“เปล่าค่ะ”วารุณีส่ายหน้า จากนั้นมัดผมขึ้นมา“ประธานนัทธี พวกเราไปเถอะ”
นัทธียื่นมือไปขวางตรงหน้าเธอ“ผมดูก่อนว่าด้านนอกมียามไหม”
“ค่ะ”วารุณียืนไม่ขยับ
นัทธีเปิดประตู ออกไปมองซ้ายมองขวาตรงทางเดินสองด้าน เห็นว่าไม่มียามแล้ว จึงหันหน้าไปพูดกับข้างในประตูว่า“ออกมาเถอะ”
วารุณีก้มหน้าลงเล็กน้อย ดึงเสื้อสูทที่ตัวมาไว้ใกล้ๆแล้วออกไป
นัทธีจับไหล่ของเธอไว้
วารุณีตัวแข็งไป กำลังจะพูดอะไร
แต่เขาพูดออกมาก่อน“คนที่สถานีโทรทัศน์ต่างรู้จักผม คุณทำตัวสนิทกับผมหน่อย พวกเขาเห็นแล้วก็จะไม่ค้นตัวคุณ”
พูดจบ นัทธีโอบวารุณีไว้แน่น ออกไปจากสถานีโทรทัศน์
ไปถึงรถ วารุณีเอาเสื้อคลุมที่ตัวออกมาคืนเขา“ขอบคุณค่ะประธานนัทธี”
นัทธีรับเสื้อคลุมมาแล้ว กลับไม่ได้สวม เอาไปคลุมขาของเธอ“กระโปรงสั้นมาก ปิดดีๆ อีกเดี๋ยวมารุตจะมาแล้ว”
ถ้าในรถมีแค่พวกเขาสองคน เธอเป็นแบบนี้ก็ไม่เป็นไร
แต่มารุตจะมา เขาให้มารุตเห็นขาของเธอไม่ได้
วารุณีมองสูทที่ปิดอยู่บนขาของตัวเอง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตลก
กระโปรงของเธอถูกเขาฉีกไป สั้นเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ว่าล่อนจ้อน
แต่เขาทำตัวตามใจตัวเองแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกตลกดี มีความรู้สึกถูกใส่ใจ
แป๊บเดียว มารุตก็กลับมา เปิดประตูรถแล้วนั่งไปที่นั่งคนขับ หันไปมองเห็นวารุณี ก็ทักทายอย่างไม่แปลกใจ“คุณวารุณี”
วารุณียิ้มให้“ผู้ช่วยมารุต”
มารุตพยักหน้า จากนั้นมองไปที่นัทธี“ประธานนัทธี เรียบร้อยแล้วครับ ผมเอาตัวที่อยู่ในภาพบันทึกคุณวารุณีลบเกลี้ยงแล้วครับ คนพวกนั้นที่สถานีโทรทัศน์หาคุณวารุณีไม่เจอแน่”
วารุณีได้ยินคำนี้ ดวงตาก็เบิกโต และมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆ
ที่แท้เขาไม่ใช่แค่ช่วยเธอหลบยามพวกนั้นในเวลาที่สำคัญ แต่ยังทำเรื่องพวกนี้ให้เธออีก
“ประธานนัทธี......”วารุณีกัดริมฝีปาก เรียกชื่อของนัทธี อยากจะพูดอะไร
นัทธีกดมือไว้“โอเค ขยานีกับคนนั้น......”
“ปวิช”วารุณีรีบพูดเตือนเขา
นัทธีพยักหน้า“กับปวิชนั่นตอนนี้เป็นอย่างไร?”
“ปวิชถูกผู้อำนวยการสถานีเรียกไปแล้ว เขาสั่งยามตั้งมากมายขนาดนั้น และยังจับไม่ได้อีก ถามยังทำให้ทั้งสถานีโทรทัศน์ตื่นตระหนกไปหมด จะต้องรับผิดชอบแน่”
มารุตสตาร์ทรถ ขับรถไปพูดไปว่า“ส่วนขยานี เธอออกไปจากสถานีโทรทัศน์แล้วครับ รีบไปมาก”
“เธอต้องกลับตระกูลศรีสุขคําแน่ อยากดูว่าคนที่แอบฟังพวกเขาคุยกัน เอาความลับไปบอกสุภัทรหรือไม่ ถ้าไม่ เธอก็ไปหยุดก่อนได้”วารุณีหรี่นัยน์ตาดอกท้อลงแล้ววิเคราะห์
“ความลับอะไร?”ใบหน้ามารุตดูอยากรู้อยากเห็น
นัทธีเหลือบมองเขา เหมือนว่ากำลังไม่ชอบใจที่เขาพูดมาก
มารุตไอออกมาเบาๆทันที ลูบปลายจมูก ขับรถอย่างตั้งใจ ไม่ถามอีก
วารุณีหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาเบอร์นักสืบคนนั้นที่เฝ้าดูพิชญา ให้เขาคิดหาทางเอาเส้นผมของขยานีพิชญา และสุภัทรกับปวิชมาให้ได้
นัทธีได้ยิน ก็เงยตาขึ้นมา“คุณอยากตรวจดีเอ็นเอให้พวกเขาเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ฉันอยากทำสักหน่อย กับสี่คนนี้ค่ะ”วารุณีวางโทรศัพท์ลงแล้วพูด
มีแค่แบบนี้ เธอถึงจะยิ่งแน่ใจได้ว่า พิชญาเป็นลูกของขยานีกับปวิชหรือไม่กันแน่
นัทธีเอามือยันไว้ที่ประตูรถ“ถึงตอนนั้นให้พิชิตทำให้คุณละกัน เร็วที่สุดสองชั่วโมงก็ได้มาแล้ว”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะประธานนัทธี”วารุณีไม่ฏิเสธเขา ยิ้มตอบขอบคุณไป
นัทธีเงยคางขึ้น“แล้วต่อไปจะไปไหน?”
“กลับสตูดิโอค่ะ ช่วงนี้รับงานมาอย่างหนึ่ง ยุ่งมาก”วารุณีตบกระเป๋าของตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...