บาดเจ็บสาหัสแล้ว!
ชั่วขณะนี้พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬตกใจจนจิตวิญญาณแทบหลุด ไม่กล้าคิดมากอีก เปลี่ยนเป็นเงามืดที่ใกล้เคียงมายา ทลายอากาศออกไป
วู้ม!
สายธนูสีแดงราวกับเลือดของธนูวิญญาณไร้แก่นสารง้างจนตึงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่ได้ยิงออกมา
ก็เห็นสองแขนของจ้าวจิ่งเซวียนสั่นเล็กน้อย ใบหน้างามขาวซีด ไอสังหารที่ทะลักล้นกำลังโจมตีร่างกายของนาง
นางเก็บคันธนูและศรที่แปลกประหลาดตะลึงโลกคู่นี้ลงอย่างไม่ลังเล
ก่อนหน้านี้ตอนที่เอาชนะหนิวเจิ้นอวี่ นางใช้ลูกศรและคันธนูคู่นี้ ยามเล่นงานพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬก็ใช้สองครั้งติด
แม้สามารถเอาชนะหนิวเจิ้นอวี่และพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬได้ในคราเดียวจนอีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสหนีไป แต่ก็ทำให้จ้าวซิงเย่สะบักสะบอมไม่น้อย
“น่าเสียดาย…”
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ มองทิศทางที่พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬหนีไป เสียดายและตกใจเล็กน้อย
อานุภาพของธนูวิญญาณไร้แก่นสารและศรแห่งนภาครามทำให้อริยะแท้อย่างนางสามารถง้างได้เพียงสามครั้ง นี่น่าตกใจเกินไปจริงๆ
“แต่สุดท้ายพวกเขาก็บาดเจ็บสาหัสแล้ว”
ห่างออกไปหลินสวินเคลื่อนตัวกลางอากาศเข้ามา สีหน้าผ่อนคลาย
“ก็จริง ตามที่ข้าคาดเดา บาดแผลที่หนิวเจิ้นอวี่และพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬได้รับในครั้งนี้ ไม่สามารถฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ภายในหนึ่งปีครึ่งปีแน่ ช่วงนี้ข้าจะทุ่มสุดความสามารถ ไปจัดการเจ้าเฒ่าสองคนนั่นซะ!”
ในดวงตากระจ่างของจ้าวซิงเย่มีไอสังหารพวยพุ่ง
หลินสวินพูด “นี่เป็นโอกาสทองในการถอนรากถอนโคนค่ายพ่อมดเถื่อนและพันธมิตรหมื่นเผ่าจริงๆ ขอรับ”
“จะว่าไป ครั้งนี้ก็ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากสมบัติของเจ้า”
สายตาของจ้าวซิงเย่มองไปทางหลินสวิน บนใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติปรากฏรอยยิ้ม ยกมือคืนขวดมหามรรคสุดหยั่ง ธนูวิญญาณไร้แก่นสารและศรแห่งนภาครามให้หลินสวิน
……
ภูเขาเมฆาคราม ค่ายทัพจักรวรรดิ
ดวงตะวันทอแสง
ผู้แข็งแกร่งทุกคนในค่ายล้วนเฝ้าอยู่หน้าประตูค่าย รอคอยอยู่เงียบๆ ไม่มีใครจากไป
“ศึกถกมรรคครั้งนี้ ก็ไม่รู้ว่าจักรวรรดิของเราพลิกสถานการณ์ได้หรือไม่…”
หลายคนต่างคุยกันเสียงเบา บรรยากาศค่อนข้างกดดันและตึงเครียด
หนิงเหมิงและเย่เสี่ยวชีเองก็อยู่
แม้ทั้งสองจะมั่นใจในตัวพวกหลินสวิน หลี่ตู๋สิงอย่างที่สุด ทว่าท่ามกลางเวลาที่ล่วงเลยไป ทั้งสองก็มีความกังวลเล็กน้อย กลัวแต่ว่าสิ่งที่กลับมาจะเป็นข่าวร้าย เช่นนั้นต้องส่งผลกระทบต่อค่ายจักรวรรดิมากแน่
“กลับมาแล้ว!”
ทันใดนั้นมีคนตะโกนอย่างตื่นเต้น
ฟุ่บ!
