วารุณีส่ายหน้า“ไม่เอาแล้ว”
นัทธีเอาแก้วน้ำวางไว้ด้านข้าง ถามไปอีกว่า“งั้นหิวไหม?”
วารุณียังคงส่ายหน้า แสดงออกว่าตัวเองไม่หิว
นวิยาที่อยู่บนโซฟาตรงข้ามกับเตียงคนไข้ มองนัทธีที่ดูแลวารุณีอย่างใส่ใจแบบนี้ มือที่วางไว้บนที่วางมือ ก็อดไม่ได้ที่จะกำขึ้นมา ในใจก็ยิ่งอิจฉา แต่ว่าใบหน้ากลับมองไม่ออก พูดไปด้วยรอยยิ้มว่า:“คุณวารุณี ในที่สุดคุณก็ตื่นเสียที คุณไม่รู้สินะว่าช่วงที่คุณหลับไป นัทธีเป็นห่วงคุณแค่ไหน”
วารุณีเงยตาขึ้นมามองนวิยา“คุณอยู่ที่นี่ได้ไงคะ?”
“ฉันได้ยินพิชิตบอกว่าคุณวารุณีเข้าโรงพยาบาล ก็เลยมาเยี่ยมคุณสักหน่อย”นวิยาตอบกลับด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
ในใจของวารุณีทำเสียงฮึดฮัดใส่
เยี่ยมเธอ?
มาดูนัทธีล่ะสิ
ถึงแม้ในใจจะคิดแบบนี้ แต่วารุณีกลับไม่พูดออกมา
เธอในตอนนี้ ทั้งหัวใจจมอยู่กับความเจ็บปวดที่สูญเสียแม่ไป คนอื่น เธอจึงไม่อยากไปสนใจมากนัก
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ขึ้นมาทำลายความเงียบในห้องคนไข้
นัทธีหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า พอมองดูแล้ว ก็ขมวดคิ้ว“ผมออกไปรับสายก่อนนะ นวิยาคุณกลับไปก่อนเถอะ”
“ฉันไม่รีบ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่พยาบาลมาตรวจห้อง ฉันอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนคุณวารุณีละกัน”นวิยามองไปที่วารุณี
นัทธีลังเลเล็กน้อยอยู่แป๊บหนึ่ง สุดท้ายก็ยอม
สถานการณ์ของวารุณีตอนนี้ มีคนอยู่ด้วย เขาก็วางใจเล็กน้อย
คิดไป นัทธีก็ลูบผมของวารุณี แล้วหยิบโทรศัพท์ออกไป
ในห้องคนไข้เหลือแค่วารุณีกับนวิยาเพียงสองคน
วารุณีไม่อยากสนใจนวิยา แต่นวิยากลับไม่คิดแบบนี้
เธอจับที่รองมือบนโซฟาแล้วยืนขึ้นมา เดินไปที่เตียงคนไข้ แล้วหยุดลงที่ข้างเตียง“คุณวารุณี ฉันได้ยินพิชิตบอกว่า เพราะว่าแม่เสียชีวิต คุณจึงเสียใจมาก เลยได้นอนที่โรงพยาบาลเหรอคะ?”
ได้ยินว่าแม่เสียชีวิตสี่คำนี้ รูม่านตาของวารุณีก็หม่นลงไป ในที่สุดก็มีปฏิกิริยาตอบโต้ เธอค่อยๆหันคอที่เคล็ดมองไปที่นวิยา“นี่เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอคะ?”
“ไม่เกี่ยวค่ะ”นวิยายักไหล่ ใบหน้ามีรอยยิ้มเจตนาร้าย“แต่ฉันเห็นสภาพคุณวารุณีเสียใจแล้ว ก็ดีใจมากจริงๆ”
รูม่านตาวารุณีสั่นคลอน“ดีใจ?”
“ใช่ค่ะ”นิ้วมือของนวิยาลูบไล้ไปที่ราวของเตียงคนไข้ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความป่วย“ดูสภาพตอนนี้ของคุณวารุณีแล้ว ฉันก็นึกถึงฉันเมื่อก่อน เมื่อก่อนตอนที่ถูกคุณแย่งนัทธีไป ตอนนั้นฉันก็ตายเสียดีกว่าอยู่ไปแบบนี้ ดังนั้นตอนนี้ฉันเห็นสภาพคุณวารุณีแล้ว ฉันดีใจมาก”
“ที่แท้ก็แบบนี้เอง”วารุณีจับผ้าห่มที่ตัว หัวเราะอย่างเย็นชา:“คิดไม่ถึงว่าคุณนวิยาจะพูดคำที่น่าตกใจ ทำให้คนรู้สึกกลัวแบบนี้ออกมา ดูเหมือนว่านี่สินะคือตัวตนที่แท้จริงของคุณนวิยา”
สายตานวิยาสั่นคลอน ไม่ปฏิเสธ และก็ไม่ยอมรับ
วารุณีหลับตาลง“ฉันอยากรู้ว่า ทำไมตอนนี้คุณนวิยาไม่เสแสร้งต่อหน้าฉันอีกล่ะค่ะ?”
“ไม่มีทำไมหรอกล่ะ เสแสร้งก็เหนื่อยเหมือนกัน และฉันก็เอียนไปหมด ยิ่งไปกว่านั้นนัทธีก็ไม่อยู่ที่นี่ ฉันเสแสร้งหรือไม่เสแสร้งต่างกันตรงไหน”นวิยายักไหล่
ริมฝีปากซีดขาวของวารุณีเม้มแน่น“เหรอคะ?ในเมื่อนี่คือตัวตนที่แท้จริงของคุณนวิยา งั้นฉันขอถามคุณนวิยาได้ไหม คนที่เผาโกดังฉัน ทำให้ลูกชายฉันกับเพื่อนฉันประสบอุบัติเหตุ รวมทั้งร่วมมือกับสุภัทรเพื่อจับตัวฉันไปเรื่องพวกนี้ ใช่คุณนวิยาทำไหมคะ?”
ก่อนหน้านี้เธอสงสัยมาเสมอ แต่ต่อมาความสงสัยก็หายไป
จนกระทั่งตอนนี้ นวิยาเผยตัวตนที่แท้จริง เธอจึงเกิดความสงสัยนั่นขึ้นมาอีกครั้ง
นวิยามองวารุณีอย่างตกใจ“ที่แท้คุณวารุณีก็ประสบเรื่องที่น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอคะ?”
วารุณีจ้องนวิยาด้วยสายตาเย็นชา เหมือนว่าอยากดูจากใบหน้าเธอให้ออกว่าเธอไม่รู้จริงๆ หรือว่าเสแสร้งอยู่
แต่มองไปสักพัก นวิยาก็ยังคงมีอาการตกใจและประหลาดใจ เหมือนว่าเธอไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...