พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ นิยาย บท 336

“ก็ไม่ถึงขั้นนั้น” พิชิตส่ายหัวให้“ เธอโทรมาหาฉัน แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น เสียใจมาก บอกว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นฉันจึงเดาว่า พวกนายรังแกอะไรเธอหรือเปล่า”

นัทธีถอนหายใจออกมา“แล้วนายไม่ถามเธอเหรอ ว่าเกิดอะไรขึ้น?”

“ฉันถามแล้ว แต่เธอก็เอาแต่ร้องไห้ ไม่พูดอะไร ฉันจึงได้โทรมาหานายอยู่นี่ไง ? นัทธี มันเกิดอะไรขึ้น ?”

พิชิตขมวดคิ้วแล้วถามออกไป

นัทธีพ่นควันบุหรี่ออกมา แล้วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง

หลังจากที่พิชิตฟังจบ ก็ถึงกับตะลึง สักพักกว่าจะเปล่งเสียงออกมา“ เธอทำแบบนี้ได้ยังไง ?”

เขาไม่เข้าใจ ก็แค่แตะไปที่เปียโนของเธอเองไม่ใช่เหรอ ?

ทำไมเธอจึงได้อารมณ์รุนแรงขนาดนี้ และยังไปผลักตัวเด็กน้อยอีกด้วย นี่คือนวิยาคนที่เขารู้จักใช่ไหม ?

ในตอนนี้เอง ในใจของพิชิตก็เริ่มสงสัย สาวน้อยที่ใสซื่อบริสุทธิ์ในสายตาเขาคนนั้น ได้หายไปแล้วจริงๆใช่ไหม

หรือบางทีอาจจะหายไปแล้วจริงๆ ครั้งที่แล้วก็ยังใส่ร้ายวารุณีว่าผลักเธอ

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ พิชิตก็ยิ้มแห้ง“นัทธี บางทีนวิยาอาจจะเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปในตอนที่เราไม่รู้ เปลี่ยนไปไม่เหมือนเธอคนเดิมอีกแล้ว ”

นัทธีไม่ตอบรับหรือปฏิเสธกับคำพูดนี้ “ฉันรู้”

“แล้วนายจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง” พิชิตถามหยั่งเชิง

แม้ในใจของเขาจะรู้สึกผิดหวังในตัวนวิยา แต่เขาก็ยังรักเธออยู่ เขาก็ไม่อยากให้นัทธีลงโทษนวิยารุนแรงมากนัก

นัทธีเหมือนจะเดาความคิดอ่านของพิชิตได้ เขี่ยผงบุหรี่ออกแล้วตอบว่า“ฉันไม่ได้จะทำอะไรกับเธอ ฉันแค่บอกเธอไปว่า หลังงานเลี้ยงต้อนรับเสร็จสิ้น ให้เธอกลับไปที่บ้านผดุงธรรม”

“แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”พิชิตถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงพูดว่า“อีกเรื่อง อาทิตย์หน้าให้เธอแวะมาที่โรงพยาบาลด้วย กระจกตาของเธอต้องเข้ารับการผ่าตัดได้แล้ว ดวงตาของเธอเริ่มที่จะมีอาการตาพร่ามัวแล้ว ”

“มีผู้บริจาคกระจกตาแล้วเหรอ?”นัทธีเอ่ยถาม

พิชิตยักไหล่ “ ที่ฉันหาให้เธอนั้นมีแล้ว แต่ที่เธอว่าจะหาเองนั้นยังไม่มี ฉันถามเธอว่าผู้บริจาคกระจกตาของเธอนั้นเสียชีวิตไปแล้วหรือยัง เธอไม่ตอบฉัน ดังนั้นฉันจึงคิดว่าน่าจะยังมีชีวิตอยู่ ในเมื่อยังมีชีวิตอยู่เราก็เอามันมาไม่ได้ จึงทำได้เพียงใช้กระจกตาอื่นเปลี่ยนให้เธอ ”

“อืม งั้นก็ดี”นัทธีพยักหน้า

“โอเคนัทธี ดึกมากแล้ว ฉันก็จะไปพักผ่อนแล้ว ตอนกลางวันเพิ่งจะเข้าผ่าตัดไปแปดชั่วโมงได้ รู้สึกเหนื่อยมาก”

นัทธีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง

เมื่อวางสายแล้ว เขาก็เก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋า หันหลังเดินกลับเข้าไปที่ห้องนอน

วารุณีที่อาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นเขาเดินมาจากระเบียง และยังได้กลิ่นบุหรี่ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “สูบบุหรี่มาเหรอ?”

นัทธีไม่ได้ปฏิเสธ ถอดเสื้อสูทออกแล้วโยนมันลงไปบนโซฟา “สูบไปมวนหนึ่ง เหม็นมากเหรอ ?”

เขาถามหญิงสาว

หญิงสาวส่ายหัว“ ก็ไม่ขนาดนั้น กลิ่นบุหรี่นี้ก็หอมดี แต่ฉันไม่ชอบให้คุณสูบบุหรี่ อายุสามสิบแล้วนะ ฉันอยากให้คุณดูแลสุขภาพบ้าง ”

อายุสามสิบ?ดูแลสุขภาพ?

นัทธีเลิกคิ้ว “คุณว่าผมแก่แล้วงั้นเหรอ?”

วารุณีเช็ดผมแล้วหัวเราะออกมา “ ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นนะ แต่คุณก็ไม่ใช่เด็กแล้วนะ ”

ขณะที่พูด เธอก็กวาดตามองสำรวจเขา

ไม่ใช่เด็ก ?

คำพูดนี้ดังก้องในหูของนัทธี ราวกับมีลูกธนูมาปักอก เขาหรี่ตาลง เม้มริมฝีปากบางแน่น คว้าไปที่มือของหญิงสาว ออกแรงดึงร่างเธอเข้ามาในอ้อมแขน เชิดคางหญิงสาวขึ้น ก้มหน้าแล้วมองเธอ พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า“ผมจะพิสูจน์ให้คุณดู ว่าผมแก่หรือไม่แก่ !”

หลังจากที่พูดจบ ก็พุ่งเป้าไปที่ริมฝีปากแดงระเรื่อของเธออย่างแม่นยำ

วารุณีถึงกับตกใจ ไม่คิดว่า แค่เธอพูดว่าเขาไม่เด็กแล้ว ก็จะยั่วโมโหเขาได้ และเหมือนเขาจะใส่ใจมันมาก

หากรู้อย่างนี้ เธอก็คงจะไม่พูดมันออกไป และตอนนี้ก็คงจะไม่ขุดหลุมฝังตัวเองแบบนี้

วารุณีถึงกับจนปัญญา แต่ร่างกายเธอก็ซื่อสัตย์มาก ยกมือขึ้นโอบไปที่ลำคอของชายหนุ่ม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