“ก็ไม่ถึงขั้นนั้น” พิชิตส่ายหัวให้“ เธอโทรมาหาฉัน แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น เสียใจมาก บอกว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นฉันจึงเดาว่า พวกนายรังแกอะไรเธอหรือเปล่า”
นัทธีถอนหายใจออกมา“แล้วนายไม่ถามเธอเหรอ ว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“ฉันถามแล้ว แต่เธอก็เอาแต่ร้องไห้ ไม่พูดอะไร ฉันจึงได้โทรมาหานายอยู่นี่ไง ? นัทธี มันเกิดอะไรขึ้น ?”
พิชิตขมวดคิ้วแล้วถามออกไป
นัทธีพ่นควันบุหรี่ออกมา แล้วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง
หลังจากที่พิชิตฟังจบ ก็ถึงกับตะลึง สักพักกว่าจะเปล่งเสียงออกมา“ เธอทำแบบนี้ได้ยังไง ?”
เขาไม่เข้าใจ ก็แค่แตะไปที่เปียโนของเธอเองไม่ใช่เหรอ ?
ทำไมเธอจึงได้อารมณ์รุนแรงขนาดนี้ และยังไปผลักตัวเด็กน้อยอีกด้วย นี่คือนวิยาคนที่เขารู้จักใช่ไหม ?
ในตอนนี้เอง ในใจของพิชิตก็เริ่มสงสัย สาวน้อยที่ใสซื่อบริสุทธิ์ในสายตาเขาคนนั้น ได้หายไปแล้วจริงๆใช่ไหม
หรือบางทีอาจจะหายไปแล้วจริงๆ ครั้งที่แล้วก็ยังใส่ร้ายวารุณีว่าผลักเธอ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ พิชิตก็ยิ้มแห้ง“นัทธี บางทีนวิยาอาจจะเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปในตอนที่เราไม่รู้ เปลี่ยนไปไม่เหมือนเธอคนเดิมอีกแล้ว ”
นัทธีไม่ตอบรับหรือปฏิเสธกับคำพูดนี้ “ฉันรู้”
“แล้วนายจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง” พิชิตถามหยั่งเชิง
แม้ในใจของเขาจะรู้สึกผิดหวังในตัวนวิยา แต่เขาก็ยังรักเธออยู่ เขาก็ไม่อยากให้นัทธีลงโทษนวิยารุนแรงมากนัก
นัทธีเหมือนจะเดาความคิดอ่านของพิชิตได้ เขี่ยผงบุหรี่ออกแล้วตอบว่า“ฉันไม่ได้จะทำอะไรกับเธอ ฉันแค่บอกเธอไปว่า หลังงานเลี้ยงต้อนรับเสร็จสิ้น ให้เธอกลับไปที่บ้านผดุงธรรม”
“แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”พิชิตถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงพูดว่า“อีกเรื่อง อาทิตย์หน้าให้เธอแวะมาที่โรงพยาบาลด้วย กระจกตาของเธอต้องเข้ารับการผ่าตัดได้แล้ว ดวงตาของเธอเริ่มที่จะมีอาการตาพร่ามัวแล้ว ”
“มีผู้บริจาคกระจกตาแล้วเหรอ?”นัทธีเอ่ยถาม
พิชิตยักไหล่ “ ที่ฉันหาให้เธอนั้นมีแล้ว แต่ที่เธอว่าจะหาเองนั้นยังไม่มี ฉันถามเธอว่าผู้บริจาคกระจกตาของเธอนั้นเสียชีวิตไปแล้วหรือยัง เธอไม่ตอบฉัน ดังนั้นฉันจึงคิดว่าน่าจะยังมีชีวิตอยู่ ในเมื่อยังมีชีวิตอยู่เราก็เอามันมาไม่ได้ จึงทำได้เพียงใช้กระจกตาอื่นเปลี่ยนให้เธอ ”
“อืม งั้นก็ดี”นัทธีพยักหน้า
“โอเคนัทธี ดึกมากแล้ว ฉันก็จะไปพักผ่อนแล้ว ตอนกลางวันเพิ่งจะเข้าผ่าตัดไปแปดชั่วโมงได้ รู้สึกเหนื่อยมาก”
นัทธีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง
เมื่อวางสายแล้ว เขาก็เก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋า หันหลังเดินกลับเข้าไปที่ห้องนอน
วารุณีที่อาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นเขาเดินมาจากระเบียง และยังได้กลิ่นบุหรี่ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “สูบบุหรี่มาเหรอ?”
นัทธีไม่ได้ปฏิเสธ ถอดเสื้อสูทออกแล้วโยนมันลงไปบนโซฟา “สูบไปมวนหนึ่ง เหม็นมากเหรอ ?”
เขาถามหญิงสาว
หญิงสาวส่ายหัว“ ก็ไม่ขนาดนั้น กลิ่นบุหรี่นี้ก็หอมดี แต่ฉันไม่ชอบให้คุณสูบบุหรี่ อายุสามสิบแล้วนะ ฉันอยากให้คุณดูแลสุขภาพบ้าง ”
อายุสามสิบ?ดูแลสุขภาพ?
นัทธีเลิกคิ้ว “คุณว่าผมแก่แล้วงั้นเหรอ?”
วารุณีเช็ดผมแล้วหัวเราะออกมา “ ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นนะ แต่คุณก็ไม่ใช่เด็กแล้วนะ ”
ขณะที่พูด เธอก็กวาดตามองสำรวจเขา
ไม่ใช่เด็ก ?
คำพูดนี้ดังก้องในหูของนัทธี ราวกับมีลูกธนูมาปักอก เขาหรี่ตาลง เม้มริมฝีปากบางแน่น คว้าไปที่มือของหญิงสาว ออกแรงดึงร่างเธอเข้ามาในอ้อมแขน เชิดคางหญิงสาวขึ้น ก้มหน้าแล้วมองเธอ พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า“ผมจะพิสูจน์ให้คุณดู ว่าผมแก่หรือไม่แก่ !”
หลังจากที่พูดจบ ก็พุ่งเป้าไปที่ริมฝีปากแดงระเรื่อของเธออย่างแม่นยำ
วารุณีถึงกับตกใจ ไม่คิดว่า แค่เธอพูดว่าเขาไม่เด็กแล้ว ก็จะยั่วโมโหเขาได้ และเหมือนเขาจะใส่ใจมันมาก
หากรู้อย่างนี้ เธอก็คงจะไม่พูดมันออกไป และตอนนี้ก็คงจะไม่ขุดหลุมฝังตัวเองแบบนี้
วารุณีถึงกับจนปัญญา แต่ร่างกายเธอก็ซื่อสัตย์มาก ยกมือขึ้นโอบไปที่ลำคอของชายหนุ่ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...