ความจริงหนนี้นางถานเองก็รู้สึกว่า บุตรชายของตนทำเกินไปหน่อย เพราะก่อนหน้านี้คนทั้งตระกูลฉีไม่เคยมีผู้ใดได้ยินเรื่องราวของอีกฝ่ายกับองค์หญิงท่านนั้นมาก่อน แล้วหรงจือจือจะเป็นฝ่ายขอเป็นอนุภรรยาด้วยตนเองได้อย่างไร?
ทว่าบุตรชายกำลังต้องโทษหลอกลวงเบื้องสูง เอ่ยวาจาเหล่านี้ออกมาต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท หากหรงจือจือไม่ยอมรับ แม้ฝ่าบาทจะมิได้ตัดสินโทษสถานหนักกับจื่อฟู่ แต่ก็เกรงว่าจวนซิ่นหยางโหว จะสูญเสียความไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้ไป
นางจึงหันขวับมองไปทางหรงจือจือทันที คว้ามือของนางไว้พลางเอ่ยยิ้ม ๆ “จือจือ เจ้าเคยเอ่ยเรื่องนี้กับข้ามาก่อนแล้วมิใช่หรือ ถึงแม้เจ้าจะไม่เต็มใจ แต่เพื่อจื่อฟู่แล้ว ก็จำใจต้องยอมรับ”
“เจ้าก็เป็นคนมีเมตตาและคุณธรรมเช่นนี้มาตลอด เจ้าวางใจเถิด หลังจากนี้แม้เจ้าจะเป็นอนุ แต่สิ่งใดก็ตามที่เจ้าพึงมีในยามนี้ แม้จะไม่ให้เจ้าต้องขาดแม้เพียงสักอย่าง!”
นางถานออกแรงบีบไปที่มือเล็กน้อย นี่เป็นการเตือนหรงจือจือว่า จงให้ความสำคัญกับสถานการณ์โดยรวม จงเห็นแก่จวนโหวเป็นสำคัญ
หรงจือจือฟังวาจาของนางถานจบแล้ว ยิ่งไม่อยากเชื่อหูตนเอง
สุขภาพของนางถานไม่สู้ดีนัก และร่างกายมักจะอ่อนแรงครึ่งซีกอยู่เป็นประจำ ตลอดสามปีที่นางอาศัยอยู่ในจวนซิ่นหยางโหว ก็คอยบีบนวดฝังเข็มให้นางทุกวัน จนมือทั้งสองข้างหยาบกระด้างไปไม่น้อย ทว่าพอมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น นางถานไม่แม้แต่จะห้ามปรามบุตรชาย แต่กลับขอให้ตนเองยอมรับเรื่องนี้แทนหรือ?
สายตาของนาง เหลือบมองไปยังซิ่นหยางโหวโดยสัญชาตญาณ
แล้วพ่อสามีของนางเล่า จะคิดเห็นอย่างไรบ้าง?
ซิ่นหยางโหวเป็นสหายคนสนิทของท่านพ่อ และเป็นเพราะพวกเขาสองคน ที่จับคู่ให้ตนเองและฉีจื่อฟู่เป็นคู่หมั้นกันตั้งแต่แบเบาะ
หัวคิ้วของซิ่นหยางโหวบัดนี้ก็กำลังขมวดแน่นเช่นกัน เขาคิดไม่ถึงเลยว่าบุตรชายของตนเอง จะทำอะไรโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมาเช่นนี้นี้!
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เพื่อไม่ให้จวนโหวถูกฝ่าบาททอดทิ้ง เขาก็เอ่ยปากขึ้นทันที “จือจือก็มีคุณธรรมเช่นนี้ หลังจากนี้แม้ภรรยาเอกในเรือนจะเป็นองค์หญิงจากแคว้นต้าเจา ทว่าข้าก็จะกำชับให้ทุกคน ใช้ระเบียบมารยาทที่พึงปฏิบัติต่อภรรยาเอกปฏิบัติต่อจือจือ องค์หญิงแคว้นเจาท่านนั้นจะเป็นภรรยาเอกเพียงแค่ในนาม ส่วนเรื่องอื่น ล้วนเป็นของจือจือเช่นเดิม!”
หรงจือจือฟังจบก็หัวเราะออกมา ครอบครัวนี้ ก็แค่ต้องการสังเวยนางเพียงหนึ่งคน เพื่อรับผิดชอบต่อความไร้หัวใจและความไม่ซื่อสัตย์ของฉีจื่อฟู่ รวมถึงคำพูดไร้สาระของเขา ที่เอ่ยออกมาต่อหน้าพระพักตร์ในยามนี้เท่านั้น!
