อารัณเองก็เหมือนจะรู้สึกเช่นเดียวกับเธอไม่ต่างกัน คิ้วเล็กๆก็ขมวดแน่น ดวงตาจ้องมองไปยังนวิยาที่กำลังเล่นเปียโนอยู่
มีเพียงไอริณเท่านั้นที่ฟังอะไรไม่ออก ดวงตาเป็นประกายจ้องมองไปยังนวิยา
เธอรู้สึกว่าท่าทีที่เล่นเปียโนของนวิยานั้นสวยงามมาก ยิ่งทำให้เธออยากจะเรียนเปียโนมากขึ้นไปอีก สักวัน เธอก็คงจะสวยงามแบบนี้
ไม่นาน การบรรเลงเพลงก็จบลง นวิยาเอามือออกจากแป้นเปียโน แล้วค่อยๆลืมตาขึ้น
นัทธีปรบมือให้ วารุณีและเด็กทั้งสองคน ก็ปรบมือตาม
เมื่อได้ยินเสียงปรบมือ นวิยาก็หันมามอง เมื่อเห็นนัทธี หญิงสาวก็ยกยิ้ม “นัทธี คุณกลับมาแล้ว”
นัทธีพยักหน้าให้ “เล่นได้ดีมาก”
นวิยาถอนหายใจ“ ที่ไหนกัน ไม่ได้แตะเปียโนมาสิบปีแล้ว ตอนนี้ฝีมือของฉันถดถอยไปมาก เล่นไปแค่เพลงเดียว นิ้วมือก็ปวดไปหมด ”
“ไม่เป็นไร ค่อยๆปรับตัว ผมเชื่อว่าอีกไม่นานคุณก็จะกลับมาเล่นได้อย่างในตอนนั้น ”นัทธพูดปลอบ
นวิยาลุกขึ้นยืน “ขอบคุณนะนัทธี ฉันจะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวัง อีกอย่าง เปียโนหลังนี้ฉันชอบมาก”
เธอลูบไปที่แป้นเปียโน
จากนั้น นวิยาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ดวงตาไหววูบ มองไปยังวารุณี “คุณวารุณี นัทธีซื้อเปียโนให้ฉัน คุณไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ?”
วารุณีจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเธอกำลังโอ้อวดอยู่ จึงยิ้มออกมาอย่างเรียบเฉย “ไม่ค่ะ แค่เปียโนเอง มากสุดก็น่าจะล้านกว่าบาท แต่ตัวของนัทธีเป็นของฉัน และทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขาก็เป็นของฉัน คุณนวิยาคิดว่า ฉันจะให้ความสำคัญกับเงินแค่ล้านเดียวเท่านั้นเหรอคะ ?”
สีหน้าของนวิยาแข็งค้าง ไม่นานก็ปรับสภาพอารมณ์ได้ ยิ้มแล้วสยายผม “ที่คุณพูดมันก็ถูก ในเมื่อคุณไม่ถือสา เปียโนหลังนี้ ฉันก็จะได้รับมันเอาไว้อย่างสบายใจ ”
เพิ่งจะพูดจบ เสียงของเปียโนก็ดังขึ้นมา
สีหน้าของนวิยาเปลี่ยนไปทันที รีบหันหลังกลับไปดู
เมื่อเห็นไอริณกำลังวางมือไปยังคีย์บอร์ดอย่างสนอกสนใจ และกำลังจะกดคีย์บอร์ดเล่นอีกครั้ง เธอก็ราวกับถูกกระตุ้น ใบหน้าบิดเบี้ยว คว้าไปที่คอเสื้อของไอริณแล้วโยนร่างนั้นออกไป ตวาดเสียงดังว่า “อย่าแตะต้องเปียโนของฉัน!”
ร่างของไอริณล้มคะมำไปกับพื้น เด็กน้อยนิ่งอึ้ง ผ่านไปชั่วครู่ก็ถึงได้รู้สึกตัว ร้องไห้จ้าออกมาด้วยความตกใจ
อารัณรีบเดินเข้าไปหา กอดน้องสาวเอาไว้ในอ้อมแขน มือของเขาลูบไปที่แผ่นหลังของน้อง และสายตาไร้เยื่อใยอันเย็นชาก็จ้องเขม็งมองไปที่นวิยา
นวิยาก็ตะลึงงัน เพิ่งจะมารู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรลงไป หน้าผากมีเหงื่อเย็นไหลผุดออกมา ร่างกายไหวสั่น ตัวที่แข็งทื่อก็หันหลังกลับ “นัท......นัทธี เมื่อกี้ฉัน......”
นัยน์ตาคมของนัทธีลุ่มลึกจ้องมองไปยังเธอ โดยไม่พูดอะไร
มีเพียงวารุณีที่กำมือแน่น พูดอย่างโกรธเคืองว่า“คุณนวิยา อธิบายให้ฉันฟังได้ไหม ว่าทำไมคุณต้องผลักลูกสาวของฉันด้วย !”
“ฉัน......ฉันไม่ได้ตั้งใจ”ดวงตาของนวิยาแดงก่ำขึ้นมาทันที
วารุณีหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ“ ไม่ได้ตั้งใจ ? การกระทำของคุณเมื่อครู่เราทุกคนต่างก็เห็น คุณบอกว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ คำพูดนี้ตัวคุณเองเชื่อมันไหม ? กระดูกของเด็กเปราะบางแค่ไหน ไม่จำเป็นให้ฉันต้องบอกคุณหรอกใช่ไหม !”
หากไม่ใช่เพราะที่พื้นนั้นมีพรมปูอยู่ ไม่แน่ว่าไอริณเอง กระดูกก้นกบก็คงหักไปแล้ว
แค่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ในใจของวารุณีก็หวาดกลัวมือไม้เย็นเฉียบไปหมด
“ขอโทษด้วยคุณวารุณี ฉันไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ ฉันแค่......แค่ไม่อยากให้ใครมาแตะเปียโนของฉัน คุณก็รู้ สำหรับคนที่เล่นเปียโนเปียโนนั้นคือ......”
“ฉันไม่รู้!” วารุณีพูดขัดเธอขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ฉันรู้แค่ว่า ลูกสาวของฉันแตะไปที่เปียโนของคุณเพียงครั้งเดียว คุณก็จับเธอโยนออกไป หรือสำหรับคุณนวิยาแล้ว ชีวิตของคนคนหนึ่ง มีค่าไม่เท่ากับเปียโนหลังหนึ่งงั้นเหรอ ”
ในตอนนี้เองนัทธีก็พูดขึ้นมา ดวงตาที่ซับซ้อน มองไปที่นวิยาอย่างผิดหวัง“รองานเลี้ยงต้อนรับเสร็จสิ้น ผมจะแจ้งไปยังนายท่านบุญชัย ให้มารับตัวคุณกลับไปที่ตระกูลผดุงธรรม ”
พูดจบ เขาก็ก้าวเดินไปข้างหน้า อุ้มตัวของเด็กน้อยที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น แล้วเดินขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน
อารัณก็เดินตามหลังไปด้วย
นวิยามองไปยังแผ่นหลังของพ่อลูกสามคน ในใจก็ร้อนรนจนอยู่ไม่สุข
เธอรู้ดี ว่านัทธีผิดหวังในตัวเธอมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...