C h a p t e r 18
เรียวกลับมานั่งที่ ด้วยท่าทีเหม่อลอย สมองวนเวียนแต่คำพูดของเขาทั้งที่แต่ก่อนแทบไม่เคยเก็บเอามาคิดด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเพราะหวั่นไหวหรือเพราะอะไรกันแน่
แต่…เธอจะหวั่นไหวกับเขาไม่ได้ มันเป็นหลุมพรางที่มีแต่อันตราย ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ เธอก็อดใช้สายตาเหลือบมองไปยังเก้าอี้ตรงนั้นไม่ได้
ทำไมเขายังไม่กลับมาอีกล่ะ
พอลสันยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ริมระเบียงจุดเดิม สายตาจ้องมองไปยังผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาในโรงแรมด้วยชุดสูทสีขาวราคาแพง รอยยิ้มที่เหมือนจะจริงใจแต่ใครจะรู้ ว่าเขาแค่กำลังใส่หน้ากากใบหน้าอ่อนโยนเท่านั้น การมาของชายคนนี้ทำให้พอลสันขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม
"เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่" พอลสันเอ่ยปากถามเชนที่ยืนอยู่ข้างหลัง เชนก้าวมาข้างหน้าเพื่อมองตามสายตาของเจ้านาย
"อาทิตย์ที่แล้วครับ"
"กับใคร"
"คนเดียวครับ"
"มาทำอะไร"
"พักผ่อนครับ แต่ผมว่าเป้าหมายน่าจะเป็นใครสักคนในงานวันนี้" เขาไม่คิดว่าการปรากฏตัวของผู้ชายคนนั้นจะมาเพื่อพักผ่อน มันต้องมีอะไรสักอย่างและไม่ว่าพวกมันจะมาทำอะไรที่นี่ เขาจะต้องรู้ให้ได้…
"จับตาดูไว้ให้ดี ว่าพวกมันต้องการจะทำอะไร"
"ครับ" พอลสันเอ่ยปาก สายตายังคงจ้องมองชายชุดขาวไม่วางตา เขาบี้บุหรี่ลงที่เขี่ยบุหรี่ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในงานด้วยสีหน้าเรียบเฉย
แต่ยังไม่ทันจะเดินพ้นผ่านประตูกระจก ก็ได้ยินเสียงเรียกของใครคนหนึ่งพอดี
"คุณพอลสันครับ" ชายวัยกลางคนอายุ 75 ปี เดินเข้ามาทักด้วยรอยยิ้มพร้อมกับหญิงสาวข้างกาย "ไม่คิดว่าคุณจะมาด้วย ผมเลยไม่ได้เตรียมต้อนรับคุณให้ดีกว่านี้ ขอโทษด้วยครับ"
"ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้คิดว่าจะมาอยู่แล้ว"
คุณชายหนึ่งรู้ดีกับนิสัยของเขาที่เป็นคนพูดตรงอยู่แล้ว จึงไม่คิดจะถือสาหาความอะไร การที่เจอเขาในงานวันนี้ถือได้ว่าเป็นเกียรติมากแล้ว
ถึงแม้เขาจะเป็นนักธุรกิจที่ได้รับมรดกตกทอดมาจากครอบครัว แต่ก็ยังต้องพึ่งพาเงินทองจากนักลงทุนทั้งหลาย รวมถึงผู้ชายคนนี้ด้วย นี่คือชายหนุ่มที่หาทางจับได้ยาก การจะเจอเขาก็เสมือนงมเข็มในมหาสมุทร เพราะฉะนั้น นี่จึงเป็นโอกาสดีสำหรับหลานสาวคนโปรดของเขา
