ใบหน้าปาจรีย์แข็งทื่อ สุดท้ายจึงก้มหน้าลง กวนซุปในชามด้วยสายตาแสนเศร้า ไม่พูดจา
วารุณีเห็นเธอแบบนี้ ในใจก็แอบถอนหายใจ เดินไปตบไหล่ของเธอ แล้วจึงตอบว่า“ระหว่างทางที่กลับมาเจอคนรู้จัก ก็เลยช้าไปหน่อยน่ะ”
“ใครเหรอ?”พงศกรแกล้งทำเป็นไม่เห็นที่วารุณีปลอบใจปาจรีย์ ยังคงยิ้มอย่างอบอุ่น
วารุณีก็ไม่ปกปิด ชี้ไปที่ด้านล่างตึก“คุณนวิยา”
“นวิยา?”ดวงตาที่อยู่หลังแว่นพงศกรหรี่ตาลง“พวกคุณพูดอะไรกัน?”
“ก็ไม่พูดอะไรหรอก เธอถามฉันว่าทำไมไม่ดูแลดวงตาของตัวเองดีๆ”วารุณียักไหล่
พงศกรขมวดคิ้วคิดไตร่ตรอง
ปาจรีย์ตักขึ้นมาช้อนหนึ่งแล้วป้อนเข้าปากเขา
เขาเอนคอไปด้านหลัง แล้วดันช้อนออก สื่อว่าไม่ดื่มแล้ว
ปาจรีย์มองซุปไก่ที่เหลืออยู่มากกว่าครึ่งชาม ก็ไม่โน้มน้าว เธอรู้ว่า เธอโน้มน้าวเขาก็ไม่กิน ไม่แน่อาจจะทำให้เขาโกรธด้วย ยิ้มอย่างขมขื่นแล้ววางชามลง
“วารุณี ทำไมเธอต้องพูดว่าคุณดูแลดวงตาไม่ดีล่ะ?”พงศกรไม่สนใจการกระทำของตัวเอง ว่าจะไร้ความปรานีต่อปาจรีย์มากไปหรือไม่ เขามองวารุณีแล้วถาม
วารุณีส่ายหน้า“ฉันก็ไม่รู้ เธอบอกว่าตาของฉันสวย พูดกับฉันเมื่อเดือนที่แล้ว ให้ฉันดูแลรักษาดวงตาดีๆ เมื่อกี๊พอรู้ว่าตาฉันอักเสบ สภาพก็ดูบ้าระห่ำอย่างมาก เหมือนว่าฉันทำเรื่องอะไรไม่ดีต่อเธอ”
นึกย้อนถึงสภาพสายตานวิยาที่ดูโกรธจัดในตอนนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
นวิยาในตอนนั้น ไม่ต่างอะไรกับคนบ้าเลย
“ผมเข้าใจแล้ว!”มือพงศกรที่วางไว้ในผ้าห่ม ก็กำแน่นขึ้นมา สายตาเต็มไปด้วยความอึมครึม
นวิยาผู้หญิงคนนั้น ดันจ้องกระจกตาของวารุณี!
“พงศกร คุณรู้อะไรเหรอ?”ปาจรีย์มองพงศกรแล้วถาม
วารุณีก็พยักหน้าสื่อว่าอยากรู้
พงศกรกลับเมินปาจรีย์ มองไปที่วารุณี“กระจกตาของคุณ!”
“กระจกตา?”วารุณีตะลึง จากนั้นจู่ๆก็เบิกตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ“พงศกร ความหมายของคุณคือ เออยากได้กระจกตาของฉัน เลยตั้งใจกำชับฉันโดยเฉพาะ ให้ฉันดูแลดวงตาดีๆ?”
“ถูกต้อง นอกจากเหตุผลนี้แล้ว ผมก็ไม่สามารถอธิบายได้อีกว่าทำไมตอนที่เธอเห็นตาของคุณอักเสบ อารมณ์ถึงได้แปรปรวนขนาดนี้”พงศกรพยักหน้า
ปาจรีย์กลืนน้ำลาย“ไม่มั้ง นวิยาอะไรนั่นจะเอากระจกตาของคนที่มีชีวิตอยู่ นี่มันผิดกฎหมายนะ!”
“ฉันก็คิดว่าคงเป็นไปไม่ได้มั้ง”วารุณีส่ายหน้าอย่างตกใจ“พวกคุณหมอพิชิตก็จองกระจกตาให้คุณนวิยาแล้ว จะมาเอาของฉันได้ไง”
พงศกรรู้ว่าเธอยากที่จะเชื่อ ยังไงเรื่องแบบนี้ก็ไร้เหตุผลเกินไป ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องให้เธอเชื่อ เขาดันแว่นแล้วเตือนอย่างจริงจัง“ไม่ว่านวิยาจะอยากได้กระจกตาของคุณหรือไม่ วารุณี คุณต้องระวังตัว อยู่ให้ไกลจากเธอ”
“ถูกต้อง วารุณี ไม่ใช่แค่เธอ แต่ยังมีคนที่เกี่ยวข้องกับประธานนัทธี อย่าเข้าใกล้”ปาจรีย์ก็มองวารุณีแล้วกำชับ
วารุณีกำฝ่ามือ ออกแรงแล้วตอบไปว่า“ฉันเข้าใจแล้ว”
หัวใจของเธอตอนนี้ ยังเร็วขึ้นเล็กน้อย สงบลงไม่ได้
เพราะคำพูดของพงศกร ทำเธอตกใจจริงๆ
ตอนนี้เอง จู่ๆพยาบาลคนหนึ่งก็เคาะประตู เปิดประตูชะโงกหน้าเข้ามา“คุณปาจรีย์ สามทุ่มแล้ว คุณหมอพงศกรต้องวัดไข้แล้วค่ะ”
“สามทุ่มแล้ว?”ปาจรีย์เหลือบมองนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงด้วยความตกใจ เห็นเข็มนาฬิกาที่ชี้ไปที่สามทุ่ม อดไม่ได้ที่จะตบหน้าผาก“เวลาผ่านไปเร็วจัง ฉันไม่รู้เลยว่าดึกขนาดนี้แล้ว คุณเข้ามาเถอะ”
พยาบาลพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เข็นรถเข็นเล็กๆเข้ามา
วารุณีเห็นเธอแกะปรอทวัดไข้อันหนึ่ง วัดไข้ให้พงศกร ก็ไม่คิดจะอยู่อีกต่อไป หยิบกระเป๋าที่หัวเตียงขึ้นมาแล้วบอกลา“พงศกร ปาจรีย์ ฉันก็ควรพาลูกสองคนกลับได้แล้ว”
“เดี๋ยวฉันไปส่งเธอที่ด้านนอกโรงพยาบาล”ปาจรีย์ลุกขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...