ทุกคนหยุดการกระทำในมือแล้วลุกขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน สายตามองไปไกลๆ
ก็เห็นในอากาศยานสำเภาลำหนึ่งทะลวงอากาศมา ผู้นำคือจ้าวซิงเย่ ข้างหลังของนางคือพวกสืออวี่ หลี่ตู๋สิง
“รอดกลับมาแล้ว!”
“ฮ่าๆ ชนะแล้ว! ชนะแล้ว!”
ในค่ายเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังระเบิดระลอกหนึ่ง ก้อนหินที่กดอยู่ในใจทุกคนร่วงหล่นลง เผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจอย่างมาก
ขอเพียงแค่มีคนรอดกลับมา ก็หมายความถึงชัยชนะ!
เพราะใครก็รู้ว่าหากพ่ายแพ้ในศึกถกมรรค หมายถึงความตาย
ยานสำเภาลงมาเยือนในค่าย จ้าวซิงเย่หวนกลับยอดเขาเพียงลำพัง ส่วนพวกสืออวี่ หลี่ตู๋สิงได้รับอ้อมกอดและการต้อนรับจากผู้แข็งแกร่งทุกคนในค่าย
“เร็ว เล่าเรื่องศึกถกมรรคให้พวกข้าฟังหน่อย”
“ใช่ ครั้งนี้จักรวรรดิของเราชนะได้อย่างไร”
หลายคนต่างประหลาดใจ ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
นี่ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งอดถอนหายใจไม่ได้ สิบกว่าปีแล้ว ในที่สุดจักรวรรดิก็ล้างความอับอายในศึกถกมรรค ได้รับชนะ!
ใครจะไม่ตื่นเต้น
“อะไรนะ? องค์ชายเจ็ด ฮวาหลิวหง เหลียงเซ่า เซี่ยงเหวินซานตายหมดแล้วหรือ”
มีคนอุทานด้วยความตกใจ เผยสีหน้าเสียใจ ทำให้บรรยากาศที่เดิมวุ่นวาย เงียบสงัดลงไม่น้อย
“พวกเขาเสียสละเพื่อจักรวรรดิ ทุกท่าน รอตอนไปจากสมรภูมิกระหายเลือด ต้องเอาเถ้ากระดูกของพวกเขากลับจักรวรรดิด้วย!”
มีคนพูดอย่างแน่วแน่ ทำให้เกิดเสียงสนับสนุนจำนวนมาก
“หลินสวินล่ะ เหตุใดจึงไม่เห็นเงาร่างของเขา”
ทันใดนั้นสีหน้าของหนิงเหมิงและเย่เสี่ยวชีเปลี่ยนไปทันใด ส่งเสียงดังขึ้นมา
และตอนนี้เองพวกสืออวี่ก็เล่าเรื่องที่หลินสวินคนเดียวเอาชนะผู้แข็งแกร่งพันธมิตรหมื่นเผ่าเก้าคนอย่างละเอียด
ทันใดนั้นในลานเสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นไม่ขาดสาย ฮือฮาไปทั่ว เลือดร้อนพลุ่งพล่านกันถ้วนหน้า ใจเต้นระทึก สะท้านสะเทือนต่อเนื่อง
“ตัวคนเดียวตัดสินศึกถกมรรค สังหารเหล่าศัตรู พี่หลินช่างสมกับที่ถูกยกย่องว่า ‘อำนาจทั่วนครหลวง’!”
มีคนอุทานด้วยความตกใจ
“ก่อนหน้านี้พวกข้ายังเสียดสีว่าพี่หลินเป็นมอดอยู่เลย อิจฉาผลประโยชน์ที่เขาได้รับ ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกข้าช่างเป็นกบในกะลา น่าขันและไม่รู้ความเกินไปแล้ว!”
มีคนใบหน้าเต็มไปด้วยความอับอาย
“มีพี่หลินอยู่ ศึกถกมรรคครั้งต่อไป ค่ายพ่อมดเถื่อนนั่นไม่มีทางเป็นคู่แข่งของจักรวรรดิของเราได้อีกต่อไป!”
มีคนวาดหวัง
เพิ่งพูดถึงตรงนี้ก็ถูกสืออวี่ขัดจังหวะ เอ่ยว่า “ต่อไปไม่มีศึกถกมรรคอีกแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)