นางหลับตาลงและหายใจลึก ๆ
หลังจากไตร่ตรองแล้วครู่หนึ่ง นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยความเยือกเย็น
ตลอดชีวิตของนางเสมือนเดินบนแผ่นน้ำแข็งบาง เพื่อชื่อเสียงของสกุลหรงและตนเองแล้ว ไม่กล้าย่างเท้าก้าวพลาดแม้แต่ก้าวเดียว จะเรื่องใดล้วนแต่ใคร่ครวญเพื่อสกุลฉีก่อนทุกเรื่อง น้อยนักที่จะคิดถึงตนเอง จนท้ายที่สุดก็ได้ชื่อว่าเป็นคนมีเมตตาคุณธรรม แต่วันนี้กลับต้องมาลงเอยเช่นนี้แล้ว
ช่างน่าเศร้า ช่างน่าขันเสียนี่กระไร!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สะใภ้ใหญ่ผู้ทรงคุณธรรมนี้ นางไม่ขอเป็นแล้ว!
นางหยัดกายขึ้นและเดินไปข้างกายฉีจื่อฟู่ ก่อนจะคุกเข่าลงข้างเขา
น้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยน เอ่ยปากออกมาด้วยความสัตย์จริงและแน่วแน่ “ฝ่าบาทเพคะ อาจเพราะสามีและแม่สามีของหม่อมฉันดื่มสุราหนักไป ฉะนั้นจึงจำเรื่องราวผิดไปเพคะ ที่ท่านพี่เคยบอกกับหม่อมฉันไว้ก่อนหน้านี้ คือจะให้องค์หญิงพระองค์นั้นเป็นอนุเพคะ หม่อมฉันจึงตอบรับปากไป หากให้นางเป็นภรรยาเอก หม่อมฉันไม่มีทางตกปากรับคำอย่างเด็ดขาดเพคะ!”
“บิดาของหม่อมฉัน เป็นมหาราชครูในรัชสมัยปัจจุบัน เป็นอาจารย์ของฮ่องเต้องค์ก่อน หม่อมฉันในฐานะบุตรีของบิดา จะยอมลดขั้นด้อยค่าตนเอง ลงไปเป็นเพียงอนุภรรยาได้อย่างไรเพคะ?”
“จะว่าไป ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสามีและแม่สามีฟังอะไรพลาดไป ถึงได้เข้าใจความหมายของหม่อมฉันผิด จนกระทำเรื่องน่าขายหน้าเช่นนี้ออกมา! ขอฝ่าบาทได้โปรดเมตตา เห็นแก่คุณูปการที่คราวนี้ท่านพี่คว้าชัยกลับมาสำเร็จ ยกเว้นโทษที่ท่านพี่เสียมารยาทต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาทด้วยเถิดเพคะ!”
นางจะไม่ทำเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ที่ไม่ว่าเรื่องใดล้วนบอกว่าเป็นความผิดของตนเอง แบกเอาความรับผิดชอบทั้งหมดเอาไว้ และจะไม่เก็บความรู้สึกเอาไว้ในใจ ไม่พูดออกมาเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
แต่กลับชี้ชัดไปเลยว่าเป็นฉีจื่อฟู่และมารดาของเขาที่ทำผิด ดื่มสุราหนัก มิหนำซ้ำยังชี้ชัดลงไปเลยว่าฉีจื่อฟู่ก้าวล่วงเสียมารยาทต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท
ทว่าความ “ไร้คุณธรรม” ของนางในครั้งนี้ ทำให้หลายคน ณ ที่แห่งนี้ไม่อาจตำหนินางออกมาได้เต็มปาก ไม่ว่าใครเมื่อได้ฟังถ้อยคำนี้ของหรงจือจือ ย่อมรู้ว่าครอบครัวซิ่นหยางโหวไร้ยางอาย บีบบังคับให้ลูกสะใภ้จำต้องยอมเอ่ยปากว่าขอลดขั้นเป็นอนุด้วยตนเอง
คำพูดนี้ทำให้สายตาของทุกคนที่มองมายังครอบครัวซิ่นหยางโหว ล้วนเจือด้วยความดูแคลนเหยียดหยาม
ยิ่งเมื่อก่อนหรงจือจือมีชื่อเสียงในเมืองหลวงดีเพียงใด และทุ่มเททำเพื่อจวนซิ่นหยางโหวไว้มากเพียงใด บัดนี้ทุกคนจะยิ่งชิงชังรังเกียจพวกเขาทั้งครอบครัวมากขึ้นเพียงนั้น
ตอนนี้เอง
ฉีจื่อฟู่รีบท้วงอย่างร้อนรน “แต่ว่าฝ่าบาท องค์หญิงม่านหวาตั้งครรภ์เลือดเนื้อเชื้อไขของกระหม่อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ทันใดนั้นเอง ทั่วทั้งท้องพระโรงพลันเงียบกริบ
หากว่าฉีจื่อฟู่เพียงชมชอบอวี้ม่านหวา ก็มิใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร หากไม่เห็นชอบแค่ปฏิเสธไปก็สิ้นเรื่องแล้ว ทว่าองค์หญิงของแคว้นเจาในอดีตมีพระครรภ์แล้ว ก็มีแต่ต้องจัดพิธีอภิเษกสมรสขึ้นเท่านั้น!
