นัทธีที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็เงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลา
เขาไม่ได้ดูโทรศัพท์ของเธอ แต่กลับยกเปลือกตาขึ้นแล้วพูดว่า “ ผมรู้ เธอมีพรสวรรค์ ในด้านการออกแบบมาก การแข่งขันเล็กๆแบบนี้ ทำอะไรเธอไม่ได้หรอก ”
“ดูคุณมั่นใจในตัวคุณวารุณีมากเลยนะคะ” รอยยิ้มของนวิยาแน่นิ่ง
นัทธีก้มหน้าลงอีกครั้ง“ ไม่เพียงแค่ผมมั่นใจในตัวเธอ พรสวรรค์ของเธอ มีมากพอให้ทุกคนมั่นใจในตัวเธอด้วยเช่นกัน ”
“เหรอคะ” ดวงตาของนวิยาฉายแสงสลัว และไม่ได้พูดอะไรอีก
ผ่านไปสักพัก เธอเห็นวารุณีวาดแบบใกล้จะเสร็จแล้ว เหลือเพียงยังไม่ได้ลงสี และในจังหวะที่นัทธีไม่ได้สังเกต เธอก็แคปรู้หน้าจองานแบบของวารุณีไว้ จากนั้นก็ดึงผ้าห่มออก
“นัทธี”แก้มของนวิยาขึ้นสีเล็กน้อย เอ่ยเรียกนัทธีไปอย่างเขินอาย
นัทธีเงยหน้าขึ้นมองเธอ“เป็นอะไร?”
“ฉันอยากจะเข้าห้องน้ำ”นวิยาหยิบโทรศัพท์มือถือใส่ลงในกระเป๋าเสื้อคนป่วย
นัทธีเห็นแล้ว แต่ก็ไม่ได้คิดมากอะไร ปิดคอมพิวเตอร์ลงแล้ววางมันไว้ข้างๆ พยุงร่างเธอลงจากเตียง แล้วประคองไปยังหน้าห้องน้ำ“คุณเข้าไปคนเดียวได้ไหม หากไม่ได้ ผมจะตามให้พยาบาลมาช่วย”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ”นวิยาโบกมือแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “ ถึงฉันจะไม่ค่อยมีแรง แต่เข้าห้องน้ำก็ยังพอช่วยตัวเองได้อยู่ค่ะ ”
พูดจบ เธอก็ปิดประตูห้องน้ำลง
ผ่านไปสักพัก นวิยาก็ออกมาจากห้องน้ำ
นัทธีก็ประคองเธอมายังเตียงคนป่วย
หลังจากที่ขึ้นมาบนเตียงแล้ว เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า และกดเข้าไปดูการถ่ายทอดสดอีกครั้ง เพื่อดูการแข่งขัน
ณ สนามแข่ง วารุณีที่กำลังระบายสีอยู่
เธอระบายสีได้เร็วมาก มือราวกับเต้นระบำอยู่ในแสงเงา
ในขณะที่เธอกำลังลงสีบนแบบหลากสีสัน รอยยิ้มบนใบหน้าก็เพิ่มทวีมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
เมื่อพิชญาเห็น ไม่เพียงแค่เหงื่อแตกพลั่ก ในใจก็มีแรงกดดันมากขึ้นอีกด้วย
มองดูท่าทีของวารุณี หญิงสาวจะไม่รู้ได้ยังไงว่าแบบร่างของวารุณีใกล้จะเสร็จแล้ว แต่ตัวเธอเอง ยังคงเป็นเพียงกระดาษเปล่าแผ่นหนึ่ง
“จะแพ้แล้วเหรอ?”พิชญาตกอยู่ในภวังค์จ้องมองกระดาษเปล่าตรงหน้า ในใจไม่อยากจะจำนน แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะเธอวาดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ
และในตอนนี้เอง มีนักข่าวคนหนึ่งเดินผ่านมาทางพิชญา แล้วโยนกระดาษก้อนกลมขนาดเล็กมาที่สมุดวาดของเธออย่างเร็ว
พิชญาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ คว้ากระดาษก้อนกลมๆนั่นแล้วมือกุมปิดมันไว้ จากนั้นก็หันไปมองนักข่าวคนนั้น
นักข่าวคนนั้นยิ้มให้เธอ แล้วทำท่าทำทาง ส่งสัญญาณให้เธอเปิดกระดาษก้อนกลมๆนั้นออกดู
พิชญาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ทำตาม แอบเปิดกระดาษก้อนกลมๆนั้นออกดู จากนั้นก็เห็นในกระดาษเขียนไว้ว่า :อยากชนะ ไปที่ห้องน้ำ
คำพูดสั้นๆ ทันใดนั้นก็ทำให้ดวงตาของพิชญาสว่างไสว หัวใจเต้นแรงขึ้นมา
แม้ไม่รู้ว่านักข่าวคนนั้นต้องการอะไร และทำไมต้องช่วยเธอ แต่เพื่อชัยชนะ เธอก็ต้องลองเสี่ยงมันดู
เมื่อคิดได้ดังนั้น พิชญาก็ยกมือขึ้น “หัวหน้าเอริค!”
ทุกคนต่างมองมาที่เธอ
มือที่กำลังระบายสีอยู่ของวารุณีก็หยุดชะงักลง แล้วมองไปที่พิชญา
พิชญาเอามือลง“ ฉันอยากจะขอเข้าห้องน้ำหน่อยค่ะ”
“เชิญ ให้เวลาสิบนาที ” หัวหน้าเอริคขมวดคิ้ว แต่ก็ตอบตกลง
“ค่ะ”พิชญาดีใจมาก บังคับรถเข็นแล้วออกจากห้องประชุมไป
วารุณีมองตามไปยังทิศทางที่เธอไป หรี่ดวงตาคู่สวยของเธอลง
พิชญาไปห้องน้ำในเวลานี้ เธอต้องการเข้าห้องน้ำจริงๆเหรอ ?
คิดอยู่ชั่วครู่ ก็ไม่รู้ว่าพิชญานั้นไปเข้าห้องน้ำจริงๆ หรือแค่หลอกๆ วารุณีก็ไม่ได้เก็บมันมาคิดต่อ ก้มหน้าลง แล้วลงสีในงานแบบของตัวเองต่อ
ถึงแม้ว่าพิชญาจะขอไปเข้าห้องน้ำหลอกๆ เธอก็ไม่เชื่อ ว่าเวลาสั้นๆเพียงสิบนาที พิชญาจะทำอะไรได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...