แต่ไอริณไม่เข้าใจความอ้อมค้อมที่อยู่ในนั้น กัดริมฝีปาก“ทำไมถึงไม่มีสิทธิ์ล่ะหม่ามี๊ หม่ามี๊ไม่ใช่ภรรยาของพ่อเหรอ หนูกับพี่ก็เป็นลูกของพ่อ พวกเราคือคนที่ใกล้ชิดกับเขาที่สุด พวกเราไม่มีสิทธิ์ แล้วใครมีสิทธิ์?”
วารุณีละสายตาลงไม่พูดจา
อารัณส่ายน่อง“ไอริณ นี่ไม่เหมือนกัน หม่ามี๊คือภรรยาของพ่อถูกแล้ว แต่ว่าพวกเรา ไม่ใช่ลูกชายลูกสาวแท้ๆของพ่อ ดังนั้นพวกเราไม่มีสิทธิ์ไปขอร้องพ่อ ตัวเองเข้าใจไหม?”
“ไม่ใช่ลูกชายลูกสาวแท้ๆของพ่อ......”ไอริณเหมือนถูกโจมตีใส่ หน้าเล็กๆที่สวยงามและน่ารักนั้น ก็หม่นลงไปทันที“หนูเข้าใจแล้ว หนูไม่พูดว่าไม่ให้คุณน้านวิยาเข้ามาอยู่ด้วยแล้ว”
“ไม่เป็นไร พี่ก็ไม่ชอบคุณน้านวิยา”อารัณเอาน้องสาวมากอดไว้ในอ้อมแขน“พอคุณน้านวิยาคนนั้นเข้ามาแล้ว พวกเราก็ไม่ต้องสนเธอก็พอ”
“อือ”ไอริณพยักหน้าแรงๆ
มองดูเด็กทั้งสองคนตอบโต้แล้ว ในใจของวารุณีก็เสียใจอย่างมาก
เธออดไม่ได้ที่จะทบทวนว่า ที่ตัวเองปิดบังตัวตนของลูกสองคนนี้มาตลอด ถูกแล้วจริงๆเหรอ?
ตัวเองควรพูดออกมาก่อนดีไหม?แบบนี้ไอริณกับอารัณ ก็จะไม่รู้สึกด้อยค่า เพราะคิดว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆของนัทธี
ตอนที่วารุณีกำลังคิดอยู่นั้น ทางห้องรับแขกก็มีเสียงเคลื่อนไหวอย่างวุ่นวายเข้ามา
“อะไรกันน่ะ?”อารัณถามอย่างสงสัย
วารุณีส่ายหน้า“หม่ามี๊ก็ไม่รู้ พวกลูกกินก่อนนะ หม่ามี๊จะไปดูเอง”
พูดจบ เธอก็ลุกขึ้น เดินไปที่ห้องรับแขก
ตอนเดินไปถึงห้องรับแขก วารุณีก็เห็นคนหลายคนอุ้มกระเป๋าเดินทางแต่ละใบเข้ามา ป้าส้มก็สั่งให้คนพวกนั้นเอากระเป๋าเดินทางขึ้นไปด้านบน
“ป้าส้ม”วารุณีเรียกเธอ
ป้าส้มหยุดสั่ง หันไปมอง“คุณผู้หญิง”
“เรื่องนี้......”วารุณีชี้ไปที่กระเป๋าบนมือของคนพวกนั้น
ป้าส้มถอนหายใจ“ก็ยัยนวิยานั่นแหละค่ะ พวกนี้เป็นกระเป๋าของเธอหมดเลย เธอจะย้ายเข้ามานี่คะ?ดังนั้นตอนนี้เลยให้คนเอากระเป๋าย้ายเข้ามา”
“ที่แท้ก็แบบนี้”วารุณีบีบฝ่ามือ
อาทิตย์หน้านวิยาถึงจะออกจากโรงพยาบาล ตอนนี้ก็ย้ายกระเป๋าเดินทางเข้ามา
คงรอไม่ไหวจริงๆสินะ
วารุณีไม่มีอารมณ์ดูต่อไป กลับไปที่ห้องทานข้าวอีกครั้ง
อารัณมองเธอ“หม่ามี๊ ด้านนอกเป็นอะไรเหรอ?”
วารุณีก็ไม่ได้ปิดบังเขา เอาเรื่องนั้นพูดออกมา
อารัณฟังจบ ไม่พูดอะไร มีแค่ไอริณที่ส่งเสียงไม่พอใจออกมา
อาหารค่ำจึงจบลงด้วยบรรยากาศคุกรุ่นเช่นนี้
อารัณไปห้องอ่านหนังสือของตัวเองเพื่อทบทวนบทเรียน ส่วนวารุณีพาไอริณไปเล่นที่ห้อง
เล่นไปถึงประมาณสี่ทุ่ม วารุณีจึงกล่อมเด็กทั้งสองให้หลับ แล้วไปอาบน้ำ
พออาบน้ำเสร็จ วารุณีก็หยิบไดร์เป่าผม เป่าผมตรงหน้ากระจก จู่ๆประตูห้องน้ำด้านหลังก็เปิดออก ร่างสูงใหญ่ก็เดินเข้ามาเบาๆ
วารุณียังไม่เห็น จนกระทั่งคนนั้นอยู่ด้านหลังเธอ เธอจึงเห็นเขาจากกระจก
“คุณกลับ......”
ยังพูดไม่เสร็จ ก็ถูกชายหนุ่มกอดจากด้านหลัง
มือทั้งสองข้างของชายหนุ่มกอดเอวเธอไว้ เอาหน้าซุกไปที่ไหล่และคอของเธอ สูดดมเต็มที่ เสียงที่พูดออกมานั้นแหบ“หอมจัง......”
วารุณีมองบนใส่เขาอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“นี่ไม่ใช่กลิ่นหอมของสบู่อาบน้ำเหรอไงล่ะ?”
“ผมรู้ แต่ที่ตัวคุณ หอมกว่าในขวดอีก”มือนัทธีที่วางไว้ตรงเอวเธอก็ยิ่งรัดแน่น ทำให้ร่างของเธอแนบติดเขามากขึ้น
วารุณีปิดไดร์“กลับมาเมื่อไหร่?”
“ตอนคุณอาบน้ำ”นัทธีเงยหน้าขึ้นตอบ
วารุณีมองเขาผ่านกระจก“กินข้าวยัง?”
“อือ กินที่บริษัท”นัทธีจูบไปที่หน้าเธอ
วารุณีหดคอลง“พอแล้ว คุณรีบปล่อยเลย ผมฉันยังเป่าไม่แห้งเลย”
“ผมเป่าให้คุณเอง”
พูดไป มือใหญ่ๆของเขาก็หยิบไดร์ในมือเธอมาเปิด แล้วเป่าผมให้เธอ
เขากลัวจะทำเธอเจ็บ การกระทำจึงอ่อนโยนมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...