คุณชายหนึ่งผลักหญิงสาวข้างกายให้เดินนำไปข้างหน้า ก่อนจะเอ่ย
"นี่คือหลานสาวผม เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ชื่ออ้ายหนี่ เธอชื่นชอบคุณมากเลยครับ"
พอลสันหันไปมองหญิงสาวร่างเล็กในชุดราตรีสีขาวสายเดี่ยว มีมงกุฎดอกไม้อยู่บนหัว มันเข้ากับเธอเพราะดูน่ารักดี แต่สำหรับเขา มันกลับไม่ได้ดูน่าสนใจเลยสักนิด รู้สึกแค่เหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น
"อ้ายหนี่ได้ยินชื่อเสียงของคุณพอลสันมานาน วันนี้ได้เจอตัวจริงถือเป็นวาสนามากเลยค่ะ" เธอพูดด้วยท่าทีเขินอายมือบิดไปมา หลุบสายตาลง ไม่กล้าสู้สายตาของชายหนุ่มที่กำลังมองอยู่
พอลสันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามลองเชิง
"โด่งดังในเรื่องไหนกันครับ" หญิงสาวมีความรู้สึกคล้ายกับว่าชายหนุ่มกำลังพูดเล่นหยอกเย้า ยิ่งทำให้เธอทำตัวไม่ถูก
"กะ...ก็...เรื่องธุรกิจที่คุณทำ แล้ว…แล้ว ก็อะไรหลายๆ อย่างที่เกี่ยวกับคุณ อ้ายหนี่นับถือคุณมากเลยค่ะ" เธอเคยได้ยินใครหลายคนพูดถึงเขามานาน ทั้งตอนที่อยู่ต่างประเทศหรือตอนที่กลับมาที่นี่แล้ว ตอนแรกเธอคิดว่าคุณพอลสันคือตาแก่หัวล้าน ที่เดินแทบไม่ไหว แต่ที่ไหนได้…
ตอนที่ได้อ่านนิตยสารฉบับหนึ่ง เขียนถึงเรื่องราวการทำงานของผู้ชายคนนี้ ทำให้รู้ว่า แท้จริงแล้ว เขาคือเทพบุตรต่างหาก
พอลสันยกยิ้มให้เป็นมารยาทก่อนจะเอ่ย
"ขอบคุณมากครับ"
"หลานสาวผม บ่นให้ฟังว่าอยากเจอคุณมานานแล้ว วันนี้ได้มาเจอ ดูท่าคงนอนไม่หลับเลยครับ" คุณชายหนึ่งส่งสายตาแซวหลานสาวที่มีสีหน้าแดงระเรื่ออย่างทีเล่นทีจริง
"ไม่ใช่สักหน่อย" หญิงสาวก้มหน้าลงด้วยความเขินอายพลางเหลือบสายตามองปฏิกิริยาของชายหนุ่มตรงหน้าไปด้วย
"อ้ายหนี่เป็นคนขี้อาย คุณพอลสันอย่าใส่ใจเลยนะครับ" คุณชายหนึ่งพูดเอ่ย
"ก็ดูน่ารักดีครับ" ความหมายของเขาคือ เธอดูเป็นหญิงสาวที่น่ารักดี ไม่ได้มีเจตนาจะพูดในทำนองเชิงชู้สาวอะไร
แต่คำพูดกำกวมของเขา กลับทำเอาหญิงสาวยืนนิ่งหัวใจเต้นแรงไม่สามารถขยับไปไหนได้
คุณชายหนึ่งเห็นหลานสาวมีอาการประหม่าและเขินอาย ก็ยิ้มเยาะอยู่ในใจ ใครหลายคนได้เห็นหลานสาวของเขา ก็มักจะเอ็นดูและตกหลุมรักเธอง่ายๆ นั่นคงไม่ได้เป็นข้อยกเว้นสำหรับผู้ชายคนนี้หรอกมั้ง
