วารุณีตบไหล่ของเธอด้วยรอยยิ้ม“งั้นฉันจะรอดูคุณแย่งนะคะ”
พูดจบ วารุณีก็เดินผ่านเธอไป
เดินไปได้สองก้าว รอยยิ้มที่ใบหน้าวารุณีจึงค่อยๆหุบลง มีความกังวลอันเบาบางมาแทนที่
ตอนนี้ความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อนัทธี แสดงออกไปชัดเจนมากเลยเหรอ?แม้แต่คุณแอนนี่ก็ยังมองออก
งั้นคนอื่นก็มองออกด้วยใช่ไหม?
คุณแอนนี่มองแผ่นหลังของวารุณี มีความรู้สึกเหมือนตัวเองพยายามฝ่ายเดียวโดยที่เธอไม่สะทกสะท้านแปลกๆ ทำให้เธอท้อแท้มาก
สุดท้ายเธอก็กระทืบเท้าแรงๆ แล้วเข้าไปในลิฟต์
ด้านหน้าลิฟต์สงบลงอีกครั้ง เวลานี้ร่างหนึ่งก็ออกมาจากมุม ใบหน้าแสดงความตื่นเต้นออกมา“พระเจ้า ฉันได้ยินอะไรไปเนี่ย คนที่คุณวารุณีรักคือประธานนัทธี ดีจัง พอประธานนัทธีรู้ น่าจะดีใจสินะ?”
คิดไป มารุตก็รีบเดินไปที่ห้องเพรสซิเดนสูทของโรงแรมบนเรือสำราญ
นัทธีกำลังนั่งหน้าโต๊ะทำงาน จัดการเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ที่บริษัทส่งมาให้ ได้ยินเสียงเคาะประตู คิ้วจึงขมวดเล็กน้อย“เข้ามา”
มารุตผลักประตูเข้ามา
นัทธีมองเขาแวบหนึ่ง มองเห็นจดหมายในมือของเขา ริมฝีปากบางๆก็เม้มเข้า“ไม่ใช่ให้คุณเอารูปไปให้วารุณีเหรอ ทำไมคุณกลับมาอีกล่ะ?”
“คือแบบนี้ครับประธาน ตอนที่ผมไป ได้ยินข่าวดีมาข่าวหนึ่งครับ”มารุตเอาจดหมายวางลงที่โต๊ะทำงานนัทธี
นัทธีเงยตาขึ้นเล็กน้อย“ข่าวดีอะไร?”
“เกี่ยวกับคุณวารุณีครับ”มารุตดันแว่น“ผมได้ยินคุณวารุณีกับคุณแอนนี่คุยกัน คุณแอนนี่บอกว่าคนที่คุณวารุณีรักไม่ใช่คุณหมอพงศกร แต่เป็นประธานครับ คุณวารุณีก็ไม่ได้โต้แย้งด้วย”
ได้ยินคำนี้ มือที่นัทธีจับเมาส์อยู่ ก็กำไว้แน่น ข้างในใจรู้สึกยินดี แต่ใบหน้ากลับไร้อารมณ์ใดๆ มองไม่ออกว่าดีใจหรือไม่
ผ่านไปสักพัก เขาก็ดึงเนกไท พูดว่า“ผมเข้าใจแล้ว คุณลงไปก่อนเถอะ”
“ครับ”มารุตก้มหัวเล็กน้อย แล้วออกไป
พอเขาไป นัทธีก็ปล่อยเมาส์ออก หยิบจดหมายมาเปิด แล้วเขย่ารูปภาพด้านในสองสามใบออกมา
เขาหยิบหนึ่งใบในนั้นออกมา นิ้วหัวแม่มือลูบไล้หน้าของวารุณีบนรูป มุมปากจึงค่อยๆยกขึ้นมาจนเกิดเป็นมุมโค้ง
ข่าวที่มารุตเพิ่งเอามานั้น เป็นข่าวดีจริงๆ
ไม่มีข่าวอะไรดีไปกว่าที่ คนที่ตัวเองรัก ก็รักตัวเองด้วยแล้ว
แล้วจู่ๆ โทรศัพท์หน้าคอมก็ดังขึ้นมา
มุมโค้งที่ปากนัทธีก็หุบลงทันที วางรูปลงแล้วหยิบโทรศัพท์มาดู จากนั้นก็วางไว้แนบหู“ฮัลโหล?”
“ดีจัง ฉันรู้อยู่แล้วว่าแกยังไม่หลับ”เสียงหัวเราะชอบใจของพิชิตดังเข้ามา
นัทธีเอนไปที่พนักเก้าอี้“แกมีเรื่องอะไร?”
“จะมีอะไรได้ ฉันรู้อยู่แล้วว่าทางนั้นดึกไม่งั้นจะโทรหาแกทำไม ถ้าไม่ใช่เรื่องนวิยา?”พิชิตกลอกตา
นัทธีบีบหว่างคิ้ว“พูดมา นวิยาเป็นอะไรอีก?”
“ก็เรื่องกระจกตาแหละ วันนี้โรงพยาบาลส่งกระจกตาคู่หนึ่งมาอีกแล้ว แต่เธอไม่พอใจ ยังไงก็ไม่ยอมผ่าตัด ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่กี่เดือนหรอก เธอได้มองไม่เห็นแน่”พิชิตถอนหายใจอย่างปวดหัว
นัทธีได้ยินดังนี้ สายตาก็ดูไม่พอใจ ริมฝีปากบางๆกลายเป็นเส้นตรง“เธอคิดอย่างไรกันแน่?”
“ฉันก็ถามเธอแล้ว เธอบอกว่าเธอมีกระจกตาคู่หนึ่งที่ตัวเองชอบแล้ว”
“ของคนที่มีชีวิตเหรอ?”มือนัทธีที่ถือโทรศัพท์กำไว้แน่น สีหน้าหม่นลง
พิชิตส่ายหน้า“เธอบอกว่าอีกไม่นานก็ไม่ใช่แล้ว เจ้าของกระจกตาคู่นั้น อีกไม่นานก็จะตาย”
ที่แท้ก็คนใกล้จะตายนี่เอง
สีหน้าเคร่งเครียดของนัทธีผ่อนคลายลง มือที่ถือโทรศัพท์ไว้กำแน่นก็คลายลงขึ้นเยอะ เก็บความทรงพลังรอบๆตัวเข้าไปแล้วถาม“งั้นเจ้าของกระจกตาคู่นั้นเป็นใคร เห็นด้วยหรือยังที่จะบริจาคให้เธอ?”
“อันนี้ฉันก็ไม่รู้ นวิยาไม่ยอมบอก ดังนั้นฉันเลยหมดหนทาง ได้แต่โทรหาแก ให้แกโน้มน้าวเธอ”พิชิตผายมือออกอย่างทำอะไรไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...