เด็กชายตัวเล็กร้องไห้สะอึกสะอื้น ยังไม่พูด พยาบาลรับจ้างที่ยืนอยู่ด้านนอกรถรีบโค้งให้ แล้วพูดไปว่า“ขอโทษค่ะคุณวารุณี ฉันผิดเองค่ะ ซิปที่เสื้อของฉัน เกี่ยวผมของอารัณเข้าไปด้วย”
“ผม?”วารุณีลูบบนหัวของอารัณ หันหน้าไปมอง ก็เห็นซิปบนเสื้อพยาบาลรับจ้างมีผมสั้นๆสองสามเส้นติดอยู่
พยาบาลรับจ้างขอโทษอีกครั้ง“ขอโทษจริงๆค่ะคุณวารุณี ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉัน......”
“ช่างเถอะค่ะ!”วารุณียกมุมปากขึ้นตัดบทของเธอ“ฉันเชื่อว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจค่ะ”
ตัวล็อกซิปนั้นค่อนข้างแน่น อย่าว่าแต่เส้นผมเลย ขนเล็กๆบางอย่างก็เข้าไปเกี่ยวได้ง่าย
ดูเหมือนว่า นี่จะเป็นอุบัติเหตุจริงๆ
พยาบาลรับจ้างรู้สึกดีใจ สองมือพนมขึ้นมาไว้แล้วพูดว่า“ขอบคุณค่ะคุณวารุณี”
“ไม่เป็นไร พี่กลับไปเถอะค่ะ พวกเราก็จะไปแล้ว”วารุณีตบไหล่ของเด็กชายตัวน้อย สื่อว่าให้เขาเข้าไปนั่ง
เด็กชายตัวน้อยย้ายก้น นั่งไปอีกด้าน
วารุณีไปปิดท้ายรถ แล้วจึงขึ้นรถ บอกที่อยู่กับคนขับรถ
รถแท็กซี่ออกไปไกล พยาบาลรับจ้างจึงยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่มุมหน้าผาก จากนั้นก้มลงเอาผมที่ซิปออกมาอย่างระมัดระวัง แล้วหยิบถุงซิปล็อกอันเล็กจากกระเป๋ามาเปิด เอาผมใส่ลงไป
ทำพวกนี้เสร็จ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดบอดี้การ์ดก็ขับรถมาจอดไว้ที่หน้าเธอ
กระจกรถลดลง บอดี้การ์ดหันหน้าไป ถามด้วยใบหน้าที่สวมแว่นกันแดดพร้อมกับสีหน้านิ่งเฉย“ผมล่ะ?”
“อยู่นี่ค่ะ”พยาบาลรับจ้างยื่นถุงล็อกสนิทไปให้
บอดี้การ์ดยื่นมือไปรับ มีประกายแวบผ่านดวงตาที่อยู่หลังแว่นกันแดด แล้วปิดหน้าต่างรถออกไปทันที
ครึ่งชั่วโมงถัดมา บอดี้การ์ดมาที่โรงพยาบาลของพิชิต
พิชิตรออยู่ในห้องตรวจนานแล้ว ในห้องตรวจนอกจากเขาแล้ว นัทธีกับนวิยาก็อยู่
“ผม!”เห็นบอดี้การ์ดข้ามา พิชิตก็ยืนขึ้น
บอดี้การ์ดมองนัทธี พยักหน้าให้นัทธี แล้วยื่นเส้นผมไปให้
พิชิตจับเส้นผมไว้ เอามาดูตรงหน้า รีบเดินไปที่หน้าตู้เก็บของ เอาตัวอย่างเลือดของนัทธีออกมา
“โอเค ผมไม่อยู่กับพวกคุณละ ผมจะไปชันสูตร”พิชิตดันแว่น ออกไปจากห้องตรวจ
นวิยามองแผ่นหลังของเขา แล้วมุมปากก็ยกขึ้นอย่างไร้ร่องรอย แต่แป๊บเดียวก็คืนสู่ปกติ เหมือนเมื่อกี๊แค่จินตนาการไป
“นัทธี พิชิตเขาจะตรวจดีเอ็นเอให้ใครเหรอ?”นวิยานั่งอยู่ข้างนัทธี เอามือวางไว้ที่แขนนัทธี หัวแม่มือเหมือนจะลูบเหมือนจะไม่ลูกตรงจุดที่เขาเจาะเลือดไป ถามด้วยเสียงอ่อนโยน
“ไม่รู้สิ”นัทธีปัดมือเธอออกแล้วยืนขึ้น ละสายตาลงจัดแขนเสื้อ เปลี่ยนหัวข้อเบาๆ“ไม่นานคุณก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว อยากได้ของขวัญอะไร?”
รู้ว่านัทธีไม่อยากตอบ สายตานวิยาจึงดูเย็นชา แต่ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มออกไป“ฉันอยากได้เปียโน คุณก็รู้ว่า สิบปีก่อนตอนที่ฉันยังไม่ประสบอุบัติเหตุ เคยได้รับแชมป์โลกเปียโนระดับเยาวชน ตอนนี้ฉันอยากฝึกเปียโนอีก”
“โอเค”นัทธีพยักหน้ารับปากเธอ“ผมจะให้มารุตไปซื้อเปียโนที่ต่างประเทศให้คุณ”
“ขอบคุณนะนัทธี”นวิยาดีใจ ลุกขึ้นกอดเขาจากด้านหลัง เอาหน้าแนบไปที่หลังของเขา หลับตาลง ใบหน้ามีความอาลัยอาวรณ์อย่างลึกซึ้ง
นัทธีคิดไม่ถึงว่าจู่ๆเธอจะกอดตัวเอง ร่างจึงแข็งทื่อ ไม่ค่อยชินเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ดันเธอออก
จนหลายนาทีผ่านไป นวิยาก็ปล่อยเขาออกเอง ตัวของนัทธีจึงค่อยๆคลายลง
ตอนนี้เอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
นัทธีกับนวิยามองไปหน้าประตูพร้อมกัน
พยาบาลถือแฟ้มประวัติยืนอยู่นอกประตู ยิ้มให้ทั้งสองคน“ประธานนัทธี ถึงเวลาตรวจคุณนวิยาแล้วค่ะ”
“ไปเถอะ”นัทธีพยักหน้าให้นวิยา
นวิยาดูไม่ค่อยยอมเท่าไหร่ จับแขนของเขาไว้“นัทธี ฉันไม่อยากไปตรวจ ตรวจพวกนั้นมันเจ็บมากเลยสำหรับฉัน”
“ผมรู้ แต่ก็เพื่อให้คุณดีขึ้นนะ ทนไว้ เป็นเด็กดี!”นัทธียกมือขึ้น ช่วยเธอสวมวิก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...