาหยางหลิงรุ่ย
เกี่ยวกับเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ เธอไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลย
เนื่องจากในการ์ดนั่นเขียนไว้ว่า : วันนี้หลังเลิกงานฉันจะไปรับ
แต่เย่ตงไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้ชายคนที่จะมารับนั้นจะดูดีขนาดนี้
“พี่รุ่ย พี่รุ่ย ผู้ชายคนนี้หล่อเกินไปแล้ว! เขาก็ตามตื๊อพี่มาขนาดนี้แล้ว ทำไมพี่ยังไม่ตอบลงเขาไป?”
จากเพื่อนร่วมงานทั้งหมดเธอพอจะเดาได้ว่าใครกำลังพูดอยู่ข้างหูของเธอ
เธอมองไปที่ท่าทางที่งี่เง่าของเย่ตง ในใจก็อดถอนหายใจไม่ได้
“อย่าพูดอะไรซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง