“อะไรนะ?”วารุณีตะลึงงัน“ความลับเกี่ยวกับการตายของพ่อแม่ประธานนัทธี?”
“ถูกต้อง อารองกับอาสะใภ้รองของผมไม่ได้ตายอย่าง หลายปีมานี้ นัทธีสืบความจริงของการตายอารองกับอาสะใภ้รองมาโดยตลอด แต่ไม่เคยได้เบาะแสเลย และในมือของผมก็มีเบาะแสอยู่เล็กน้อย”นิรุตติ์กอดอกขึ้นมา มองเธอด้วยความพอใจ
วารุณีกัดริมฝีปาก เหมือนกำลังลังเล“พินัยกรรมที่ปู่ของพวกคุณทิ้งไว้ เนื้อหานั้นคืออะไร?”
ถ้าเกี่ยวกับด้านสมบัติ เธอยุ่งด้วยไม่ได้แน่
เหมือนจะอ่านความคิดของวารุณีออก สายตานิรุตติ์ก็สั่นคลอนเล็กน้อย เอามือสอดไว้ในกระเป๋ากางเกง“คุณวางใจเถอะ ไม่เกี่ยวกับบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปแน่ เพราะว่าบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปจัดสรรเรียบร้อยแล้วก่อนที่คุณปู่จะเสียไป ดังนั้นในพินัยกรรมไม่มีสมบัติอะไรเหลือไว้ เหลือไว้แค่ความลับเพียงอย่างเดียว”
“ความลับอีกแล้ว?”วารุณีขมวดคิ้วขึ้นมา
นิรุตติ์ที่ดูสบายๆก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเล็กน้อย“ใช่ ความลับอย่างหนึ่งที่สำคัญมาก ผมต้องได้มันมา แต่ว่าตอนที่คุณปู่เสีย ไม่ได้บอกใครว่าพินัยกรรมนั้นไว้ที่ไหน และผมก็บังเอิญรู้มาจากผู้ช่วยของคุณปู่ว่า มีพินัยกรรมอยู่”
ได้ยินดังนั้น วารุณีจึงหรี่นัยน์ตาดอกท้อที่สวยงามลง“จากที่คุณพูดแบบนี้ พินัยกรรมอันนั้น นอกจากผู้ช่วยของคุณปู่ที่รู้แล้ว ก็ไม่มีใครรู้ งั้นประธานนัทธีก็ไม่รู้แน่นอน คุณยังจะให้ฉันไปไปหาประธานนัทธีเพื่อรู้มาเกี่ยวกับพินัยกรรมนั้นอีก?”
“ง่ายมาก ความสัมพันธ์ของนัทธีกับคุณปู่นั้นดีที่สุด คุณปู่จะต้องใบ้เกี่ยวกับที่อยู่พินัยกรรมแก่เขาแน่ แค่นัทธีคิดให้ออกมาว่าคำใบ้นั้นคืออะไร ก็จะรู้ที่อยู่ของพินัยกรรมอย่างชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ?”นิรุตติ์พูดด้วยรอยยิ้ม
ริมฝีปากบางๆของวารุณีขยับ ไม่พูด ผ่านไปสักพัก จึงพูดอีกครั้งว่า“คุณให้ฉันคิดก่อน”
“โอเค ผมให้เวลาคุณคิดหนึ่งวัน”ดวงตานิรุตติ์มีประกายแวบเข้ามา หัวเราะออกไป
หลังจากเขาไป วารุณีจึงเอนไปที่หลังเก้าอี้ ถูขมับอย่างปวดหัวเล็กน้อย
พูดตรงๆว่า เธอเองก็ไม่อยากไปยุ่งเรื่องของพวกเขาตระกูลไชยรัตน์
แต่ใครให้นิรุตติ์มาหาเธอ และเธอยังติดหนี้บุญคุณเขาอย่างใหญ่หลวงอยู่ล่ะ
“วารุณี”ตอนนี้เอง ปาจรีย์ถือภาพออกแบบบางอย่างเข้ามา
เธอเอาภาพออกแบบวางไว้ตรงหน้าวารุณี มองเธอ อ้ำๆอึ้งๆอยู่หลายครั้ง
วารุณียิ้มไปให้“อยากถามก็ถามเถอะ”
“งั้นก็ดี เธอพูดแล้วนะ”ปาจรีย์หายใจลึกๆ ถามไปว่า“อารัณกับไอริณ เป็นลูกของประธานนัทธีจริงๆเหรอ?”
วารุณีพยักหน้า ตอบอือ
ปาจรีย์สูดหายใจลึกๆด้วยความตกใจ“ไม่น่าล่ะอารัณหน้าเหมือนกับประธานนัทธีเป๊ะเลย ที่แท้พวกเขาก็พ่อลูกกัน แต่ว่ามันอะไรกันแน่ เธอกลับประเทศแล้วเพิ่งรู้จักประธานนัทธีชัดๆ ทำไมถึงไปมีอะไรกับเขาเมื่อห้าปีก่อนได้ล่ะ?”
เผชิญหน้ากับคำถามของเพื่อนรัก หลังจากวารุณีละสายตาลงแล้วเรียบเรียงคำพูดแล้ว ก็พูดที่มาที่ไปของเรื่องออกไป เริ่มพูดตั้งแต่ห้าปีก่อนที่เข้าห้องผิด
ยังไงปาจรีย์ก็ได้ยินหมดแล้ว ปิดบังไปก็ไม่มีความหมายอะไร
สองสามนาทีถัดมา หลังจากปาจรีย์ฟังทุกอย่างระหว่างวารุณีกับนัทธีจบ ก็ส่ายหน้าหงึกๆไปสองครั้ง“ที่แท้พวกเธอสองคนก็เป็นพรหมลิขิตกันนี่ ห้าปีก่อนนอนด้วยกันเพราะความผิดพลาดที่เกิดจากบังเอิญ ห้าปีถัดมาก็มาเจอกันอีกและได้รักกัน ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกันฟ้าดินต้องผิดหวังแน่”
ฟังเธอชมแบบนี้ วารุณีอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าอย่างผิดหวัง
แต่มีคำหนึ่งที่ปาจรีย์พูดถูก นั่นก็คือเธอกับนัทธี มีพรหมลิขิตต่อกันจริงๆ
เธอไม่เคยคิดเลยว่า ผู้ชายที่ตัวเองใจเต้นด้วยครั้งแรก จะบังเอิญขนาดนี้ เป็นพ่อของลูกทั้งสองคน
ปาจรีย์ลากเก้าอี้ตรงข้ามแล้วนั่งลงไป“วารุณี เธอคิดจะบอกประธานนัทธีเมื่อไหร่?”
วารุณีหยิบกระบอกเก็บความร้อนมา ดื่มไปคำหนึ่ง“ยังไม่รีบร้อน ไว้ค่อยพูด ถ้าต่อไปฉันกับเขาอยู่ด้วยกันอย่างมั่นคงจริงๆ ฉันก็จะบอกเขา ถ้าไม่ ฉันก็จะได้ดูลูกสองคนได้ทุกเมื่อ”
“ก็ใช่”ปาจรีย์พยักหน้า คิดว่ามีเหตุผล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...