"หนูช่วยต้อนรับคุณพอลสันให้ปู่ที ปู่ลืมว่าต้องไปเอาของที่รถ อย่าลืมเวลาขึ้นเวทีด้วยล่ะ"
“ค่ะ” เธอพยักหน้าหงึกหงักเป็นการตอบรับ คุณชายหนึ่งตบไหล่เธอเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจก่อนจะเดินจากไป
เหลือแค่ชายหนุ่มกับเธอที่ยืนต่างคนต่างมองกันอยู่
"คุณพอลสัน ทานอะไรหรือยังคะ"
"ครับ"
ครับ? ครับหมายความว่ายังไง ทานแล้วหรือยังไม่ได้ทาน
เธอมองดูริมฝีปากของเขาเพื่อหวังให้ได้ยินเขาตอบกลับมาอีกครั้ง แต่...เขากลับยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไรต่อ บางทีอาจเป็นเพราะเขาพูดไม่ค่อยเก่ง ทำให้ไม่รู้จะคุยอะไรกับเธอก็ได้
"วันนี้คุณพอลสันว่างถึงได้มาเหรอคะ" คำถามชวนคุยของหญิงสาวตรงหน้าดูโง่มากในสายตาเขา ถ้าไม่ว่างเขาจะมาที่นี่ทำไม ถึงแม้ว่าใจจริงจะไม่อยากมาก็ตาม
"ใช่ครับ"
"วันนี้อ้ายหนี่มีเดินแบบชุดฟินาเล่ชุดสุดท้าย หวังว่าคุณพอลสันจะอยู่จนงานจบนะคะ"
"ถ้าไม่มีอะไร ก็คงจะอยู่จนจบ"
“ดีใจจัง อ้ายหนี่คิดว่าชาตินี้คงไม่มีหวังจะได้เจอกับคุณเสียแล้ว”
“ก็คงจะเป็นอย่างนั้น”
“คือ…เรา...เข้าไปในงานกันดีไหมคะ"
"ดีครับ" พอลสันพูดจบก็เดินไปเปิดประตูกระจกเพื่อกลับเข้างาน
ปึก!
แต่ด้วยความเคยชิน เขาจึงไม่ได้แสดงการกระทำแบบสุภาพบุรุษพึงกระทำ ทำให้ประตูโดนหน้าผากหญิงสาวที่กำลังเดินตามหลังออกมาอย่างแรง
เหล่าเซลิบริตี้และบุคคลที่มีชื่อเสียงยังคงเดินแบบเพื่อให้ทุกคนได้ประมูลกระเป๋ากับเครื่องเพชรอย่างต่อเนื่อง สักพักก็มาถึงช่วงของจัสมิน กำลังเดินออกมาด้วยท่วงท่าของนางแบบที่เต็มไปด้วยความมั่นใจอยู่บนเวที
แต่...มันจะไม่มีอะไรเลยถ้าของในมือที่เธอถืออยู่ ไม่ใช่กระเป๋า...
นั่นๆๆ มันกระเป๋า Chanel’ s Diamond Forever ของฉันนี่นา!!!
ฟรึ่บ!
เรียวลุกขึ้นยืนและจ้องมองไปที่กระเป๋าลูกรักของเธอบนเวที จัสมินเห็นเรียวที่กำลังทำหน้าเขียวคล้ำด้วยความโกรธก็รีบส่งสัญญาณให้ภัทรผู้จัดการส่วนตัวช่วยกันหญิงสาวไว้ก่อน
"นะ...น้องเรียวคะ"
"นี่มันอะไรกัน"
"เรียว...หนูจะทำอะไรลูก" ริวเห็นความผิดปกติของลูกสาวก็เอ่ยถามขึ้น
"นั่นมันกระเป๋า Chanel’ s Diamond Forever ที่มีแค่ 13 ใบบนโลกนิ" คุณหญิงคุณนายที่นั่งอยู่รอบข้างเริ่มส่งเรียงฮือฮาเมื่อเห็นกระเป๋าใบนั้นของเธอ
"ใช่ๆ คุณหญิงน่าประมูลมากค่ะ"
