วารุณีสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามใจเย็นลง หยิบโทรศัพท์ออกมา
เห็นสายที่โทรมาคือนัทธี เธอก็ตบหน้า พยายามฉีกยิ้มกว้างๆออกไป“นัทธี”
“บล็อกทางการของบริษัทคุณผมเห็นแล้วนะ เรื่องราวรุนแรงมากเหรอ?”ในสาย มีเสียงทุ้มของนัทธีเข้ามา ในน้ำเสียงมีความเป็นห่วงแฝงอยู่
ในใจของวารุณีก็สบายใจขึ้นเยอะ กุมหน้าผากตอบกลับด้วยรอยยิ้มขมขื่น:“ใช่ ที่จริงฉันคิดว่าเรื่องเล็กๆ แต่พอพวกเราสืบค้นดูแล้ว จึงพบว่าเรื่องนี้ที่จริงแล้วเป็นแผนร้ายอย่างหนึ่ง”
จากนั้น เธอจึงพูดออกมา เกี่ยวกับการคาดเดาในตัวผู้จัดการโกดังกับหัวหน้าทีม รวมทั้งคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา
นัทธีฟังจบ ก็ขมวดคิ้ว ตระหนักได้ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา“จะให้ผมช่วยไหม?”
“ไม่ต้อง”วารุณีส่ายหน้าปฏิเสธ“เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง ฉันอยากดูเสียมากกว่า ว่าทำไมพวกนี้ต้องทำแบบนี้”
ฟังความเด็ดเดี่ยวและแข็งแกร่งในน้ำเสียงของเธอออก นัทธีก็ไม่ดื้อดึง ริมฝีปากบางๆขยับ“โอเค ถ้าเจอปัญหาอะไร ต้องบอกผมนะ อย่าดึงดัน”
ในใจของวารุณีรู้สึกอบอุ่น“อือ ฉันรู้แล้ว”
“กลับมาเมื่อไหร่”นัทธีเปลี่ยนหัวข้อ
วารุณีมองดูนาฬิกาข้อมือ ถอนหายใจเบาๆ:“กลัวว่าจะเร็วไปน่ะสิ เดี๋ยวต้องทำบันทึกอีก”
“โอเค ถ้าดึกมากล่ะก็ ผมขับรถไปรับคุณเอง”นัทธีพูด
วารุณีพยักหน้ายิ้มๆ“ได้”
นัทธีกำลังจะวาง
จู่ๆวารุณีก็คิดอะไรได้ รีบเรียกเขาไว้“สามีเดี๋ยวก่อน”
“ทำไมเหรอ?”เสียงนัทธีอ่อนโยนมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าคำว่าสามีนี้ทำให้เขาพอใจ
วารุณีกัดริมฝีปาก“ลูกทั้งสองอยู่บ้านสบายดีใช่ไหม?”
“พวกเขาสบายดีมาก”ถึงแม้นัทธีไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถามคำถามนี้ แต่ก็ตอบไปอย่างตรงไปตรงมาว่า“อารัณเรียนอยู่ ไอริณเพิ่งหลับไป”
“งั้นก็ดี”วารุณีโล่งอก
ดูเหมือนว่า นวิยาจะไม่ได้ทำอะไรลูกทั้งสองคน
ถึงแม้ในบ้านจะมีนัทธี แต่เอก็ยังอดไม่ได้ที่จะกังวลว่านวิยาจะทำอะไรไม่ดีต่อลูกสองคนนี้
“ไม่มีแล้ว วางเถอะ”วารุณีพูดอีกครั้ง
โทรศัพท์เสร็จ เธอก็วางโทรศัพท์ลง ปาจรีย์ก็กลับมาพอดี“วารุณี เมื่อกี๊ผู้จัดการฝ่ายขายโทรหาฉัน บอกว่าตามเสื้อผ้ากลับมาได้สองในสาม”
“สองในสาม?”วารุณีขมวดคิ้ว
ปาจรีย์ตอบอือ หนึ่งในสามที่เหลือ มีคนเอาไปที่ต่างจังหวัด มีคนเอาไปทิ้ง ลูกค้าส่วนหนึ่งที่เอาไปต่างจังหวัดบอกว่า ไม่ส่งเสื้อผ้ามาให้พวกเราแล้ว ให้พวกเราคืนเงินอย่างเดียวก็พอ”
“แบบนี้ก็ดี งั้นก็คืนเงินไป แล้วก็ส่งของขวัญขอโทษไปด้วย”วารุณีขยี้คิ้ว
“ฉันก็คิดแบบนี้ เดี๋ยวฉันแจ้งให้ฝ่ายบัญชีจัดการ”ปาจรีย์เก็บโทรศัพท์
ไม่นานนัก ทางโรงพักก็ส่งคนมา มาทำบันทึกโดยเฉพาะ
พอทำบันทึกเสร็จ ฟ้าก็มืดลงแล้ว
วารุณีไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เที่ยงยันตอนนี้ ท้องก็ร้องโครกคราก ไม่มีแรงมากนัก
ตอนที่ทั้งสองคนเตรียมจะขับรถออกไปจากโรงงาน กลับบ้านใครบ้านมัน ไมบัคคันสีดำ ที่แสนจะสวยงามสง่าคันหนึ่ง ขับมาจากที่ไกลๆ จอดอยู่ด้านนอกประตูโรงงาน
วารุณีแค่มองก็จำได้ว่าเป็นรถที่นัทธีเพิ่งซื้อใหม่ไม่นานนี้
ปาจรีย์ก็จำได้ เพราะสองวันนี้ นัทธีขับรถคันนี้ มาส่งวารุณีที่ชั้นล่างของบริษัท
ปาจรีย์ใช้ศอกดันเพื่อนสนิทที่อยู่ที่นั่งข้างคนขับ พูดอย่างคลุมเครือ:“สามีเธอมาแล้ว”
วารุณียิ้ม“ฉันรู้แล้ว”
“งั้นเธอยังไม่รีบลงไปอีก”
วารุณีเหลือบมองเธอ แล้วเปิดประตูรถลงไป
นัทธีเห็นเธอเปิดประตูรถไมบัคแล้วลงมา เดินมาทางนี้“ผมมารับคุณ”
“ฉันรู้แล้ว”วารุณีพยักหน้า
เธอจำได้ว่าในสาย เขาพูดว่าถ้ากลับดึก เขาจะมารับเธอ
คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาจริง
ปาจรีย์ลงมาจากรถ จับไหล่ของวารุณี“ประธานนัทธี คุณเป็นสามีที่ดีจริงๆ เตรียมมารับวารุณี นี่มันน่าอิจฉามากไปแล้วนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...