“สูญเสียความทรงจำ?”วารุณีร้องอุทานเอามือปิดปากอย่างไม่อยากเชื่อ
อารัณเองก็ประหลาดใจเช่นกันที่ตัวเองสูญเสียความจำ
มีเพียงไอริณเท่านั้นที่ยังเอียงศีรษะไปมาอย่างไม่เข้าใจ“หม่ามี๊อะไรคือสูญเสียความทรงจำค่ะ?”
“ก็คือพี่อารัณลืมเรื่องราวไปบางส่วน”วารุณีมือลูบไปที่ศีรษะของเธอ แล้วตอบกลับไปสั้นๆ
ไอริณที่กำลังดูดนิ้วมือตัวเองอยู่ ฟังเข้าใจแล้ว “ แล้วทำไมพี่อารัณถึงลืมได้ละคะ ?”
“หมอค่ะ แล้วทำไมลูกชายของดิฉันถึงได้สูญเสียความจำละค่ะ ? ”วารุณีจ้องมองไปที่หมอ แล้วเอ่ยถามออกไปอย่างร้อนใจ
หมอไม่ได้ตอบในทันที แต่โน้มตัวลงแล้วตรวจเช็กไปยังบริเวณศีรษะของอารัณ
แต่หลังจากที่ตรวจเช็กแล้ว ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความสับสน“ น่าแปลกมาก ศีรษะของลูกชายคุณไม่มีบาดแผลอะไรเลย ตามหลักแล้วโอกาสที่จะสูญเสียความทรงจำนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย ”
“แต่เขาก็บอกเองว่าเขาจำอะไรไม่ได้” วารุณีชี้ไปที่อารัณ
อารัณขมวดคิ้ว แล้วพยายามลองนึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ แต่ยิ่งนึก ก็กลับยิ่งนึกอะไรไม่ออก สุดท้ายแล้วศีรษะก็เริ่มปวดไปด้วย
เมื่อวารุณีเห็นใบหน้าที่เจ็บปวดของลูก ก็รีบวางมือไปยังหน้าผากของเขา แล้วร้องห้ามว่า“ ลูกรัก ไม่ต้องนึกแล้ว นึกไม่ออกก็ช่างมัน”
“หม่ามี๊ผมขอโทษ”อารัณเบะปากน้อยๆ พูดขอโทษอย่างรู้สึกผิด
วารุณีเอามือออก โน้มตัวเอาหน้าผากตัวเองแตะไปกับหน้าผากของเด็กน้อยเบาๆ ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ลูกไม่ต้องพูดขอโทษ คนที่ควรพูดขอโทษ คือหม่ามี๊”
“หม่ามี๊ไม่มีอะไรที่ต้องขอโทษผม”อารัณมองไปที่เธออย่างไม่เห็นด้วย
ความเห็นอกเห็นใจของลูก ทำให้วารุณียิ่งโทษตัวเอง เธอลูบไปที่หน้าผากของลูกชาย แล้วลุกยืนขึ้น “ คุณหมอค่ะ ยังคิดไม่ออกเหรอคะ?”
คุณหมอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ผมคิดถึงความเป็นไปได้อยู่อย่างหนึ่ง ลูกชายของคุณคงอาจจะได้รับการกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุ จนทำให้สูญเสียความจำ นี่เป็นหลักการป้องกันตัวเองของระบบสมอง เคยมีกรณีศึกษาลักษณะคล้ายกันนี้ในทางการแพทย์”
“แล้วจะฟื้นคืนกลับมาเหมือนเดิมไหมคะ” วารุณีจับจ้องมองไปที่หมอ
หมอส่ายหน้าอย่างไม่มั่นใจ “ อันนี้ก็ระบุชัดไม่ได้ บางครั้งก็อาจจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็ฟื้นแล้ว หรือบางครั้งก็อาจจะใช้ทั้งชีวิตก็ฟื้นคืนมาไม่ได้ก็มี แต่มันก็เป็นเรื่องดี อย่างน้อยในใจของเด็กก็ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้”
เมื่อได้ยินดังนั้น วารุณีก็พยักหน้าอย่างโล่งใจ “ที่หมอพูดมาก็ถูก”
เพียงแค่สูญเสียความจำไปบางส่วนเท่านั้น ไม่ได้สูญเสียทั้งหมดเสียหน่อย และถ้าเทียบกับความทรงจำแล้ว ยังไงชีวิตของอารัณก็สำคัญกว่า ความทรงจำจะฟื้นมาหรือไม่นั้น ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติแล้วกัน
หลังจากที่หมอเดินออกไปแล้ว วรยาก็กลับเข้ามา พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจคนเมื่อวานสองนาย ตำรวจทั้งสองที่มาก็เพื่อมาสอบถามเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับอารัณ
แต่เพราะอารัณสูญเสียความทรงจำ จึงจำอะไรไม่ได้เลย
เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองที่มาจึงมาเสียเที่ยว เบาะแสการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ จำต้องยุติลงไปโดยปริยาย
วรยานั่งลงไปบนโซฟา สีหน้าไม่พอใจ“เป็นไงละ ทีนี้จับฆาตกรไม่ได้แล้ว เหมือนสองครั้งก่อนหน้านั้นเลย ”
วารุณียกยิ้มออกมาอย่างจนใจ และไม่ได้พูดอะไร
เธอจะไม่รู้ได้ยังไง
“ลูกรัก”จู่ๆวรยาก็คิดอะไรขึ้นมาได้ มองไปยังอารัณที่เพิ่งกินยาเสร็จ แล้วนอนหลับอยู่บนเตียง เหล่ตามองแล้วพูดขึ้นว่า “ ลูกคิดไหมว่าการสูญเสียความทรงจำของอารัณนั้นมันช่างบังเอิญเกินไป ?”
“แม่หมายความว่ายังไงคะ ?”วารุณีที่กำลังเช็ดตัวให้กับอารัณอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ มือที่เคลื่อนไหวก็ลงหยุดทันที
วรยาเม้มริมฝีปาก “แม่หมายความว่า การสูญเสียความทรงจำของอารัณนั้นมันช่างบังเอิญเกินไป อีกทั้งช่วงเวลาที่จำไม่ได้ก็เป็นตอนที่สองคนแม่ลูกแยกตัวไปห้องน้ำอีก เหตุการณ์นี้มันเหมือนคนร้ายต้องการปิดบังอำพรางเบาะแสที่มี เหมือนจงใจลบความทรงจำช่วงนั้นของอารัณเลย ”
“ที่แม่พูดมา มันก็แปลกจริงๆนั่นแหละ แต่มันเป็นความบังเอิญจริงๆค่ะ มีใครที่ไหนสามารถควบคุมความทรงจำของคนอื่นได้กันละคะ?”วารุณีก็เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้อารัณต่อ
วรยาโบกมือ “ใครจะไปรู้ไม่แน่อาจจะมีก็ได้ ดูอย่างในละครทีวีซิ นักสะกดจิตก็มีความสามารถแบบนี้”
“แม่ยังพูดเองเลยว่ามันในละครทีวี ในชีวิตจริงหนูยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครที่ทำแบบนี้ได้ ”วารุณีกลั้นหัวเราะไม่อยู่ คิดไปว่านางคงฟั่นเฟือนไปแล้ว และไม่ได้ใส่ใจคำพูดนาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...