เมื่อเซบาสเตียนจ้องมอง ซาบริน่าก็ยิ้มอย่างเขินอาย
รอยยิ้มของเธอช่างจริงใจ เปล่งประกายด้วยความมีชีวิตชีวา
สำหรับงานวันนี้ของซาบริน่าราบรื่นมาก อาจเป็นเพราะแล็ปท็อปที่เซบาสเตียนมอบให้เธอ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของเธอเพิ่มมากขึ้น เมื่อเธอส่งแบบร่างให้นักออกแบบในสำนักงาน พวกเขาทั้งหมดตกตะลึงจนไม่มีคำใดออกมาจากปากเลย
พวกเขาล้วนแต่คิดว่าเธอเป็นคนที่ทำงานธรรมดา ไม่ได้โดดเด่นอะไร แม้กระทั่งคิดว่าเธอใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็น พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าเธอจะทำงานออกมาได้อย่างมืออาชีพ มันดีมากเสียจนแม้แต่ข้อความแจ้งรายละเอียดด้านข้างก็ดูมีประโยชน์อย่างมาก
ตั้งแต่วันนั้น นักออกแบบต่างก็ไม่กล้าที่จะมีข้อกังขาใด ๆ ต่อซาบริน่าอีก
เธอออกจากที่ทำงานก่อนเวลาเลิกงาน และมุ่งหน้าไปที่ห้องผู้ป่วยของป้าเกรซ ขณะที่ทั้งคู่คุยกัน ซาบริน่าบอกเกรซว่าเซบาสเตียนปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี ตลอดสองวันที่ผ่านมาเขาไม่เพียงซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ ให้เธอเท่านั้น แต่เขายังมอบแล็ปท็อปคุณภาพสูงอันน่าทึ่งเครื่องนี้ให้เธออีกด้วย
เกรซดึงมือของซาบริน่าขณะที่เธอยิ้ม “แซบบี้ แม่บอกหนูแล้วว่าลูกชายของแม่เป็นคนดี เขาอาจจะเป็นคนพูดน้อย แต่เขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบพอตัวเลยแหละจ่ะ แม่รับรองได้เลยว่า อีกไม่นานเซบาสเตียนจะค่อย ๆ ชอบหนูอย่างแน่นอน”
“ทำไมเหรอคะ?”
ซาบริน่าไม่รู้จริง ๆ
เธอครุ่นคิดเพื่อค้นหาคำตอบ ทำไมทัศนคติของเซบาสเตียนที่มีต่อเธอถึงเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ขนาดนี้?
เกรซพูดต่อไปว่า “เซบาสเตียนคาดหวังเป็นอย่างมากว่าจะพบใครสักคนที่เหมือนกับแม่ คนที่จะชอบงานออกแบบสิ่งปลูกสร้างเหมือนกับแม่ ถ้ามีผู้หญิงแบบนั้นจริง ๆ เขาคงจะชอบมากแน่ ๆ”
“นั่นอาจเป็นเพราะว่าเขามีชีวิตที่สุขสบายจากต่างประเทศและได้รับการศึกษาที่ดีมาเป็นระยะเวลายาวนาน ทั้งหมดนี้แม่ต้องขอบคุณงานออกแบบสิ่งปลูกสร้างที่แม่ทำให้คนอื่น ซึ่งทำให้แม่ได้เลี้ยงดูเขา และจ่ายค่าเล่าเรียนที่สูงลิ่วนั่นได้”
ซาบริน่าพูดไม่ออก
ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าทำไมเซบาสเตียนถึงเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อไปเธออย่างมาก
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมทันทีที่เธอเห็นเขาอีกครั้ง ซาบริน่าจึงรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอสดใส รอยยิ้มของเธอกับเซบาสเตียนที่มีต่อกันเป็นรอยยิ้มที่จริงใจ
