พ่อฮะ หนูจับได้หม่ามี๊คนหนึ่ง
ตอนที่132 ยอมแพ้เถอะ2
ตอนที่132 ยอมแพ้เถอะ2
ทั้งสามคนค่อย ๆ พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติขึ้นเรื่อย ๆ ถังจิงที่พูดว่าเธอไม่ใส่ใจ แต่ที่จริงก็แอบติดตามความเคลื่อนไหวของโป๋เหวินอยู่ตลอดเวลา
“ถังจิง เธอไม่เป็นใช่ไหม?”
เมื่อมองตามสายตาที่เธอมองออกไปดูก็เห็น เฉียวอวี่ถง ตู้โป๋เหวินแล้วก็ยังมีสงจื่อหยูนกำลังนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน
ในมุมมองของเถียนซินแล้วทั้งสามคนเป็นเพียงแค่เพื่อนธรรมดา ๆ กันเท่านั้น แต่ในใจของถิงจิงจะต้องกำลังเศร้าอยู่แน่นอน
“ไม่ต้องดูแล้ว”
ถังจิงตามติดมากจนเกินไป ตอนนี้เธอกับตู้โป๋เหวินแม้แต่ในฐานะเพื่อนก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว
“ไม่งั้นฉันจะพาเธอไปดูเอง ยังไงพี่สะใภ้กับจื่อหยูนต่างก็อยู่ตรงนั้นกันหมด”
ถังจิงปล่อยให้เถียนซินลากไปตรงหน้าพวกเขา
“พี่สะใภ้ จื่อหยูน!”
“มา มานั่งด้านนี้มา”
การปรากฏตัวของถังจิง ทำให้ตู้โป๋เหวินรู้สึกเหมือนถูกผูกมัด
“คุณตู้ พวกเราเคยเจอกันแล้วนะคะ ฉันชื่อเถียนซิน “เถียนซินพูดแนะนำตัวเอง
“สวัสดีครับ”
“ถังจิง ดูสีหน้าเธอไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? อยากขึ้นไปพักข้างบนสักหน่อยไหม?”สงจื่อหยูนพูดด้วยความเป็นห่วง
ถังจิงส่ายหัว “ฉันไม่เป็นไร!”
“พวกเธอคุยกันไปก่อนนะ ฉันยังมีธุระอีกนิดหน่อย” ตู้โป๋เหวินไม่ฟังประโยคยับยั้งให้อยู่ต่อของเฉียวอวี่ถงจบด้วยซ้ำก็แยกตัวออกไปก่อนแล้ว
“เห้อ ถังจิง เธอกับโป๋เหวินเขา......”
เถียนซินรีบส่งสายตาให้เฉียวอวี้ถงทันที ส่งสัญญาณให้เธอไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้
จะทำอย่างไรได้ในเมื่อหลุดปากพูดออกไปแล้ว จะดึงคำพูดกลับมาเป็นไปได้เสียที่ไหน
“เขาดูถูกฉัน” ถังซินเองก็ไม่ได้อยากให้ตัวเองต้องกลายมาเป็นแบบนี้ แต่เธอควบคุมตัวเองและก็ควบคุมความรู้สึกไว้ไม่ได้จริง ๆ
ตู้โป๋เหวินคือยาพิษสำหรับเธอ ทำให้เธอจนปัญญาจะจัดการกับตัวเอง
เฉียวอวี่ถงไม่ได้พูดอะไร เพราะว่าเรื่องนี้ไม่ว่าเธอพูดจะอะไรออกมาก็รู้สึกแปลก ๆ
สงจื่อหยูนทั้งดีใจและแปลกใจ “ถังจิง คุณชอบโป๋เหวินงั้นหรอ!”เธอคิดมาตลอดว่าตู้โป๋เหวินคือผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง
และหวังให้เขาหาผู้หญิงที่ดีสักคน
และถังจิงเองก็ดีมาก
“โล่งอกไปที แบบนี้ฉันก็จะได้ไม่ต้องกังวลกับความสุขครึ่งชีวิตที่เหลือของโป๋เหวินแล้วล่ะ”
แต่ว่านี่ไม่ใช่ปัญหานี่นา.......
ปัญหาก็คือตอนนี้ตู้โป๋เหวินกำลังหลบหลีกสถานะของถังจิงอยู่ต่างหาก
“เห้อ......”
สิ่งที่ถังจิงให้ความใส่ใจที่สุดคือความเห็นของเฉียวอวี่ถง “พี่สะใภ้ พี่ว่าฉันควรจะทำยังไงดี ?ควรจะไปต่อหรือว่ากลับตัวกลับใจดี?”
ปัญหานี้เธอคิดมาตลอดตั้งแต่ที่ตู้โป๋เหวินขอแยกตัวออกไป
“ยอมแพ้เถอะ”
เธอเข้าใจในตัวตู้โป๋เหวินมากที่สุด ตอนนี้ที่เขาทำสิ่งเหล่านี้เพราะไม่อยากทำร้ายถังจิง ไม่อย่างนั้นถ้าปล่อยให้เรื่องยังดำเนินต่อไป ก็ไม่รู้จริง ๆว่าตู้โป๋เหวินจะทำอะไรออกมา
“ยอมแพ้หรอ?!”สงจื่อหยูนอดเหลือเชื่อไม่ได้
“ได้ ฉันรู้แล้วล่ะ”ถังจิงพยักหน้า
ดีที่ฉินลี่เยี่ยกลับมาพอดี เรื่องจึงไม่กระอักกระอ่วนเท่าไหร่นัก
“พวกคุณอยู่นี่กันหมดเลย”
“ใช่สิ เฮียลี่เยี่ยที่เฮียกลับมาคงไม่ใช่ว่าจะมาพาถงถงกลับหรอกใช่ไหม?”สงจื่อหยูนกล่าว
ที่จริงแล้วก็แบบนั้นแหละ เพราะงั้นฉินลี่เยี่ยจึงได้แค่ยิ้ม ๆ
“ไม่ได้ พวกเราไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้ว เพราะงั้นพอคุณพูดว่ากลับก็กลับได้เลยคงไม่ได้หรอกนะ”
“ก็ได้ พวกเธอพูด พี่จะอยู่เป็นเพื่อนพวกเธอ”
“ฮึ!”สงจื่อหยูนไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ “เฮียกลับไปก่อนเถอะ คืนนี้ถงถงค้างที่บ้านฉัน”
เฉียวอวี่ถงประหลาดใจ ดูเหมือนว่าพวกเธอไม่ได้พูดแบบนี้กันมาก่อนนี่นา......
