“พงศกร ไม่ต้องพูดแล้ว”วารุณียกมืออีกข้างขึ้นมา ปิดโทรศัพท์ไว้ พูดเสียงเบา“คุณก็รู้ว่าฉันไม่ได้รู้สึกกับคุณอย่างนั้น”
ถึงเธอจะพูดเสียงเบา แต่นัทธีก็ได้ยิน ริมฝีปากบางๆนั้นยิ้มขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง
“ผมเข้าใจ ผมไม่ได้มีความหมายอื่น ผมแค่อยากสารภาพรักกับคุณดีๆอีกครั้ง ในตอนที่ผมมีสติดี ยังไงก็ชอบคุณมาห้าปีแล้ว ไม่ให้คุณรู้ ข้างในใจก็ไม่ค่อยยินดีเท่าไหร่นัก”พงศกรก้มหน้าลงหัวเราะ
วารุณีกัดริมฝีปากล่าง“ขอโทษนะพงศกร......”
“คุณไม่ต้องขอโทษ คนที่ควรขอโทษคือผมเอง เป็นผมที่ชอบสร้างความลำบากใจให้คุณเอง แต่ว่าคุณวางใจเถอะ คุณปฏิเสธผมไปแล้ว ต่อไปผมจะไม่คิดลมๆแล้งๆอีกแล้ว พวกเรายังเป็นเหมือนเมื่อก่อนโอเคไหม?”พงศกรมองผ้าห่มที่ขาวสะอาดบนตัวของตัวเอง พูดด้วยเสียงอ่อนโยน
อย่างไรก็ตามใบหน้ากับสายตาของเขา กลับไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิด มีแค่ความหมองหม่นที่ทำให้คนกลัวจนตัวสั่น
วารุณีไม่รู้ จึงพยักหน้าตอบไปอย่างดีใจ“โอเคสิ!”
เธอกำลังปวดหัว ว่าต่อไปจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไรดี
ตอนนี้เขาพูดออกมาเอง เธอเลยไม่มีความเห็นอะไร
“งั้นก็เอาตามนี้นะ โอเควารุณี ผมวางสายก่อน ผมยังต้องตรวจร่างกายอีก”พงศกรดันแว่น มองพยาบาลที่เข้ามาแล้วพูด
วารุณีตอบอือ แล้ววางสายลง
นัทธีกอดอกไว้ เหลือบมองเธอเบาๆ“คุณจะให้อภัยเขาแบบนี้เลย?”
“ไม่อย่างนั้นล่ะ?”วารุณีเก็บโทรศัพท์“เขาก็แค่เมา ถึงได้ทำเรื่องแบบนั้นกับฉัน”
นัทธีหัวเราะเยาะ“คุณคิดว่าเป็นแบบนี้จริงๆเหรอ?”
“หรือว่าไม่ใช่?”วารุณีเงยมองเขา แสดงออกอย่างจริงจัง“ฉันเข้าใจพงศกรดี ฉันรู้จักกับเขามาห้าปีแล้ว เขาเป็นคนแบบไหนฉันรู้ดี เมื่อก่อนเขาไม่เคยทำเรื่องแบบนี้เลย ดังนั้นฉันเชื่อว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ”
“ดูเหมือนเขาจะล้างสมองคุณได้ดีนะ”นัทธีหรี่ตาลง พูดด้วยสีหน้าเย็นชา
วารุณีขมวดคิ้ว“ประธานนัทธี คุณหมายความว่าไง ล้างสมองอะไร?”
นัทธีเดินหน้าเข้าไปใกล้เธอ“ความหมายของผมคือ พงศกรไม่ได้ใสเหมือนอยากที่คุณคิด ช่วงก่อนหน้านี้ผมเคยบอกคุณแล้ว ว่าเขาจงใจมอมเหล้าคุณ อยากทำอะไรไม่ดีกับคุณ ครั้งนี้เขาก็ใช้เหล้ามาออกแรงจูบคุณ คุณคิดว่านี่เป็นอุบัติเหตุจริงเหรอ!”
วารุณีหัวเราะ“ประธานนัทธี คุณไม่คิดเหรอว่าคุณอคติกับพงศกรมากไปแล้ว?”
“คุณคิดว่าผมพูดเรื่องพวกนี้ เพราะว่าอคติกับเขา?”นัทธีบีบฝ่ามือไว้ ท่าทางดูไม่ดี
วารุณีเม้มริมฝีปาก“ตั้งแต่แรกคุณก็มีท่าทีไม่ดีต่อพงศกร นี่ไม่ใช่อคติแล้วเป็นอะไร?”
นัทธีเงียบ ผ่านไปสักพัก ทั้งตัวเขาอบอวลไปด้วยลมหายใจที่เยือกเย็น มุมปากยกขึ้นเป็นมุมอย่างเยาะเย้ย“โอเค ดีมาก ที่แท้คุณก็มองผมแบบนี้”
เขาละสายตาลง ปกปิดความบ้าระห่ำในดวงตา หันกลับออกไป
ผู้หญิงคนนี้ ยังจะบอกว่าคนที่รักในใจเป็นเขาอีก
แต่ระหว่างเขากับพงศกรแล้ว เธอกลับยอมเลือกเชื่อพงศกรแต่ไม่เชื่อเขา!
นัทธีไปแล้ว วารุณีมองแผ่นหลังของเขา ในใจก็ตื่นตระหนก รู้ว่าเขาโกรธ ก็ยื่นมืออยากจะเรียกเขาไว้
แต่สุดท้าย เธอก็อดทนกับความหุนหันพลันแล่นนี้ บีบฝ่ามือแล้วเอามือวางลงมา
ก่อนกลับประเทศมาเมื่อคืน เธอตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ห่างเขา ถึงเจอ ก็จะปฏิบัติเหมือนคนแปลกหน้า ดังนั้นจะเรียกเขาทำไมอีก
ถือโซ่กระเป๋าที่ไหล่ วารุณียิ้มอย่างขมขื่น เดินไปที่ทางออกเหมือนกัน
ออกไปจากอาคารสมาคม เธอเงยหน้ามองสีท้องฟ้า ได้มืดลงแล้ว และยังพัดลมเย็นๆ เหมือนว่าฝนจะตก
วารุณีตัวสั่น ถูแขน แล้วโบกรถแท็กซี่ออกไป
เช้าวันถัดมา วารุณีก็ถูกวรยาปลุก เหมือนว่ามีเรื่องน่ายินดีอะไร ใบหน้าวรยาหุบยิ้มไม่อยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...