พิธีกรเดินขึ้นเวทีด้วยใบหน้าเปล่งประกาย พลางมองผู้คนในห้องโถงใหญ่ที่กำลังมีท่าทีตื่นเต้น
"มาที่กระเป๋า Diamond Forever ของชาแนลใบนี้กันดีกว่าค่ะ เป็นรุ่น Limited Edition ที่ผลิตออกมาเพียง 13 ใบเท่านั้นค่ะ ทำมาจากหนังจระเข้ชั้นดี และประกอบด้วยเพชรทั้งหมดรวมกว่า 334 เม็ด รวมได้เป็น 3.65 กะรัต และสายสะพายก็ทำมาจากทองคำขาวทั้งเส้น กระเป๋าใบนี้เป็นของคุณจัสมินที่นำมาประมูล จะขอเปิดประมูล ด้วยราคา 1 ล้านบาทนะคะ จะนับราคาทีละ 1 ล้านบาทค่ะ เริ่มประมูลได้เลยค่ะ...คุณหญิงแม้นให้ 2 ล้านบาทค่ะ!!! มีใครอีกไหมคะ...คุณหญิงเปิ้ล 3 ล้านค่ะ อ๋อให้ 4 ล้านเลย คุณหญิงเปิ้ลให้ 4 ล้านค่ะ!!! มีใครประมูลอีกไหมคะ"
เรียวกำลังจะเดินไปริมเวทีเพื่อหวังจะพังการประตูในครั้งนี้ แต่ก็โดนภัทรผู้จัดการส่วนตัวของจัสมิน ลากออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
เมื่อถูกดึงออกมาข้างนอก เธอก็สะบัดมือออกและจ้องหน้าภัทรอย่างเอาเป็นเอาตาย
"นี่มันอะไรกัน!! กระเป๋าของเรียวทำไมไปอยู่บนเวที!! "
"คือ...น้องเรียวใจเย็นๆ ก่อนนะคะ"
"ให้ใจเย็นอะไรอีก!! นักแสดงของพี่กำลังจะทำอะไรกันแน่"
"คือ...น้องจัสมินอยากเดินแบบแต่ไม่มีของมาประมูลค่ะ ก็เลยใช้กระเป๋า..."
"แต่นั่นมันของเรียว!!! ไม่มีสิทธิ์มาใช้ของคนอื่นแบบนี้!!! พี่ก็รู้ว่ามันสำคัญกับเรียวมาก"
"พี่รู้ค่ะ แต่น้องจัสมินแค่ยืมไปก่อน..."
"ยืมก็คือยืม!! ต้องเอามาคืนเจ้าของ!! แล้วตัวเองอยากจะเรียกร้องความสนใจจากคนในงานด้วยการใช้ของคนอื่นแบบนี้นะเหรอ!! "
"น้องจัสมินบอกว่าจะใช้ชื่อแม่ของเพื่อนเป็นคนประมูลค่ะ จากนั้นก็จะใช้เงินตัวเองเป็นคนจ่ายแล้วก็จะนำกระเป๋ามาคืน...น้องเรียวคะ พี่พูดอะไรไม่ได้น้องก็รู้ พี่เคยห้ามแล้ว แต่…แต่น้องจัสมินอยากเดินแบบมาก…"
"แล้วถ้ามีคนอื่นมาประมูลตัดหน้าไปจะทำยังไง!! เรียวไม่ต้องเสียกระเป๋าเลยเหรอ!! ทำอะไรทำไมไม่คิดให้ดีกว่านี้ก่อน!! " สีหน้าและน้ำเสียงของเรียว ทำให้ภัทรเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูก
"มะ...ไม่หรอกค่ะ" ภัทรเองก็เริ่มไม่มีความมั่นใจเหมือนกัน…
“เหอะ!!” เรียวหมดคำจะพูด แค่นเสียงในลำคอแล้วเดินกลับมานั่งที่
การกระทำของหญิงสาวอยู่ในสายตาของพอลสันตลอดเวลา ไม่ว่าบนเวทีจะพูดอะไร เขาก็ยังคงใช้สายตาแน่วแน่นั่งมองเรียวด้วยสายตาคู่เดียว
"กระเป๋าสวยจัง" อ้ายหนี่นั่งอยู่ พลางบ่นพึมพำเมื่อเห็นกระเป๋าใบสวยที่ตัวเองเคยคิดจะซื้อ แต่สุดท้ายก็ไม่ทันคนอื่น ทำให้พลาดไป ไม่นึกว่าจะมีคนเอามาประมูลที่นี่
ขณะเดียวกันเชนก็เดินเข้ามากระซิบข้างหูพอลสันเบาๆ เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่งก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ หันไปหยิบแผ่นป้ายประมูลของเจคขึ้นมายก
"คุณเจค 8 ล้านค่ะ มีใครให้ราคามากกว่านี้ไหมคะ" เจคตาโต หันไปมองชายหนุ่มข้างกายด้วยสีหน้าตกใจ
"เอ่อ...ฉันไม่คิดจะประมูลกระเป๋านะมายเฟรนด์"
“…” พอลสันไม่ได้ตอบอะไร ยังคงมีสีหน้าเย็นชา ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างอะไรสักเท่าไหร่
อ้ายหนี่นั่งอยู่ข้างๆ เขามีท่าทางงุนงงที่ชายหนุ่มเลือกประมูลกระเป๋าราคาแพง ทั้งที่เขาไม่น่าจะชื่นชอบหรือนำไปใช้ได้ นอกจาก…
เขาจะซื้อกระเป๋าเป็นของขวัญให้ใคร แต่ ไม่เคยได้ยินว่าเขามีแฟนนี่นา ไม่อย่างนั้นก็อาจจะเป็นเพราะได้ยินเธอบ่นว่ากระเป๋าใบนี้สวยถึงได้ประมูลให้เธอหรอกใช่ไหม
หญิงสาวใช้สายตาหันไปมองเขาอย่างสงสัย ผู้ชายอะไรเห็นแค่ด้านข้างก็ทำให้ใจเต้นแรงแล้ว
"คุณหญิงแม้น 9 ล้านค่ะ ตอนนี้ราคาเกินกว่าราคากระเป๋าแล้วนะคะ มีใครจะประมูลเพิ่มอีกไหมคะ"
"คุณหญิงแม้นคือแม่ของเพื่อนน้องจัสมินค่ะ" ภัทรกระซิบข้างหูเรียว เพื่อพยายามโน้มน้าวให้เธอใจเย็น
“…” เรียวหัวใจเต้นเร็ว ฝ่ามือบางกำหมัดแน่นด้วยความหวาดระแวง กลัวเหลือเกินว่ากระเป๋าจะถูกคนอื่นประมูลไปก่อนที่ตัวเองจะได้คืน แล้วยิ่งคุณพอลสันใช้เงินประมูลในครั้งนี้ด้วย ก็ยิ่งแล้วไปใหญ่
"คุณเจค 10 ล้านค่ะ!! คุณหญิงแม้น 11 ล้านค่ะ!! มีใครจะเพิ่มเงินอีกไหมคะ!! "
จัสมินเริ่มมีสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะราคาเริ่มเพิ่มมากขึ้นกว่าเงินที่เธอสำรองไว้ ถ้ามันมากกว่านี้ดูท่าจะไม่ไหวแน่
"คุณเจค 12 ล้านแล้วค่ะ!! ราคาสูงมากเลยนะคะ!! มีใครจะให้อีกไหมคะ!! "
เรียวยกมือขึ้นปิดหน้าเพื่อปกปิดสีหน้าความเจ็บปวด ความเสียใจ ที่กำลังแสดงออกมา ราคามากมายขนาดนี้ใครจะไปสู้ไหว ลูกรักของเธอกำลังจะตกเป็นของคนอื่นแล้ว…
"นับ 1 นับ 2...คุณไลม์ 13 ล้านค่ะ" ชื่อบุคคลมาใหม่ทำให้เรียวเงยหน้าขึ้นมาดูว่าใครมาประมูลทับคุณพอลสัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: [Paulson] พอลสัน : รักให้จำ