สงจื่อหยูนกำลังหาเรื่อง?
“แบบนี้ไม่ค่อยดีมั้ง?”ฉินลี่เยี่ยยกอาการบาดเจ็บของเฉียวอวี่ถงมาเป็นข้ออ้าง “ถงถงต้องเปลี่ยนยาทุกวันน่ะ”
“เธอได้รับบาดเจ็บหรอ?”สงจื่อหยูนรู้สึกไม่เชื่อถือ
“ถ้าอยู่กับฉันคงไม่ได้รับบาดเจ็บหรอก!”
ฉินลี่เยี่ยเริ่มรู้สึกเสียใจภายหลังแล้วที่เขาสร้างโอกาสให้พวกเธอได้มีเวลาพูดคุยกัน นี่ไม่เท่ากับว่าเขาย้ายหินมาทับเท้าตัวเองหรอกหรอ?
เฉียวอวี้ถงก็นั่งต่อไม่ถูกแล้ว เธอค้างที่บ้านตระกูลสง จะพูดยังไงก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม
“จื่อหยูน ฉันเองก็อยากกลับบ้านเหมือนกัน พวกเราค่อยนัดเจอกันใหม่วันหลังแล้วกันนะ” เฉียวอวี่ถงพูดจบก็จะลุกขึ้น
แค่จงใจหยั่งเชิงดูเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะเห็นผลชัดเจนขนาดนี้ “อุ๊ย ฉันรู้ว่าพวกเธอสองคนแยกจากกันไม่ได้ ดูท่าตำแหน่งของฉันนับวันยิ่งต่ำลงไปเรื่อย ๆแล้วสิ”
“บ้า ไม่ใช่หรอก พวกเราก็แค่......”
ฉินลี่เยี่ยตัดคำพูดของเฉี่ยวอวี่ถง “พวกเราสองคนกำลังรักกันอย่างหวานชื่นดูดดื่มน่ะ ถ้าเธอมีความสามารถก็ไปหาแฟนสักคนสิ”
เฉี่ยวอวี่ถง “......”
ฉินลี่เยี่ยเหมือนเด็กใช้ได้
“จื่อหยูน สุขสันต์วันเกิดนะ พวกเราไปก่อนล่ะ!” เฉี่ยวอวี่ถงรีบร้อนเดินไปทันทีเพราะโดนฉินลี่เยี่ยออกแรงดึงอยู่
“โชคชะตา ของสิ่งนี้นี่ช่างมหัศจรรย์ “ สงจื่อหยูนก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
“ใช่น่ะสิ!”โชคชะตาฟ้าลิขิตจริง ๆ
……
“เหมือนว่าโป๋เหวินจะไม่ชอบถังจิงนะ”
“อืม”
“ฉันแนะนำให้ถังจิงยอมแพ้แล้วล่ะ”
“หือ?”
“โป๋เหวินรำคาญเธอมาก ถ้าหากว่าทำต่อไปอาจจะกลายไปเป็นคู่อาฆาตกันได้”เฉียวอวี่ถงอธิบายตามมุมมองของเธอให้ฉินลี่เยี่ยฟัง
“อ่อ”ฉินลี่เยี่ยขาดความสนใจอยู่บ้าง
เพื่อไม่ให้บรรยากาศกระอักกระอ่วนจนเกินไปเฉียวอวี่ถงจึงพูดเรื่องของเธอกับสงจื่อหยูนขึ้นมา
“ฉันกับสงจื่อหยูนรู้จักกันตอนมัธยมน่ะ เพราะว่าพวกเราอยู่หอเดียวกันนั่งโต๊ะข้างกัน นายรู้หรือเปล่า?ตอนมัธยมพวกเราอยู่ด้วยกันตลอดเลยนะ ไม่แยกกันเลย เสียดายที่หลังจากเมิ่งไป๋คนนั้นปรากฏตัวออกมา จื่อหยูนก็ชอบเขา และตอนที่จื่อหยูนไปสารภาพรักกับเขานะ คาดไม่ถึงว่าเลยว่าเหตุผลที่เขาพูดปฏิเสธจื่อหยูนไปเพราะว่าเขาชอบฉัน น่าขำชะมัด!”
“เมิ่งไป๋วันนี้นั่นน่ะหรอ?”จู่ ๆ ฉินลี่เยี่ยก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา “ที่สารภาพรักกับจื่อหยูนคนนั้นอ่ะนะ?”
“เขาน่ะแหละ ฉันยังคิดว่าคุณรู้จักซะอีก?”วันนี้ตอนที่สงจื่อหยูนเต้นรำกับเมิ่งไป๋เธอคิดจะเข้าไปขัดขวาง แต่โดนฉินลี่เยี่ยดึงไว้เสียก่อน
“ไม่รู้จักหรอก......”แต่เนื่องจากเป็นศัตรูหัวใจเขา หลังจากนี้คนคนนี้เขาจำไว้แล้ว