เธอส่ายหัวแรงๆและสลัดความหดหู่ในใจออกไป
เธอรู้ว่าเธอจะคิดเรื่องนี้ไม่ได้อีกแล้ว
ท้ายที่สุดหากเธอยังคงคิดเรื่องนี้ต่อไป เธอสงสัยว่าเธอจะสามารถทนได้ถึงวันที่จะแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นได้หรือไม่
"เราเป็นเพื่อนกัน ดังนั้นเราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่น่าอายได้ทุกเรื่อง ที่เธอเป็นห่วงฉัน ฉันมีความสุขมาก!"
ฉีหลานมองไปที่หยางหลิงรุ่ยอย่างจริงจัง ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความจริงใจอย่างลึกซึ้ง
สิ่งนี้ทำให้หยางหลิงรุ่ยซึ่งยังคงโทษตัวเองในตอนนี้อยู่ในใจซาบซึ้งใจ
นี่คงเป็นความรู้สึกของเพื่อน?
เธอแน่ใจว่าความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ของเธอกับฉีหลานนั้นพิเศษและใกล้ชิดมาก
มิฉะนั้นเมื่อผ่านไปนานขนาดนี้ เมื่อฉีหลานเจอเธออีกครั้งคงไม่รักษาความเมตตาและความอ่อนโยนต่อเธออย่างเต็มที่เหมือนเดิม
เพื่อนคืออะไร? ไม่ว่าจะห่างไกลกันแค่ไหน ไม่เจอกันกี่ปี แต่ก็ยังคงเป็นเหมือนแต่ก่อนหรอกหรือ?
"เป็นเกียรติของฉันที่มีเพื่อนอย่างพี่หลาน"
เสียงของหยางหลิงรุ่ยจบลง ฉีหลานก็ยิ้มออกมา
ก่อนที่เธอจะพูดอะไรก็รู้สึกว่ารถหยุดลงช้าๆ
ฉีหลานเหลือบมองกระจกรถและพบว่าเธอมาถึงที่หมายแล้ว
"ฉันถึงบ้านแล้ว หลิงรุ่ย"
"อืม พี่กลับบ้านพักผ่อนเถอะ!"
"ไม่มานั่งเล่นหน่อยเหรอ?"
"บนนั้นมีหนุ่มหล่อหรือเปล่า?"
เผชิญหน้ากับคำเชิญตามมารยาทของฉีหลาน หยางหลิงรุ่ยอดไม่ได้ที่จะล้อเล่น
มุมปากของฉหลานโค้งขึ้นเป็นส่วนโค้งที่สวยงาม เธอโบกมือลาหยางหลิงรุ่ยแล้วก็ลงจากรถและเข้าไปในอาคาร
มาที่เมือง S นานขนาดนี้ หยางหลิงรุ่ยก็พอรู้เกี่ยวกับเมืองนี้อยู่บ้าง
เธอเพียงแค่มองไปรอบๆก็ประมาณได้ว่าที่ตรงนี้น่าจะอยู่ใกล้ใจกลางเมือง
และอาคารใหญ่หลังนี้ เธอคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยิน ดูเหมือนจะเรียกว่าคฤหาสน์อะไรสักอย่าง
บ้านพักที่อยู่ด้านในเป็นห้องชั้นเดียวขนาดใหญ่ มีผู้อาศัยหนึ่งครอบครัวต่อหนึ่งชั้น
ฉีหลานอาศัยอยู่ที่นี่ซึ่งแสดงถึงอำนาจทางการเงินที่แข็งแกร่ง
เพียงแค่คิดถึงสิ่งนี้ หยางหลิงรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะตัวเอง
คนอย่างฉีหลานยังจะต้องการเงินอะไรอีก?
