“ไม่เป็นไร” นัทธีโบกมือให้อย่างเหนื่อยหน่าย
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ต้องการจะพูดมัน มารุตก็หยุดความสนใจที่มีไม่ได้ถามอะไรต่อ วางเอกสารกองหนึ่งไว้บนโต๊ะทำงานของเขา“ท่านประธานครับ นี่คือรายงานประจำปีของบริษัทในเครือ ที่รอการอนุมัติครับ”
นัทธีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง หยิบเอกสารอันบนสุดมาเปิดดู ดูไปด้วย ก็พลางถามไปด้วยว่า “ใกล้จะสิ้นปีแล้ว สินค้าคงคลังเป็นยังไงบ้าง?”
“ใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”มารุตนึกไปถึงบันทึกที่เขาเพิ่งดูไปเมื่อวาน
นัทธีเชิดหน้าขึ้น “หลังจากที่สรุปสินค้าคงคลังเสร็จสิ้น ให้หัวหน้าของสาขาต่างๆมาประชุมที่สำนักงานใหญ่ด้วย ”
“ได้ครับ”มารุตพยักหน้า “ท่านประธาน มีอะไรจะสั่งการอีกไหมครับ ?”
“ตอนนี้ยังก่อน” นัทธีตอบกลับมาคำหนึ่ง
มารุตดันกรอบแว่นของตัวเอง“งั้นผมขอตัวนะครับ”
พูดจบ เขาก็หันหลัง ก้าวเท้าแล้วเดินออกไป
เพิ่งจะเดินไปได้สองก้าว ก็ถูกนัทธีเรียกเอาไว้ “เดี๋ยวก่อน”
“ยังมีอะไรอีกเหรอครับท่านประธาน?”มารุตหยุดเดินแล้วหันหลังกลับมา
นัทธีมือลูบไปที่ปากกาในมือ นิ่งเงียบไปชั่วครู่ ถามคำถามที่มารุตถึงกับต้องขยับแว่นลง “ไปพบผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง ฉันต้องเตรียมอะไรไป แล้วต้องพูดอะไรบ้าง ?”
แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะเคยพบวรยามาก่อนบ้างแล้ว แต่ตอนนั้นความสัมพันธ์ของเขากับวรยา เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่รู้จักกันทั่วไปเท่านั้น กับคนแปลกหน้า เขาก็มักจะมีท่าทีที่เย็นชาอยู่ตลอด
แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป วรยากำลังจะเป็นแม่ยายของเขาในอนาคต เขาย่อมไม่สามารถที่จะปฏิบัติตัวต่อเธอเหมือนเก่าได้ เขาต้องทำตัวยังไง เขาเองก็มึนงงสับสนมาก เพราะตัวเขาเองไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน
เมื่อได้ยินคำถามของนัทธีมารุตก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง
เขาไม่คิดมาก่อนว่า ท่านประธานคนที่ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ก็ยังต้องมาเป็นทุกข์กับเรื่องของการเจอผู้ใหญ่แบบนี้ด้วย
ในตอนนี้เอง มารุตก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ ท่านประธานที่เคยเย็นชาสำรวมและเรียบง่าย ตั้งแต่ตกหลุมรักกับคุณวารุณี ก็กลายเป็นคนที่อ่อนโยนมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งติดดิน แล้วก็ยิ่งเหมือนผู้ชายธรรมดาทั่วไปมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ท่านประธานแบบนี้ เขากลับรู้สึกชอบมากกว่า เพราะมันเหมือนคนปกติทั่วไป
“ท่านประธาน แม่ของคุณวารุณีกลับมาแล้วเหรอครับ?”มารุตไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับถามกลับมา
นัทธีพลิกปากกาในมือ ใช้หัวปากกาแตะเบาๆไปบนโต๊ะ ตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง
มารุตครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบว่า“ง่ายมากครับ สุภาพสักหน่อย บอกกับเธอว่าคุณจะดูแลคุณวารุณีให้ดีที่สุด แล้วให้ของกำนัลสักชิ้น ก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ ”
แม้ว่าเขาจะไม่มีแฟน และไม่เคยเจอกับญาติผู้ใหญ่ที่ไหน
แต่ในละครก็เคยมีฉากแบบนี้ มันน่าจะถูกแล้ว
“ให้ของกำนัล?” นัทธีหรี่ตาลงเล็กน้อย ก็รู้สึกว่ามันก็มีเหตุผลดี จากนั้นก็ออกคำสั่งกับมารุต“งั้นเรื่องของกำนัล วานนายช่วยไปจัดการให้ด้วย ”
“ผม......”มารุตถึงกับสำลัก
เดิมทีเขากะจะพูด ว่าเขาไม่รู้ว่าแม่ของคุณวารุณีนั้นชื่นชอบอะไร แต่พอเห็นสายตาที่เย็นเยือกของนัทธี ทันใดนั้นก็ถึงกับต้องรีบกลับคำทันที“รับทราบครับ ผมจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้ ”
อย่างมาก เขาก็ซื้อของที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบก็แล้วกัน
ต่อให้อายุจะมากแค่ไหน ผู้หญิงก็ยังเป็นผู้หญิง ทุกคนล้วนชอบพวกกระเป๋าหรือไม่ก็พวกเครื่องสำอางไม่ใช่เหรอ
เมื่อคิดได้แบบนี้ ความกดดันที่มีของมารุตก็พลันหายไปในทันที จัดแจงเนกไทตัวเองให้เข้าที่ จากนั้นก็เดินออกไป
ในตอนค่ำ นัทธีขับรถ พาวารุณีและเด็กน้อยอีกสองคนไปยังที่ร้านอาหาร
วารุณีหันไปมองยังเบาะหลัง มีถุงใส่ของที่วางอยู่ข้างๆของเด็กสองคน ด้วยความสงสัย“นัทธี ของพวกนี้ให้คุณแม่ทั้งหมดเลยเหรอคะ?”
“ใช่”นัทธีมองไปยังทางเบื้องหน้าแล้วพยักหน้าให้
ไอริณจับไปยังถุงใส่ของ “คุณพ่อ ข้างในมันคืออะไรเหรอคะ ?”
วารุณีก็อยากรู้มากด้วยเช่นกัน
อารัณเองแม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็กำลังมองสำรวจถุงใส่ของอยู่
นัทธีมองผ่านกระจกมองหลังดูท่าทีของสามแม่ลูก ก็รู้สึกว่ามันน่ารักดี อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปาก “ไม่รู้ มารุตเป็นคนซื้อ ”
“คุณจะให้ของกับคุณแม่ ตัวคุณเองก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร?” วารุณีถึงกับเหยียดมุมปาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...