“ผมรู้ เราไม่ได้ไปรับเด็กๆที่โรงเรียนอนุบาล”นัทธีใช้จังหวะที่รอสัญญาณไฟจราจร หันมองไปยังวารุณีแล้วตอบกลับ
วารุณีเอียงศีรษะด้วยความสงสัย“ไม่ไปโรงเรียนอนุบาล แล้วเด็กๆจะทำยังไงละคะ ? ”
“คุณแม่ท่านโทรหาผม ว่าท่านจะไปรับเอง ให้เรากลับบ้านได้เลย ” นัทธีตอบกลับแล้วหมุนพวงมาลัยตาม
เมื่อได้ยินคำว่าแม่จากปากของเขา ในใจของวารุณีก็รู้สึกแปลกๆ
นี่เพิ่งจะผ่านไปได้แค่คืนเดียว เขาก็เอ่ยเรียกแม่อย่างคุ้นเคยแล้ว
“กำลังคิดอะไรอยู่ ? ” จู่ๆนัทธีก็ถามออกมา
วารุณีได้สติ ก็ส่ายหัวให้“ ไม่มีอะไร ฉันแค่คิด......”
ยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา ขัดจังหวะการพูดของเธอ
ไม่มีทางเลือก เธอจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า เมื่อเห็นสายที่โทรเข้ามา คิ้วสวยๆของเธอก็ขมวดขึ้น “นัทธี ผู้อำนวยการนิรุตติ์โทรมา”
“นิรุตติ์?”นัทธีเหล่มอง
วารุณีพยักหน้าให้“ ไม่รู้ว่าเขาโทรมาทำไม รับดีไหม ?”
เธอถามเขา
นัทธีพยักพเยิดหน้าให้ “รับสิ”
เขาก็อยากจะรู้จุดประสงค์ที่นิรุตติ์โทรมาหาเธอเช่นกัน
เมื่อวารุณีได้ยินที่นัทธีพูด ก็ไม่ลังเล กดรับสาย แล้วเปิดลำโพง “ผู้อำนวยการนิรุตติ์ โทรหาฉันมีธุระอะไรเหรอคะ?”
เสียงกวนๆของผู้อำนวยการนิรุตติ์ก็ดังขึ้น“ ได้ข่าวว่าคุณแต่งงานกับนัทธีแล้วเหรอ ยินดีด้วยนะ ”
วารุณีหันมองไปที่นัทธี มุมปากยกหยัก “ขอบคุณค่ะผู้อำนวยการนิรุตติ์”
“ยังเรียกผมผู้อำนวยการนิรุตติ์อีกเหรอ ตอนนี้คุณควรเปลี่ยนคำเรียกขานได้แล้วนะ ต้องเรียกผมว่าพี่ใหญ่แล้ว ?”นิรุตติ์พูดหยอกกลับ
นัทธีขมวดคิ้ว ท่าทีดูไม่พอใจเล็กน้อย
วารุณีมองออก และรู้ถึงความขัดแย้งไม่กินเส้นกันของสองคนพี่น้องนี้ ตัวเขาเองก็ไม่เคยเรียกนิรุตติ์ว่าพี่ใหญ่เลยสักครั้ง
หาเธอเรียกแบบนั้น ก็เท่ากับเธอช่วยเขายอมรับว่านิรุตติ์เป็นพี่ใหญ่
ดังนั้นวารุณีก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดนี้ของนิรุตติ์ ใบหน้ายิ้มแย้ม“ผู้อำนวยการนิรุตติ์พูดมาตรงๆเถอะค่ะ โทรหาฉันมีธุระอะไรคะ ?”
“เฮ้อ ไม่สนุกเลย” นิรุตติ์เองก็ฟังออกว่าวารุณีไม่อยากจะเรียกเธอว่าพี่ใหญ่เหมือนกัน แกล้งทำเป็นถอนหายใจออกมาด้วยความเสียใจ แต่ใบหน้า กลับไม่มีความเสียใจใดๆเลย ดันกรอบแว่นแล้วพูดว่า“ตอนนี้คุณอยู่กับนัทธีไหม?”
วารุณีมองไปที่นัทธี
นัทธีส่ายหน้าให้เล็กน้อย
วารุณีก็พยักหน้าให้อย่างรู้กัน แล้วตอบกลับไปว่า“ไม่ค่ะ ตอนนี้ฉันกำลังขับรถไปรับเด็กๆอยู่ มีอะไรหรือเปล่าคะ ?”
“ไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ดี ” นิรุตติ์ก็ไม่ได้สงสัยในคำพูดของเธอ จ้องมองแผนที่บนหน้าจอคอม หรี่ตาลงแล้วพูดว่า “เรื่องพินัยกรรม มีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?”
มือที่ถือโทรศัพท์อยู่ของวารุณีก็กำแน่น “เรื่องพินัยกรรม......ฉันยังไม่ได้ถามอะไรเลย”
“ยังไม่ได้ถามอะไรเลย?”นิรุตติ์ขมวดคิ้ว เห็นชัดว่าไม่พอใจในคำตอบของเธอ “นี่มันก็นานมากแล้วนะ คุณกำลังทำอะไรอยู่?”
น้ำเสียงของเขากระวนกระวายเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับเรื่องพินัยกรรมนั้นด้วยเช่นกัน
นัทธีหลุบตาลงต่ำ
ดูแล้ว นิรุตติ์คงรู้รายละเอียดพินัยกรรมของคุณปู่แล้ว ว่ามันคืออะไร
“ผู้อำนวยการนิรุตติ์ ต้องขอโทษจริงๆ” วารุณีสูดหายใจ“ แต่ฉันหาวิธี จะหลอกถามเรื่องพินัยกรรมกับนัทธีไม่ได้เลย หากฉันถามเขาไปตรงๆ เขาจะต้องสงสัยแน่ๆ”
เมื่อได้ยินดังนั้น นิรุตติ์เองก็ต้องยอมรับ ที่เธอพูดมามันก็มีเหตุผลจริงๆ
คนอย่างนัทธี เป็นคนที่ขี้สงสัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...