คำสั่งซื้อที่เธอสั่งไว้สำหรับตัวเองนั้นก็มีค่าเท่ากับบ้านหลังใหญ่นี้แล้ว
หยางหลิงรุ่ยส่ายหัวและระงับความคิดที่ไม่สำคัญเหล่านี้เก็บไปชั่วคราว
เธอเห็นฉีหลานยืนอยู่ที่ประตูโบกมือให้เธอหมายถึงให้รีบไปเถอะ
หยางหลิงรุ่ยจึงสั่งคนขับ หลังจากรถสตาร์ท ฉีหลานก็หายไปจากคลองสายตาของหยางหลิงรุ่ย
ระหว่างทางเธอเอาแต่คิดถึงเรื่องของฉีหลานเมื่อครู่นี้
เธอเริ่มนึกถึงการพบกันในวันนี้
เห็นได้ชัดว่าก่อนที่ฉีหลานจะสั่งรายการตัดเย็บ เธอต้องรู้จักหยางหลิงรุ่ยมาก่อน
ดังนั้นคำสั่งนี้จึงถือเป็นของขวัญของการพบกันอีกครั้งi
หลังจากพบกันในวันนี้ แม้ว่าการแสดงออกของฉีหลานจะยังคงเป็นปกติ คำพูดของก็เป็นธรรมชาติ
แต่หยางหลิงรุ่ยสามารถดูคนออก เพียงแต่ตอนนั้นเธอไม่ได้สนใจ แต่ตอนนี้หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้วเธอก็พบว่าฉีหลานไม่ค่อยปกติ
ใบหน้าของฉีหลานมีความเศร้าโศกมาก
ตราบใดที่คนแสดงออกเช่นนี้ หยางหลิงรุ่ยก็ไม่มีข้อสงสัยในใจ
ในหัวใจของฉีหลานจะต้องมีเหตุการณ์สำคัญฝังอยู่ในนั้นและมันอาจดูไม่มีอะไรในยามปกติแต่เมื่อมันระเบิดออกมามันอาจจะกลายเป็นว่าไม่มีวันหยุดได้เลย
หยางหลิงรุ่ยอดไม่ได้ที่จะกังวลเกี่ยวกับฉีหลาน
เธอต้องการที่จะโน้มน้าวฉีหลานและต้องการช่วยเธอ
แต่เธอก็เพียงได้คิดแต่ช่วยะไรไม่ได้ หากเธอไม่พึ่งพาอิทธิพลของตระกูลหยางเธอก็คงไม่ต่างอะไรจากเศษขยะมากนัก
หลังจากรอรถไปถึงที่คฤหาสถ์ หยางหลิงรุ่ยก็ลงจากรถด้วยสมองที่สับสน ทำให้เธอลื่นจนเกือบล้มลงบนพื้น
ทำให้ซันที่รับหน้าที่เปิดประตูตกใจ เขารีบช่วยพยุงหยางหลิงรุ่ยขึ้นมาและพูดด้วยความเป็นห่วง "คุณหนูโอเคไหม?"
เพราะความตกใจซันจึงพูดตะกุกตะกักเล็กน้อย
แม้หยางหลิงรุ่ยอาจดูไม่รู้สึกอะไรมากนัก แต่ซันรู้ดีว่าถ้าเธอได้รับบาดเจ็บ เส้นทางชีวิตของเขาในตระกูลหยางก็คงจะจบลงเช่นเดียวกัน
เขาอยู่ในตระกูลหยางมานานและเขาก็มีความรู้สึกเป็นเกียรติอยู่แล้ว
เมื่อซันตกใจก็ทำให้หยางหลิงรุ่ยได้สติขึ้น
เธอตบหน้าผากแรงๆทีอย่างรวดเร็ว หลังรู้สึกว่าสมองที่โง่เขลาของเธอเริ่มรู้สึกตัวแล้ว เธอจึงขอให้ซันปล่อยเธอ
"ขอบคุณนะ"
หลังเธอกล่าวขอบคุณซัน เธอก็เข้าบ้านของตระกูลหยางไป
เมื่อมาถึงก็เห็นว่าไฟที่บ้านปิดหมดแล้ว
จากนั้นก็โคมไฟถนนก็ปิดเช่นกัน เมื่อดูเวลาตอนนี้มันกำลังจะเช้าแล้ว
แม้ว่าชิงหรงจะอดนอนเก่งแค่ไหน แต่คราวนี้เธอก็จะหลับไปแน่นอน
และสิ่งหนึ่งที่เธอไม่รู้ในขณะนี้นั่นคือการทำอะไรมาเป็นเวลานานอาจกลายเป็นนิสัยได้อย่างง่ายดาย
ตัวอย่างเช่นตอนนี้ ชิงหรงยอมรับสภาพที่เป็นอยู่แล้วอย่างใจเย็นว่าหยางหลิงรุ่ยมักจะไม่กลับมาค้างคืน
ไม่นอนทั้งคืนรอแม่?
ล้อเล่นหรือ ถ้าสาวสวยอย่างเธอมีรอยคล้ำใต้ตา ร่างกายของเธอไม่ได้รับการพัฒนาที่ดี เธอไม่สูงและเธอมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ใครจะรับผิดชอบ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง