เท่ากับว่า มีนวิยาก็ไม่มีพวกเขา มีพวกเขาก็ต้องไม่มีนวิยา
ครั้งนี้นวิยาผลักไอริณได้ ครั้งหน้าจะทำอะไรได้อีก เธอเองก็ไม่อาจจะรู้ได้
คำพูดของวารุณีทำเอาคิ้วของนัทธีต้องขมวด “พวกคุณเป็นเจ้าของคฤหาสน์ ไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกคุณต้องไป”
“เพราะฉะนั้นคุณตัดสินใจแล้ว ว่าหากงานเลี้ยงต้อนรับเสร็จสิ้น ก็จะให้นวิยาออกไป?”ดวงตาของวารุณีมีประกายเล็กน้อย
นัทธีจับมือของเธอ แล้วดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขน“ หากผมไม่แน่ใจ ตอนที่อยู่ข้างล่าง ผมคงไม่พูดมันไปแบบนั้นกับนวิยา”
ทันทีที่พูดออกมา วารุณีก็รู้สึกดีใจ ย่นจมูกใส่ชายหนุ่ม“ ถือว่าใช้ได้ ”
“เอาล่ะ ในเมื่อไอริณก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว เราลงไปข้างล่างกันเถอะ ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว” นัทธีคลายมือออกจากเธอ
วารุณีผละออกจากอ้อมแขนของเขา จากนั้นต่างก็จูงมือของเด็กๆเอาไว้ เปิดประตูห้อง แล้วเดินลงไปยังชั้นล่าง
ที่บริเวณชั้นล่างนวิยาที่นั่งอยู่บนโซฟา ก้มหน้านิ่ง มองไม่เห็นสีหน้าอาการของหญิงสาว
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากบันได เธอก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว หันกลับมา เงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
เมื่อเห็นทั้งสี่คนเดินลงมา เธอก็หยิบตุ๊กตาหมีที่อยู่ข้างๆขึ้นมาเดินอ้อมโซฟามาที่บันได
นัทธีกับวารุณีก็เดินมาถึงที่ตรงหน้าเธอพอดี
เมื่อไอริณเห็นเธอ ก็หลบไปแอบอยู่ข้างหลังของวารุณีทันที ตัวนัทธีเองก็เข้ามายืนบังตรงหน้าของแม่ลูกสามคนเอาไว้ด้วยเช่นกัน
“มีอะไรหรือเปล่า?”นัทธีมองไปที่นวิยา แล้วเอ่ยพูดด้วยท่าทีที่เย็นชา
นี่เป็นครั้งแรกที่นวิยาต้องพบเจอกับความเย็นชาของชายหนุ่ม ในใจก็ร้อนรนกระวนกระวายขึ้นมา
เธอยกตุ๊กตาหมีขึ้นมา แล้วมองไปที่วารุณี“คุณวารุณีฉันมาเพื่ออยากจะขอโทษไอริณ นี่คือ......ของที่เอามาให้ไอริณ”
วารุณีเหลือบมองไปที่หมีน้อยในมือของเธอ เป็นตัวสีน้ำตาล สูงเกือบครึ่งเมตรได้ น่ารักมาก เป็นแบบที่เด็กๆชอบกัน
ไอริณเป็นคนที่ชอบของเล่นที่น่ารักอะไรแบบนี้ แต่เธอก็ไม่คิดที่จะรับมันไว้แทนไอริณ
วารุณีผละสายตาออก น้ำเสียงที่เย็นชาก็พูดขึ้นว่า“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณนวิยาเก็บไว้เองเถอะ”
“ไม่ไม่ไม่ คุณวารุณี ได้โปรดรับมันไว้ด้วยเถอะนะคะฉันรู้ตัวว่าทำผิด ไม่ควรทำแบบนั้นกับไอริณ เพราะฉะนั้น......”
“คุณนวิยา!”วารุณีขมวดคิ้ว พูดเสียงเข้มสวนเธอขึ้นมา “ฉันบอกแล้วไงคะว่าไม่จำเป็น ไม่ใช่ว่าทุกความผิดจะใช้คำว่าขอโทษได้ หรือของขวัญเล็กๆน้อยๆก็จะชดเชยได้ เพราะฉะนั้นของพวกนี้ เราไม่ต้องการ”
พูดจบ วารุณีก็จูงมือของเด็กทั้งสองคน เดินผ่านหน้าเธอไป
ที่ทางลงของบันได นวิยากับนัทธีก็ยืนประจันหน้ากัน
นวิยาราวกับเจ็บปวดมาก วางตุ๊กตาหมีลงอย่างแผ่วเบา ก้มศีรษะลง พูดด้วยน้ำเสียงติดๆขัดๆว่า “นัทธี ฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ ตอนนั้นฉันวู่วามไป ไม่ได้คิดให้มันถี่ถ้วน พวกคุณอภัยให้ฉันไม่ได้จริงๆ เหรอ?”
วารุณีก็ช่างเป็นคนใจแคบนัก เด็กนั่นก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ยังไม่ยอมรับคำขอโทษอีก
ช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย
นัทธีไม่รู้ว่านวิยากำลังคิดอะไรอยู่ เม้มริมฝีปากแล้วก้มมองดูเธอ“ ที่คุณผลักคือเด็กคนหนึ่ง ”
“ฉันรู้ แต่ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดให้มันถี่ถ้วน คุณก็รู้ ว่าฉันรักเปียโนมาก ดังนั้นจึงรับไม่ได้ที่ใครจะมาแตะต้องเปียโนของฉัน เลยแสดงท่าทีที่รุนแรงออกไป......”
“แล้วคุณรู้ไหม ว่าการกระทำของคุณ มันจะทำให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บ ? ”นัทธีถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก
นวิยาส่ายหัว“ฉันไม่ได้คิดมากขนาดนั้น ขอโทษด้วยนัทธี ต่อไปฉันจะปรับปรุงตัว คุณอย่าโกรธฉันเลยนะ ?”
เธอเอื้อมมือไป อยากจะดึงแขนเสื้อของเขา
นัทธีก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วยกแขนขึ้น เพื่อหลบเลี่ยง
“คนที่คุณควรจะขอโทษไม่ใช่ผม เข้าใจไหม ? ” ทันทีที่นัทธีพูดประโยคนี้จบ ก็เดินหนีเธอไป
นวิยาหันกลับไปมองแผ่นหลังของเขา ริมฝีปากของเธอขยับ ราวกับอยากจะเรียกรั้งเขาเอาไว้ แต่ไม่รู้ว่าคิดอะไรขึ้นมาได้ ก็ปิดปากเงียบเอาไว้อย่างเดิม
เธอสูดหายใจเข้าลึก กำมือแน่น ดวงตาซับซ้อนยากที่จะเข้าใจ
เธอรู้ว่าการกระทำของเธอในครั้งนี้ ทำให้นัทธีไม่พอใจอย่างมาก และทำให้นัทธีเริ่มที่จะผิดหวังในตัวเธอ ให้เธอไปจากที่นี่ก็เป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...