“ใช่ไหมล่ะ?”วารุณีหัวเราะ แล้วดึงเก้าอี้มานั่งลงไป“โอเค เธอมีอะไรหรือเปล่า?”
“อ้อ มีจริงๆ”วารุณีพยักหน้า“ครึ่งชั่วโมงก่อน เลขาฯ เสกข์โทรมา ถามฉันว่าการออกแบบโครงการประมูลเป็นไงบ้าง เธอไม่อยู่ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะตอบเขาอย่างไร”
“ฉันผิดเอง!”วารุณีตบหน้าผากอย่างหงุดหงิด“สองวันก่อนออกแบบเสร็จแล้ว ที่จริงจะส่งไปอยู่ แต่ตอนที่พิชญากระโดดตึก ฉันก็ดันลืมไปเลย”
พูดไป เธอก็ก้มเอวเปิดลิ้นชัก หยิบอัลบั้มออกแบบเล่มหนึ่งออกมา ด้านในแต่ละแผ่นเป็นการออกแบบอย่างสวยงามขั้นสุด
เป็นครั้งแรกที่ปาจรีย์เห็น ก็ประหลาดใจทันที เอามือปิดปากไว้“พระเจ้า สวยมาก!”
วารุณีหัวเราะ“แก้อยู่หลายครั้ง จะไม่สวยได้ไงล่ะ เธอตอบเลขาฯ เสกข์ไปหน่อย แล้วก็นัดเขาไปเลยด้วย จะได้เอาภาพออกแบบให้เขา”
“ได้ ฉันจะโทรไปเดี๋ยวนี้”ปาจรีย์ทำท่า OK ไปให้ จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรไปต่อหน้าเธอ
หลายนาทีถัดมา ก็โทรศัพท์เสร็จ
ปาจรีย์วางโทรศัพท์ลง“เลขาฯ เสกข์บอกว่าพรุ่งนี้ตอนเที่ยง เจอกันที่ร้านอาหารบลูสกาย”
“ทำไมต้องที่ร้านอาหารล่ะ?”วารุณีกะพริบตา ไม่ค่อยเข้าใจหน่อยๆ
ปาจรีย์บิดขี้เกียจ“ฉันถามแล้ว เขาบอกว่าพรุ่งนี้เขาต้องไปเจอลูกค้าที่นั่น ก็เจอพวกเราได้เลย”
“ที่แท้ก็แบบนี้เอง ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”วารุณีพยักหน้า
ปาจรีย์หยิบอัลบั้มออกแบบมา“งั้นฉันเอาอันนี้ไปสแกนก่อนนะ แล้วก็ส่งอีเมลให้เขาฉบับหนึ่ง ให้เขาได้ตรวจดูก่อน ถ้าคิดว่ามีตรงไหนไม่ได้ เธอยังมีเวลาเปลี่ยน”
“อือ”วารุณีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
พอปาจรีย์ไป เธอก็ถอนหายใจเบาๆ เปิดคอมแล้วเริ่มทำงาน
จากนั้นทำงานได้ไม่นานนัก โทรศัพท์ที่เธอวางไว้ที่โต๊ะก็ดังขึ้นมา
เธอหยิบขึ้นมาดู ดูเบอร์ที่โชว์ว่าโทรมา แล้วก็มีอาการคาดไม่ถึงเล็กน้อย จากนั้นก็ดูซับซ้อนขึ้นมา ปล่อยให้โทรศัพท์ดังอยู่นานไม่ยอมรับ
จนโทรศัพท์ดังอยู่นาน แล้วตัดสายไปเอง เธอจึงเอาโทรศัพท์วางกลับไปตรงที่เมื่อกี๊
แต่ยังไม่รอให้เธอโล่งใจ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เหมือนว่าเธอไม่รับ ที่ปลายสายก็ไม่ยอมแพ้ เอาแต่โทร
สุดท้าย วารุณีก็กัดริมฝีปาก กดรับสายไป
“ฮัลโหล?”วารุณีเอาโทรศัพท์วางไว้ที่ข้างหู พูดด้วยเสียงแผ่วเบา
คนที่ปลายสายก็เงียบไปหลายวินาที จึงตะโกนไปว่า“วารุณี......”
“โทรหาฉันมีอะไรหรือเปล่า พงศกร?”วารุณีกำโทรศัพท์ไว้แล้วถาม
ใช่ คนที่โทรมา ก็คือพงศกร
ตั้งแต่คืนนั้น ที่เขาทำนัทธีบาดเจ็บ เผยนิสัยที่แท้จริง พวกเขาก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย
ตอนนี้จู่ๆเขาโทรมา เธอไม่รู้ว่าจะคุยกับเขาอย่างไร เขาในคืนนั้น ทำเธอตกใจจริงๆ และก็ทำให้เธอไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไร
พงศกรสวมชุดคนไข้สีฟ้าขาวที่เห็นอยู่บ่อยๆ ยืนอยู่ตรงหน้าต่างจรดพื้นบานหนึ่ง มองฝนตกปรอยๆด้านนอก สีหน้าดูสงบนิ่ง“ผมมาขอโทษคุณ”
“ขอโทษ?”วารุณีตะลึงเล็กน้อย
พงศกรตอบอือ แล้วยกมือขึ้นมา ลูบหยดน้ำบนกระจกหน้าต่างจรดพื้น“ใช่ ผมขอโทษที่ผมมีเจตนาไม่ดีต่อคุณ ขอโทษนะวารุณี ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นผมทำเรื่องแบบนั้นไป ผมก็ไม่อยากทำ แต่ผมควบคุมตัวเองไม่ได้”
ได้ยินคำนี้ วารุณีก็ถอนหายใจ จากนั้นก็มีรอยยิ้มบางๆที่มุมปาก“ฉันรู้ ฉันได้ยินที่ปาจรีย์พูดหมดแล้ว เขาบอกว่าตอนคุณสิบกว่าขวบ มีสภาพทางจิตใจที่ผิดปกติ”
บอกว่ายังไง เขาก็เป็นคนหนึ่งที่น่าสงสาร
“เธอบอกคุณไปแล้วเหรอ”พงศกรละสายตาลง
วารุณีพยักหน้า“อือ ปาจรีย์บอกเรื่องพวกนี้กับฉันแล้ว หวังว่าฉันจะไม่โทษอะไรคุณ”
“เหรอ?”พงศกรวางมือลง“งั้นวารุณี คุณยอมให้อภัยผมไหม?”
วารุณีเอนไปที่พนักพิงเก้าอี้“ฉันให้อภัยคุณ แต่เงื่อนไขล่วงหน้าก็คือ คุณรักษาอาการป่วยที่ต่างประเทศให้ดี ปรับสภาพจิตใจ กับสภาพทางจิตวิญญาณให้ดี ต่อไปจะได้ไม่ถูกจิตวิญญาณของตัวเองควบคุมอีก”
“โอเค”แว่นตาของพงศกรสะท้อนแสง“ผมจะรักษาอย่างดี ที่จริงช่วงนี้ อาการของผมก็ดีขึ้นเยอะแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...