ฉีหลานนั่งคุยกับหยางหลิงรุ่ยและหลังจากคุยเรื่องเล็กน้อยแล้วพวกเขาก็นั่งจิบกาแฟและดูกิจการที่รุ่งเรืองของร้านชานมฝั่งตรงข้าม
เห็นได้ชัดว่าเป็นวันทำงาน แต่ลูกค้าที่ร้านกมีจำนวนมาก
หยางหลิงรุ่ยกำลังดูฉีหลานอยู่ เธอต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับฉีหลานเพื่อที่เธอจะได้ออกแบบเสื้อผ้าที่เข้ากับเธอได้
ฉีหลานนั่งเงียบๆบนโซฟา เธอวางมือข้างหนึ่งเท้าคางและมองออกไปข้างนอก
ความงามของเธอทำให้ร้านกาแฟที่เงียบสงบเริ่มมีเสียงกระซิบกระซาบ
สายตาของทุกคนมองมาในทิศทางนี้ ทุกคนกำลังพูดถึงฉีหลาน
มีแม้แต่ผู้ชายสองสามคนที่เข้ามาคุยกันและอยากได้ข้อมูลติดต่อของฉีหลาน
ฉีหลานดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง เธอจึงไม่ตอบสนอง
เมื่อหยางหลิงรุ่ยกำลังจะพูดขึ้น ชายหนุ่มสองคนในชุดสูทรองเท้าหนังก็เดินเข้ามา
หลังจากที่พวกเขายิ้มเล็กน้อยพวกเขาก็ขับไล่ทุกคนที่ยังไม่ยอมออกไปด้วยพลังกึ่งบีบบังคับ
หยางหลิงรุ่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจึงจะได้สติตอบกลับ
ตั้งแต่เมื่อก่อนตอนที่เธอตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ คนที่ฉีหลานหามาสามารถพาตำรวจมาได้มากมาย
หลังจากเหตุการณ์นั้น การรักษาความปลอดภัยรอบฉีหลานจะต้องเข้มงวดขึ้นอย่างมาก
ชายหนุ่มสองคนในชุดสูทเมื่อครู่น่าจะเป็นบอดี้การ์ดของฉีหลาน
หยางหลิงรุ่ยหยิบดินสอและเตรียมกระดานวาดภาพออกมา
เธอตั้งใจจะสเก็ตช์ภาพให้ฉีหลาน หากเธอสามารถวาดท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์ของฉีหลานได้ หยางหลิงรุ่ยก็เชื่อมั่นในตัวเองอย่างเต็มที่ว่าชุดต่อไปที่เธอจะทำขึ้นต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นหยางหลิงรุ่ยจัดกระดานวาดภาพพร้อมแล้ว ฉีหลานก็จะกระตุกโดยไม่รู้ตัว
“ต้องเป็นทางการขนาดนี้เลยเหรอ?” เธอถามเบา ๆ
หยางหลิงรุ่ยพยักหน้าอย่างแน่วแน่และตอบข้อสงสัยของฉีหลาน
“ใช่ มีแต่วิธีนี้เท่านั้น ผลงานคราวหน้าถึงจะสำเร็จ”
ฉีหลานอืมอืมและคงอยู่ในท่าเดิมโดยไม่ลืมที่จะถามหยางหลิงรุ่ยว่าท่านี้จะใช้ได้หรือไม่
หลังจากที่หยางหลิงรุ่ยพูดว่าได้ เธอก็ค้างท่านั้นไว้
การร่างภาพมักใช้เวลานาน ฉีหลานจึงพยายามอยู่ในท่าทางที่สบายๆเพื่อให้พร้อมสำหรับความยืดเยื้อ
ขณะที่หยางหลิงรุ่ยมองไปที่ฉีหลาน ดินสอในมือของเธอก็วาดอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้าภาพสาวงามที่น่าหลงใหลก็ปรากฏออกมา
สาวงามกำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
มุมปากของเธอยังคงแสดงถึงความเศร้า
เมื่อต้องเห็นภาพร่างที่เพิ่งทำออกมาเสร็จ หยางหลิงรุ่ยก็รู้สึกพอใจมาก
เธอรู้สึกว่าเธอบรรยายอารมณ์ของฉีหลานออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เธอพลิกกระดานวาดภาพให้ฉีหลานดูว่าภาพร่างนี้สำเร็จหรือไม่สำเร็จ
หลังจากเห็นภาพร่างของหยางหลิงรุ่ยแล้วฉีหลานก็อึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด
เธอยังจำฝีมือการวาดภาพของหยางหลิงรุ่ยก่อนที่เธอจะสูญเสียความทรงจำได้
ที่ว่ากันว่าคลื่นลูกใหม่ย่อมแรงกว่าคลื่นลูกเก่า ประโยคนี้ช่างเป็นพูดถูกเสียจริง
