แต่ต่อมา พฤิกรรมของฉินลูลู่ เกินความคาดหมายของหยูซิงเหวิน
ฉินลูลู่ดิ่งไปรัแขนของหยูซิงเหวิน แล้วเอ่ยอย่างออดอ้อน "งั้น ซิงเหวิน พวกเรามันเริ่มแสดงต่อหน้าผู้คนกันเถอะ แล้วลับหลังก็เป็นแค่คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเท่านั้นกัน!"
รอยยิ้มมีเลศนัยปรากฏอยู่บนใบหน้าของฉินบูลู่ แทบจะทะลักออกมา
แต่คำที่เธอพูด กลับเป็นแบบเยือกเย็นอย่างนั้น
ในตอนนี้หยูซิงเหวิน จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนได้รู้จักกับฉินลูลู่ใหม่อีกครั้ง
และฉินลูลู่ ในตอนนี้ ก็มั่นใจกับความคิดที่จะใช้ชีวิตอยู่กับหยูซิงเหวินในอนาคตได้แล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องในอดีต ฉินลูลู่ก็สงบลงเล็กน้อย
เธอรู้ว ส่าวันนี้เธอเกินขั้นนั้นไปแล้ว
เดิมทีที่ออดอ้อน ก็ยับบั้งชั่งใจไว้ก็ดี แต่เมื่อครู่ฉินลูลู่ อยากจะดึงดูดความขัดแย้งระหว่างตระกูลหยูและตระกูลหยาง
ถ้าเป็นอย่างนี้ล่ะก็ ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ของเธอกับหยูซิงเหวินในฐานะแขก นับว่าทั้งสองจะเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างแท้จริง หยูซิงเหวินก็จะรั้งเขาไว้
วันนี้เธอ มาเพื่อเจอกับฉีหลาน แล้วบวกกับได้เจอกับหยางหลิงรุ่ยที่ปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อครู่นี้ ใจก็กระวนกระวาย
ธอสูดหายใจเข้าลูก ๆ หนึ่งเฮือก เพื่อกดอารมณสับสนวุ่นวายภายในจิตใจเมื่อครู่ เอ่ยอย่างอ่อนโยน "ซิงเหวินพูดแบบนี้ งั้นฉันก็จะฟังนาย"
ท่าทีที่อ่อนโยนของเธอ และท่าทีที่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนอย่างรวดเร็ว ทำให้คนที่อยู่ในสถานที่ตรงนั้นมองดูเธอด้วยสายตาที่แปลกใจ
แต่มีสองคนที่สีหน้าไม่เปลี่ยนคือ ฉีหลานและจางหงเหว่ย
เมื่อก่อนฉีหลานเคยสนิทสนมกับฉินลูลู่ ดังนั้นจึงรู้ว่าฉนลูลู่เป็นคนอย่างไร
และแม้แต่จางหงเหว่ย ที่อยู่รอบตัวฉินลูลู่และเสียเปรียบไปมากขนาดนั้น ในใจก็เกลียดฉินลูลู่เข้ากระดูกไปตั้งนานแล้ว พูดง่าย ๆ หน่อย เพียงแค่ฉินลูลู่ยกเท้าขึ้น จางหงเหว่ยก็รู้แล้วว่าเธอจะสกัดใคร
เพียงแค่จางหงเหว่ยคาดไม่ถึงว่า ฉินลูลู่ที่ได้ย้ายออกมาจากเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่อย่างหยูซิงเหวินแล้ว อย่างนั้นถ้าดูตามนิสัยของหยูซินเหวิน ทำไมถึงยังต้องโอบเอวฉินลูลู่อยู่อีก นี่นับ่ว่าไม่โอบเอว อย่างนั้นก็ต้องอธิบายหยางหลิงรุ่ยสักหน่อยสิ หาทางประนีประนอมกัน
ยังไงซะ นี่ก็เป็นวิธีที่เหมาะสมในการปฏิบัติตัวต่อผู้หญิงรอบตัว
แต่ทว่า หยูซิงเหวินกลับไม่ไดด้ทำแบบนี้ นี่จึงทำให้จางหงเหว่ยอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดสักหน่อย
หยูซิงเหวินทำแบบ นั่นก็มีเพียงสองเหตุผล
เหตุผลที่หนึ่ง ก็คือเขารู้สึกว่าฉินลูลู่ไม่สำคัญ ดังนั้นจึงไม่โอบเอวเธอออกหน้าออกตา
แต่ว่าอันนี้ จางหงเหว่ยรู้สึกว่าไม่ค่อยเป็นความจริง หากดูตามท่าทีที่เลี่ยนมากของแินลูลู่เมื่อสักครู่นี้ ทั้งสองก็ใกล้จะแต่งงานกันแล้ว ทำไมความสัมพันธ์ของทั้งสองจะนับว่าไม่ดีอย่างไรกัน? ไม่อย่างนั้นหยูซิงเหวินจะเตะฉีหลาน แล้วมาเอาผู้หญิงเน่า ๆ คนนี้ทำไม?
