วารุณีตบหลังมือของเธอ“ขอโทษนะปาจรีย์ ทำให้เธอต้องเป็นห่วง”
“ที่ต้องขอโทษคือฉันต่างหาก ฉันลงไปลานจอดรถกับเธอเห็นๆ แต่ช่วยเธอมาไม่ได้ วารุณีฉัน......”
วารุณีปิดปากของเธอไว้“ฉันรู้ ฉันก็ได้ยินผู้ช่วยมารุตบอกว่า เพื่อที่มาขวางฉันถูกคนจับไป เธอก็เกือบถูกรถชน ฉันควรขอโทษเธอต่างหาก เพราะว่าฉันให้เธอไปกับฉัน แต่ว่ายังดีที่เธอไม่เป็นไร”
ถ้าปาจรีย์ถูกรถชนจริงๆ
ชีวิตนี้เธอก็ไม่อาจอยู่เป็นสุขได้
“ใช่สิวารุณี เธอทำยังไงถึงได้ไม่เป็นไรขนาดนี้?”ปาจรีย์มองวารุณีที่อยู่ครบสามสิบสองประการ
ความคิดของเธอเหมือนกับพิชิต ตกลงมาจากหน้าผาสูงขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เป็นอะไร ซึ่งทำให้เธอตกใจจริงๆ
วารุณีหัวเราะ และก็ไม่ได้ปิดบังเธอ พูดว่าตัวเองกับนิรุตติ์รอดมาได้อย่างไร ออกมาทั้งหมด
ปาจรีย์ฟังจบก็ถอนหายใจ“คนดีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองจริงๆ ไม่งั้นจะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร ที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่ข้างล่างพวกเธอ แต่ว่านี่ก็ไม่ถูก ถึงพวกเธอจะถูกห้อยอยู่บนต้นไม้ แต่ต่อมาล้มไปลงที่พื้น ก็ไม่มีทางที่จะไม่บาดเจ็บหนัก”
“ฉันไม่เป็นไร ที่เป็นคือนิรุตติ์ ขาเขาหัก แขนทั้งสองข้างก็เคล็ด”วารุณีนึกถึงสภาพย่ำแย่ของนิรุตติ์ในตอนนั้นแล้วพูดออกไป
และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไร
ได้ยินนัทธีบอกว่า ช่วงที่เธอหมดสติไป นิรุตติ์ก็หนีไปก่อน ตอนนี้นัทธีให้คนไปหาเขา ไม่รู้ว่าจะหาเจอไหม
“งั้นเขาก็อนาถเสียจริง”ปาจรีย์เบะปาก พูดอย่างสะใจ
จากนั้น เธอจึงตระหนักอะไรได้ ดวงตานั้นเบิกโต“ไม่สิ พวกเธอตกลงมาจากต้นไม้ใหญ่ด้วยกัน เขาล้มจนเป็นแบบนี้ วารุณีเธอกลับไม่เป็นอะไร คงไม่ใช่ว่าเขาช่วยเธอไว้หรอกนะ?”
“ไม่มั้ง?”วารุณีดูตะลึงไป
ปาจรีย์หรี่ตาลงคาดเดาออกไป“เป็นไปได้นะ ไม่งั้นจะอธิบายอย่างไรว่าทำไมบาดแผลของพวกเธอถึงต่างกันขนาดนี้”
“เอ่อ......”วารุณีไม่พูด ใจนั้นเต้นแรง
คงไม่ใช่นิรุตติ์ช่วยเธอจริงๆหรอกนะ
แต่ทำไมเขาต้องทำแบบนี้?
คนที่จับตัวเธอไปก็คือเขา จี้เธอไปกระโดดหน้าผาก็เป็นเขา แล้วทำไมสุดท้ายเขาต้องช่วยเธอ?
คิดไม่ออก วารุณีจึงกัดริมฝีปาก และก็ไม่คิดอีก
ไม่ว่าเพราะสาเหตุอะไรนั้น และไม่ว่านิรุตติ์ช่วยเธอหรือไม่ รอจับเขาได้แล้ว ก็จะรู้ทุกอย่าง
ตอนนี้เอง ที่บันไดก็มีการเคลื่อนไหวเข้ามา
วารุณีกับปาจรีย์หันหน้าไปมองพร้อมกัน นวิยากำลังจับราวบันไดเดินลงมาจากชั้นบน
นวิยายิ้มให้ทั้งสองคน“คุณวารุณี คุณปาจรีย์”
“สวัสดีค่ะคุณนวิยา”ปาจรีย์พยักหน้าไปนิ่งๆ แล้วตอบกลับ
สายตานวิยามองไปที่ตัววารุณี“คุณปาจรีย์มาดูคุณวารุณีเหรอ?”
“ใช่”ปาจรีย์ดื่มชาน้ำผึ้งที่ป้าส้มต้มมาให้
“แบบนี้นี่เอง งั้นฉันไม่รบกวนพวกคุณแล้ว พวกคุณคุยกันต่อเถอะ”นวิยาพูดจบ จึงเดินไปที่สวนด้านนอก
ปาจรีย์เห็นเธอเดินไปไกล จึงพูดเสียงเบากับวารุณี:“วารุณี ฉันได้ยินเธอบอกว่า เธอคบกับคุณหมอพิชิตแล้วนี่?ทำไมยังอยู่นี่?”
“คุณหมอพิชิตบอกแล้ว รอตกแต่งห้องเสร็จ จะรับเธอไป”วารุณีถือแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแล้วพูด
ปาจรีย์พยักหน้า“ก็พอได้นะ แต่ฉันจะบอกให้ เธอไม่ควรอยู่นี่หรอก เธอคือภรรยาของประธานนัทธี ส่วนเธอเป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กของประธานนัทธี และยังเป็นเพื่อนวัยเด็กที่มีความหมายกับประธานนัทธีอีก ภรรยากับเพื่อนวัยเด็กอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน นี่มันอะไรกันเนี่ย?”
วารุณียิ้ม ไม่พูดอะไร
ปาจรีย์เบะปาก“ประธานนัทธีก็จริงๆเลย เขาไม่กลัวพวกเธอตบกันเหรอ?”
“พอเถอะ อย่าพูดเรื่องนี้เลย พูดเรื่องอื่นเถอะ”วารุณีไม่อยากพูดถึงเรื่องของนวิยา
ถ้าเจ้าตัวได้ยิน จะคิดว่าพวกเธอนินทาเธอได้
ปาจรีย์ก็รู้เรื่องนี้ ยักไหล่ แล้วเปลี่ยนเรื่อง
จนเที่ยง ปาจรีย์ทานข้าวเสร็จ ก็ขอตัวลา
วารุณีกลับไปวาดภาพออกแบบของตัวเอง
ตอนนี้เอง โทรศัพท์ที่เธอวางไว้ข้างๆก็ดังขึ้นมา
วารุณีวางดินสอในมือ หยิบโทรศัพท์มาดู เป็นเบอร์แปลกเบอร์หนึ่ง
ลังเลแป๊บหนึ่ง วารุณีก็กดรับไป“ใครคะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...