ในตอนนั้นหยางหลิงรุ่ยแม้ว่าจะได้ก้าวข้ามความคิดเกี่ยวกับสุนทรียศาสตร์และศิลปะของฉีหลานไปแล้ว
แต่ในแง่ของการใช้งาน หยางหลิงรุ่ยยังดูไม่ประสีประสานัก
หลายครั้งที่ฉีหลานเน้นย้ำเรื่องปัญหาเล็กน้อยกับหยางหลิงรุ่ยและทุกครั้งหยางหลิงรุ่ยก็ยอมรับอย่างเห็นด้วย
แต่ในพริบตาหลังจากผลงานชิ้นต่อไปออกมาก็ยังคงมีข้อบกพร่องเหมือนเดิม
ในตอนนั้นฉีหลาน ไม่เข้าใจว่าทำไมผลงานของเธอจึงมักขาดจิตวิญญาญที่สูงส่ง
แต่ตอนนี้หลังเธอสูญเสียความทรงจำ เมื่อเห็นภาพร่างที่หยางหลิงรุ่ยวาดขึ้น ฉีหลานก็เข้าใจแล้วว่าทำไม
หยางหลิงรุ่ยในตอนนั้นอาจเป็นเพราะในใจของเธอซับซ้อนเกินไป จิตใจก็ค่อนข้างกดดัน ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถสร้างผลงานที่ดีได้เลย
แต่ตอนนี้เธอความจำเสื่อม เธอลืมเรื่องไม่พึงประสงค์ทั้งหมดในหัวไปแล้ว
ตอนนี้หัวใจของเธอคงเต็มไปด้วยพลังบวกอย่างแน่นอน
หากมีจิตใจที่ทะเยอทะยาน เธอก็จะประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่ทำ
ฉีหลานไม่เคยเชื่อประโยคนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เธอเชื่อแล้ว
ผลงานของหยางหลิงรุ่ยในตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยม ฉีหลานไม่พบปัญหาใดๆเลย
ต้องรู้ว่าการวางแผนบนกระดาษและการลงมือทำจริงเป็นเรื่องสองเรื่อง
ฉีหลานเก่งมากในเรื่องลงมือทำจริง
เมื่อพูดถึงเรื่องวางแผนลอยๆยังสามารถโอ้อวดและบอกว่าไม่มีคู่แข่ง
แต่ตอนนี้หยางหลิงรุ่ยได้สอนบทเรียนให้กับฉีหลานในเรื่องหนึ่งว่าพรสวรรค์คืออะไร
เมื่อเห็นฉีหลานดูภาพร่างด้วยสำหน้าที่เต็มไปด้วยความคิด
หยางหลิงรุ่ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า มีอะไรเกิดขึ้น หรือว่าที่เธอทำไม่สำเร็จ?
เธอเหลือบมองไปที่ผลงานของเธออีกครั้ง จากนั้นก็เลิกความคิดนั้นไป
ภาพร่างของเธอประสบความสำเร็จร้อยเปอร์เซนต์
แม้จะให้กรรมการของการแข่งขันชั้นนำเหล่านั้นก็เกรงว่าคงไม่พบปัญหา
“พี่หลานคิดว่ามันไม่ดีหรือ?” หยางหลิงรุ่ยลองถามอย่างไม่แน่ใจ
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางหลิงรุ่ย ฉีหลานก็ได้สติขึ้นมา
เธอยิ้มอย่างกระดากใจและกล่าวว่า "ไม่ๆ ใครบอกว่ามันไม่ดี? ภาพร่างของเธอเป็นภาพร่างที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นในช่วงหลายปีมานี้เลย ฉันขอเก็บภาพวาดนี้ไว้ได้ไหม?"
คำขอร้องของฉีหลานนั้นไม่ได้มากเกินไป
แต่หยางหลิงรุ่ยลังเลใจเล็กน้อย
เพราะภารกิจของรูปภาพนี้ยังไม่จบเพียงเท่านี้
ถึงตอนนั้น เธอยังต้องดูผลงานชุดนี้ปรับแต่งบนหุ่นและจากนั้นจึงรวมกันออกมาเพื่อสร้างชุดเสื้อผ้า
เมื่อเห็นหยางหลิงรุ่ยลังเล ฉีหลานจึงคิดไปว่าเป็นเพราะเธอไม่ต้องการให้
เธอจะไม่ทำสิ่งที่ต้องบังคับใจใคร
ดังนั้นเธอจึงกระซิบว่า "หลิงรุ่ย ฉันจะไม่ทำให้เธอลำบากใจหรอก ถ้าเธอต้องการก็เก็บเอาไว้เถอะ!"
เมื่อคำพูดของฉีหลานจบลง หยางหลิงรุ่ยก็โบกมืออย่างรวดเร็ว
"พี่หลาน พี่กำลังพูดอะไร! มันเป็นแค่ภาพร่างเท่านั้นเอง พอฉันใช้เสร็จแล้วฉันจะให้พี่"
หยางหลิงรุ่ยพูดจบและขอให้ฉีหลานรอหน่อย จากนั้นเธอก็หยิบกระดาษวาดรูปอีกแผ่นและลอกผลงานที่เธอเพิ่งวาดเมื่อครู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง