คุณผู้หญิงอาวุโสฟอร์ดก็ปลอบเกรซเช่นกัน “ลูกสะใภ้ ตอนนี้ฌอนอยู่ต่างประเทศ เมื่อเขาจัดการธุรกิจของเขาเสร็จแล้ว เขาก็จะกลับมาแต่งงานกับเธอ หลังจากแต่งงานกันแล้ว เธอจะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราจริง ๆ เธอ… เธอเรียกฉันว่าแม่ได้ไหม?”
เกรซมองดูคุณผู้หญิงอาวุโสฟอร์ดทั้งน้ำตา “แม่… ”
“อา เป็นลูกสะใภ้ที่ดี ดูแลตัวเองดี ๆ นะ เธอจะดีขึ้น... เธอจะหายดีอย่างแน่นอน” หญิงชราดึงเกรซเข้ามากอด
เมื่อฟังจากภายนอก ซาบริน่ามองเข้าไป รู้สึกเศร้าโศกขณะดูฉากนั้น
ชีวิตของป้าเกรซช่างยากเย็นเหลือเกิน เธอถูกหลอกตั้งแต่ยังเด็ก และลงเอยกับฌอน ฟอร์ด ขณะที่พวกเขาอยู่ต่างประเทศ เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่า ฌอน ฟอร์ด มีภรรยาและลูกสามคนอยู่แล้ว เมื่อถึงวันที่เธอรู้ เกรซก็ตั้งครรภ์ได้เก้าเดือนแล้ว และจะคลอดในอีกครึ่งเดือนข้างหน้า
หลังจากที่เธอคลอดลูก ฌอนก็ปฏิบัติต่อทั้งสองคนเป็นอย่างดี
ทว่าช่วงเวลาดี ๆ นั้นก็ยังคงอยู่ไปจนกระทั่งเด็กอายุห้าขวบเท่านั้น ตอนนั้นเองที่ภรรยาคนเดิมของ ฌอนมาหา และต้องการพาตัวเด็กไปและผลักไสเกรซ
เธอจะทำแบบนั้นลงไปได้อย่างไร?
ผลจากความบาดหมางของพวกเขาคือเกรซพาลูกชายของเธอไปต่างประเทศ ทว่าครอบครัวฟอร์ดยังคงไม่ยอม พวกเขาตามหาเธอได้สองสามครั้ง และบังคับให้เซบาสเตียนออกมา
แม่และลูกจากกัน และพบกันครั้งแล้วครั้งเล่า
ต่อมาตอนที่ลูกชายของเธอยังคงเป็นวัยรุ่นอยู่ ในที่สุดเกรซก็ยอมรับว่าครอบครัวฟอร์ดจะไม่ยอมให้เธอพาลูกไป ไม่เพียงเท่านั้น ลูกชายของเธอจะไม่มีวันได้รับการเลี้ยงดูที่เหมาะสมจากครอบครัวฟอร์ด
เช่น สิทธิในการสืบทอดมรดก
โชคร้ายขนาดไหนกัน?
ตั้งแต่นั้นมา เกรซก็ไม่พยายามหนีอีกต่อไป เธอต้องการต่อสู้เพื่ออนาคตของลูกชายเธออย่างสุดกำลัง เพราะเธอปรารถนาให้ลูกชายเป็นผู้สืบทอดตระกูลฟอร์ดที่เหมาะสมและเป็นอย่างทางการ
นอกจากนี้ ฌอนยังเป็นผู้ชายคนเดียวที่เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ด้วย ลึก ๆ ในใจแล้ว เธอก็ยังคงรักเขาอยู่
นับจากนั้นเป็นต้นมา เกรซไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการแต่งงานอย่างเป็นทางการในครอบครัวฟอร์ด เพื่อที่ลูกชายของเธอจะได้เป็นผู้สืบทอดที่ถูกต้อง
เกรซยอมทุ่มทุกอย่างเพื่อเป็นราคาสำหรับสิ่งนั้น
เธออยู่ในเรือนจำเป็นเวลาสิบปีเต็ม
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ร่างกายของเธอก็อ่อนแอลง และก็มีอาการป่วยหลายอย่าง โดยเฉพาะตอนนี้ เธอเหลือเวลาอีกไม่มากในการมีชีวิตอยู่ ในที่สุดเธอก็ถูกยอมรับในตระกูลฟอร์ด
เธอจะไม่ร้องไห้ได้อย่างไร?
ถ้าเธอเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลฟอร์ด ลูกชายของเธอก็จะได้เป็นไปด้วย
จากนั้น ลูกชายของเธอก็จะไม่เป็นเด็กไร้หัวนอนปลายเท้าอีกต่อไป
ในที่สุด ปมใหญ่ในใจของเกรซก็ถูกคลายออกเสียที
ซาบริน่ารอให้ครอบครัวฟอร์ดออกไปก่อนจะเข้าไปในห้องผู้ป่วยของเกรซ เธอต้องการบอกลาเกรซ แต่จู่ ๆ เธอก็สังเกตเห็นว่าอาการของเกรซเริ่มแย่ลง
เกรซไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งเมื่อก่อนแทบจะไม่มีใครบอกได้เลยว่าเธอเป็นคนป่วย เมื่อสัมผัสหน้าผากของเธอ ซาบริน่าก็รู้ว่ามันร้อนมาก
หลังจากวัดอุณหภูมิของเธอแล้ว พวกเขาพบว่าป้าเกรซมีไข้มากกว่าสี่สิบองศา
ข้อสรุปของหมอคือ ก่อนหน้านี้เกรซยังยึดติดอยู่กับความปราถนาอยู่ แต่ตอนนี้เกรซได้เติมเต็มความสำเร็จนั้นแล้ว
ดังนั้นทันทีที่ความปราถนานั้นถูกเติมเต็ม เธอจึงโล่งอกและนั้นทำให้เธอมีอาการทรุดลง
คืนนั้นซาบริน่าอยู่กับเกรซจนถึงห้าทุ่ม เมื่อไข้ของเธอลดลงชั่วคราว เธอจึงออกจากโรงพยาบาล เพื่อขึ้นรถประจำทางกลับมาที่บ้านของเซบาสเตียน เมื่อถึงบ้านก็เป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว
เมื่อยืนอยู่หน้าประตู ซาบริน่ารู้สึกประหม่าอย่างมาก เธอก้าวออกไปข้างหน้าเป็นเวลากว่าสิบนาทีก่อนที่จะเปิดประตูและเดินเข้าไป
ทันทีที่ประตูเปิด เซบาสเตียนคว้าตัวซาบรินาผลักเธอไปชิดกำแพง
ซาบริน่ากลัวเสียจนราวกับร่างกายหดเล็กลงเป็นลูกบอลตามสัญชาตญาณ “คุณ... คุณกำลังทำอะไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โทษทัณฑ์พิพาทใจ
รออัพเดทค่ะ นานมาก...
รอการอัพเดทตอนต่อไปค่ะ ลุ้นทั้งเรื่อง สนุกมงมาก...