เธอชื่นชมความใจดีที่เขามีให้เธอ ชื่นชมที่เขายกย่องความสามารถของเธอ เช่นเดียวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำให้กับเธอ
เมื่อมองย้อนกลับไปที่รอยยิ้มอันแสนหวานของซาบริน่า เซบาสเตียนก็ไม่ได้พูดอะไร
เขาไม่เคยพูดมาก
ซาบริน่าคุ้นเคยกับสิ่งนี้ดี เพียงแค่เธอรู้ว่าหัวใจของเขาไม่ได้เย็นชาอย่างที่เขาแสดงออกมาก็เพียงพอแล้ว
ทั้งสองต่างพูดคุยกับเกรซเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมง ป้อนข้าวให้เธอก่อนจะที่ออกไป เมื่อพวกเขาออกจากโรงพยาบาล และเดินมาถึงที่จอดรถ พวกเขาก็สังเกตเห็นว่าคิงส์ตันยืนอยู่ข้างรถแล้ว
ช่วงนี้อากาศค่อนข้างหนาวเย็น เมื่อเห็นคิงส์ตันรออยู่ด้านนอกรถและขยับเท้าไปมาพร้อมกับถูมือ ซาบริน่าหยิบที่อุ่นมือขนาดเล็กพอดีมือขึ้นมาจากกระเป๋า เธอก้าวไปข้างหน้าคิงส์ตันและยื่นให้กับเขาพร้อมกับรอยยิ้ม
“นี่ค่ะ”
คิงส์ตันพูดไม่ออก
ซาบริน่าตรงหน้าเขายิ้มกว้าง ทำให้เขานึกถึงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในโรงเรียนมัธยมปลาย คิงส์ตันตกตะลึงเล็กน้อย
นี่เป็นซาบริน่าคนเดียวกับที่มักแสดงท่าทางออกมาด้วยความเย็นชา ปราศจากความรู้สึกใด ๆ และเป็นดูผู้ใหญ่กว่าวัยใช่รึเปล่า? ซาบริน่าคนเดียวกับที่ไม่แยแสและห่างเหินกับทุกสิ่งอยู่เสมอ?
เธอเหมือนไม่ใช่คนแบบนั้นเลย
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาดูอบอุ่นและมั่นใจ
“ฉันสังเกตคุณมาหลายครั้งแล้ว คุณแตกต่างจากคนขับคนอื่น ๆ คนขับคนอื่น ๆ มักจะรอเจ้านายของพวกเขาอยู่ในรถ แต่คุณมักจะยืนรออยู่ข้างนอก รอคุณฟอร์ดและเปิดประตูให้กับเขา ฉันรู้ว่าคุณทุ่มเทให้กับงานมากเลยแหะ แต่ก็นะ ไม่ว่าคุณจะทุ่มเทกับงานแค่ไหนก็ตาม คุณก็ควรจะดูแลมือตัวเองด้วย” ซาบริน่ายิ้มหวานให้กับเขา
คิงส์ตันนึกคำพูดใดไม่ออกอีกครั้ง
เขาแตกต่างจากคนขับคนอื่น ๆ จริง คนขับคนอื่น ๆ จะรอเจ้านายอยู่ในรถ เพราะพวกเขาเป็นเพียงคนขับ ในทางกลับกัน เขาไม่ใช่แค่คนขับเท่านั้น เขายังเป็นบอร์ดี้การ์ดที่ใกล้ชิดและไว้ใจได้มากที่สุดของเซบาสเตียนอีกด้วย
นั่นเป็นเหตุผลที่เขายืนอยู่รออยู่นอกรถ ไม่ใช่แค่เพื่อรอเปิดประตูให้กับเซบาสเตียนเท่านั้น แต่เพื่อคอยปกป้องเขาอีกด้วย เขาไม่ได้สวมถุงมือแม้ว่าอากาศจะหนาว เพราะถ้าเขาต้องเจอใครซักคนที่ต้องการจะฆ่านายน้อยจริง ๆ เขาจะต้องถอดถุงมือก่อนถึงจะต่อสู้ได้
การสวมถุงมือทำให้ไม่คล่องตัวเท่าไหร่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โทษทัณฑ์พิพาทใจ
รออัพเดทค่ะ นานมาก...
รอการอัพเดทตอนต่อไปค่ะ ลุ้นทั้งเรื่อง สนุกมงมาก...