เพียงแต่ปัญหาอยู่ที่ว่าจะเป็นภรรยาเอกหรืออนุ…
เรื่องนี้ทำให้พระชายาอ๋องเฉียนและนางจาง ต่างไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี เรื่องเกี่ยวพันถึงท่าทีต่อองค์หญิงของแคว้นสิ้นเอกราช กับผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าของแคว้นเจาในอดีต ถือเป็นเรื่องของรัฐ พวกนางสอดปากเข้าไปได้ที่ไหน?
เสี้ยวขณะนั้นสายตาของทุกคนที่มองมายังหรงจือจือ ล้วนเปลี่ยนไปเป็นความสงสาร
ท้ายที่สุดแล้วหากต้องวางแผนแก้ปัญหาเพื่อประเทศชาติจริง ๆ ก็เกรงจะทำให้แม่นางคนนี้ต้องน้อยเนื้อต่ำใจแล้ว
ฮ่องเต้หย่งอันได้ยินมาถึงตรงนี้ สายตาที่มองฉีจื่อฟู่ ก็เยือกเย็นขึ้นมาทันที “เจ้าบังอาจหมั้นหมายกับองค์หญิงแห่งแคว้นสิ้นเอกราชเองอย่างลับ ๆ งั้นหรือ?”
ต่อให้อวี้ม่านหวาคนนั้นควรจะต้องได้รับการดูแลอย่างดี และต้องเข้าพิธีสมรสอย่างที่ควรเป็น ก็ควรจะต้องจัดการตามคำบัญชาของตนเท่านั้น ใช่จะปล่อยให้ฉีจื่อฟู่ทำตามใจจนเรื่องราวลุกลามใหญ่โตเพียงนี้ได้ที่ไหน?
ฉีจื่อฟู่โขกศีรษะน้อมรับความผิด “กระหม่อมสมควรตาย กระหม่อมเลอะเลือนไปชั่วขณะพ่ะย่ะค่ะ!”
บัดนี้นางถานถลึงตาจ้องหรงจือจืออย่างเอาเรื่อง ทั้งหมดเป็นความผิดของนาง! หากว่าก่อนหน้านี้นางยอมรับว่าจะเป็นอนุ บุตรชายหรือจะเอ่ยเรื่องที่อวี้ม่านหวาตั้งครรภ์ออกมา ทำให้ฝ่าบาททรงกริ้ว?
ไม่หัดเข้าใจสถานการณ์บ้างเลย!
ทุกคนต่างบอกว่าได้ลูกสะใภ้แบบนี้นับว่าตนเองช่างมีวาสนา แบบนี้มีวาสนากับผีสิ!
ซิ่นหยางโหวลุกขึ้นยืนเพื่อปกป้องบุตรชายทันที เขาคุกเข่าลงพลางร้องอ้อนวอน “ฝ่าบาท เรื่องมาขั้นจุดนี้แล้ว แม้จะไม่เป็นธรรมต่อจือจือ แต่เพื่อส่วนรวมแล้ว ฝ่าบาทได้โปรดระงับโทสะเถิดพ่ะย่ะค่ะ แม้ไม่เห็นแก่สามีของตนเอง แต่เพื่อประเทศชาติแล้ว อย่างไรจือจือก็ยินดีจะสละตำแหน่งนี้ด้วยความเต็มใจแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น