และเหตุผลข้อที่สอง นั่นก็คือหยูซิงเหวิน ต้องการไว้หน้าของหยางหลิงรุ่ย
ดังนั้น อำนาจของตระกูลหยางอยู่ที่นี่ ก็นับว่าเป็นตระกูลหยู จำเป็นต้องหลบหลีกจุดแข็งของพวกเขา
ถ้าเป็นอย่างนี้ จางหงเหว่ยรู้สึกว่าการคาดเดาในใจเขาก่อตัวขึ้นแล้ว
แต่การก่อตัวนี้ ทำให้จิตใจของเขารู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาทันที
เพราะวันนี้เขาได้พบว่า ก็มักจะอยู่ข้าง ๆ กายของหยางหลิงรุ่ยตลอดเวลา มีบางคำที่ก็ไม่สำคัญ
นี่ถ้าทำให้หยางหลิงรุ่ยฟังยู่ในใจ กลับไปบอกกับตระกูลหยางสักหน่อย เขาเกรงว่าจะวุ่นวายแล้วน่ะสิ!
ในฐานะเป็นที่ยืดหยุ่นได้คนหนึ่ง อย่างน้อยเขาที่รู้จักกับผู้ชายคนนี้ จางหงเหว่ยจะไม่ให้เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
"คุณหยางครับ เรื่องวันนี้ ต้องขอบคุณคุณจริง ๆ ! นะครับ คุณดูสิว่าตอนนี้คุณมีเวลามั้ย? พวกเราไปทานข้าวกันสักมื้อนะครับ"
จางหงเหว่ยที่กำลังพูด ก็ใช้แขนสะกิดฉีหลานเล็กน้อย เตือนให้ฉีหลานเออออไปกับตัวเอง
ความสัมพันธ์ของฉีหลานกับจางหงเหว่ยแม้ว่าจะสามารถใช้คำว่าความเร็วแสงมาบรรยายได้ แต่เพราะลักษณะนิสัยของจางหงเหว่ย เธอกลับเข้าถึงได้อย่างชัดเจน
จู่ ๆ ท่าทีผู้ชายคนนี้ก็เปลี่ยนไปในตอนนี้ เป็นไปได้เพียงเพราะท่าทีของหยูซิงเหวินเมื่อครู่นี้เท่านั้น
หยูซิงเหวินก็ให้ไปแล้ว ก็แสดงให้เห็นถึงความชอบบงการของจางหงเหว่ยได้อย่างชัดเจน
ในใจของฉีหลานยิ้มแห้ง ผลลัพธ์ ชายคนนี้ ก็ไม่มีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวอะไร
เธอไม่ได้เอ่ยเสียงในทันใด ทำเพียงยิ้มเล็กน้อยให้กับหยางหลิงรุ่ย ใช้สายตาแสดงออกไปว่าเธอมีความคิดตรงนี้
การรู้ใจของหยางหลิงรุ่ยและฉีหลาน มีความข็งกล้า
ความหมายของสายตาของฉีหลาน บอกกับเธอได้ชัดเจนว่าไม่ต้องไปพูดไร้สาระกับจางหงเหว่ย
ดังนั้นหยางหลิงรุ่ยจึงเอ่ยอย่างเป็นทางการ "ขอบคุณสำหรับน้ำใจของประธานจางนะคะ แต่ว่าท่านก็เห็ฯ ว่าที่นี่ดิฉันมีลูกค้าจำนวนมาก เปลี่ยนเป็นวันหลังนะคะ!"
หยางหลิงรุ่ยไม่ได้ปฏิเสธสักคำ และนับว่าเป็นการไว้หน้าฉีหลาน
ไม่อย่างนั้นถ้าเป็นเวลาปกติ นายจางหงเหว่ยเป็นใคร? ฉันรู้จักนายหรอ?
เรื่องของธุรกิจ ฉันสามารถนอบน้อมเพื่อผลประโยชน์กับคุณได้ แต่การทานข้าว ขอโทษที ไม่ใช่คนสนิท ไม่ไป
ต่อหน้าหยางหลิงรุ่ยไม่ได้ปฏิเสธ จางหงเหว่ยก็รู้สึกว่าใบหน้าของตนเองมีออร่าเล็กน้อย
ยังไงซะนี่ก็เป็นพี่ใหญ่ของตระกูลหยาง เมื่อก่อนจางหงเหว่ยคิดว่า แค่ผู้หญิงคนเดียว ไม่มีอะไรมาขัดขวางได้
แต่หลังจากที่เห็นว่าหยูซิงเหวินให้ทาง เขาก็กลับมาดูหยางหลิงรุ่ยใหม่อีกรอบ
เขาครุ่นคิดอย่าละเอียดสักครู่ ก็ถึงเอ่ยปาก ยังดี เขาเป็นคนง่าย ๆ แม้ว่าในคำพูดบางครั้งก็ดูไม่ให้เกียรติ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีความขัดแย้งใด ๆ กับหยางหลิงรุ่ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง