สายตานัทธีสั่นคลอนเล็กน้อย
เขาอยากบอกว่า เขาเชื่อว่าเธอไม่ได้ผลัก ยังไงจากนิสัยของเธอแล้ว จะไม่เหมือนคนที่ทำเรื่องแบบนี้ได้
แต่ตอนที่เขาเข้ามา นวิยาล้มลงที่พื้นจริงๆ เธอก็อยู่ในท่าผลักคนจริงๆ ดังนั้น เขาก็ไม่สามารถสรุปได้
เห็นนัทธีลังเลไม่พูด สายตาของวารุณีหม่นลงไป ยกมุมปากขึ้นมาอย่างเหยียดหยัน
ดูเหมือนว่า ในหัวใจของเขาแล้ว เพื่อนที่โตมาด้วยกันน่าเชื่อใจซะยิ่งกว่า เธอที่เป็นภรรยาเสียอีก
“ในเมื่อคุณวารุณีบอกว่าไม่ได้ผลักฉัน งั้นก็ไม่ได้ผลักฉัน ฉันไม่เป็นไร”นวิยาโบกมือ ใบหน้ามีรอยยิ้มขมขื่น“ยังไงฉันก็พูดผิดเอง พูดถึงเรื่องแม่ของคุณวารุณี ดังนั้นคุณวารุณีจึงโกรธ ถึงได้......สรุปคือฉันผิดเองแหละ นัทธี คุณอย่าโทษเธอเลย”
พูดไป เธอก็ดึงแขนเสื้อของนัทธี
นัทธีจำสิ่งที่รับปากกับวารุณีครั้งที่แล้วได้ ก็ยกแขนขึ้น ดึงแขนเสื้อออกมา“คุณพูดอะไรน่ะ?”
“ฉันแค่บอกว่า......”
“พอแล้ว!คุณไม่คู่ควรที่จะพูดถึงแม่ฉัน!”วารุณีตัดบทของนวิยาอย่างเย็นชา จากนั้นสายตามองไปที่นัทธีกับพิชิตอย่างเย็นชา สูดลมหายใจเข้า พูดด้วยเสียงเยือกเย็น:“ในเมื่อพวกคุณคิดว่าฉันผลักนวิยา งั้นก็ไม่จำเป็นต้องถามไปถามมา ดูกล้องวงจรปิดเลยละกัน อย่าพูดอะไรไร้สาระให้มาก”
ท่าทางเย็นชาของเธอ ทำให้ริมฝีปากบางๆของนัทธีเม้มลง“ผมไม่ได้ไม่เชื่อคุณ”
สายตานวิยามีความไม่พอใจแวบเข้ามา แล้วอาการนั้นก็ดูเหยเกขึ้นมาทันที
เขาบอกว่าไม่ใช่ไม่เชื่อวารุณี งั้นก็หมายความว่า คิดว่าที่เธอล้มนั้น เป็นเธอที่ทำตัวเอง?
“แต่ว่าคุณไม่ได้ปฏิเสธข้ออ้างของนวิยา”วารุณีชี้ไปที่นวิยา
ริมฝีปากบางๆของนัทธีขยับ ไม่อาจตอบโต้กับสิ่งนี้ได้
ก็จริงแล้ว เขาไม่ใช่ไม่เชื่อเธอ แต่ก็ไม่คิดว่านวิยาพูดโกหก
แต่ว่าในเรื่องนี้ พวกเธอสองคน มีคนหนึ่งที่พูดโกหก
คิดไป นัทธีก็มองไปที่นวิยา สายตานั้นมีความไตร่ตรองเล็กน้อย
นวิยาเดาความคิดของเขาออก ก็รู้สึกเกร็งในใจ แต่ใบหน้ากลับยังคงดูดี มองไปที่เขาอย่างน้อยใจและน่าสงสาร ส่ายหน้าออกไป“นัทธี ฉัน......”
“พอแล้วนวิยา คุณอย่าพูดอีกเลยโอเคไหม?”นวิยายังพูดไม่เสร็จ ก็ถูกพิชิตตัดบท
พิชิตมองเธอด้วยสายตาซับซ้อน“เรื่องนี้ พวกเราจัดการเอง คุณไม่ต้องพูดอะไร”
ฟังความผิดหวังในน้ำเสียงของพิชิตออก ใจของนวิยาก็เต้นตึกตัก
เขาหมายความว่าไง?
หรือว่าเขารู้อะไร?
พิชิตมองสายตานวิยาที่เปลี่ยนไปไม่หยุด ก็เดาออกว่าในใจเธอคิดอะไรอยู่ จึงหัวเราะอย่างขมขื่น
ตอนแรก เขามั่นใจว่าวารุณีผลัก
แต่เมื่อกี๊เขาเห็นความเหยเกในสายตาของนวิยาแล้ว บวกกับนิสัยที่แท้จริงของนวิยาด้วย ก็รู้ว่าวารุณีนั้นบริสุทธิ์ ทั้งหมดนี้ต่างเป็นนวิยาที่เล่นละครเอง
นึกถึงตรงนี้แล้ว พิชิตก็สูดหายใจลึกๆ หน้าอ่อนเยาว์ที่แสนจะน่ารักนั้น คืนกลับเป็นปกติอีกครั้ง หัวเราะฮ่าฮ่าออกมา:“เฮ้อ นวิยาก็พูดแล้วไง เธอล้มไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ ดังนั้นดูกล้องวงจรปิดก็ไม่จำเป็นแล้ว อีกอย่าง ห้องคนไข้นี้ไม่มีกล้องวงจรปิด”
นัทธีก็ไม่พูดใดๆ
เพราะว่าไม่มีกล้องวงจรปิด เขาจึงไม่อาจตัดสินได้ว่า พวกเธอสองคนนั้นใครโกหก
ไม่งั้น เขาก็เอากล้องวงจรปิดมาดูตั้งแต่แรกแล้ว
“งั้นจากความหมายของคุณหมอพิชิต คือเรื่องนี้ก็ปล่อยมันไปแบบนี้เหรอคะ?”วารุณีหรี่ตาลง สายตานั้นจ้องพิชิตเขม็ง เหมือนว่าจะมองส่วนลึกในใจที่แท้จริงของเขาออก
พิชิตละสายตาออกไปอย่างร้อนตัว ไม่กล้าสบตาเธอเลย ได้แต่พูดฝืนยิ้มออกไป:“ใช่ นวิยาก็แค่ล้ม ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร พวกเราอย่าสนใจเลย ปล่อยไปแบบนี้เถอะ นัทธี แกคิดว่าไง?”
สายตานัทธีหม่นลงไป สุดท้ายก็พยักหน้าเห็นด้วย
เพราะว่าไม่มีหลักฐานจริงๆ งั้นก็ช่างมันไปเถอะ
พิชิตเห็นนัทธีเห็นด้วยกับที่ตัวเองเสนอ ก็โล่งอกเล็กน้อย จากนั้นแอบส่งสายตาเตือนนวิยา
สายตานี้ วารุณีก็เห็นด้วย
เธอมองไปที่พิชิตอย่างเย้ยหยัน
ที่แท้ผู้ชายคนนี้ ก็รู้ว่าเรื่องเมื่อกี๊ เป็นนวิยาที่ลงมือทำเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...