พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ นิยาย บท 369

วารุณีตบหลังมือของเธอ“ขอโทษนะปาจรีย์ ทำให้เธอต้องเป็นห่วง”

“ที่ต้องขอโทษคือฉันต่างหาก ฉันลงไปลานจอดรถกับเธอเห็นๆ แต่ช่วยเธอมาไม่ได้ วารุณีฉัน......”

วารุณีปิดปากของเธอไว้“ฉันรู้ ฉันก็ได้ยินผู้ช่วยมารุตบอกว่า เพื่อที่มาขวางฉันถูกคนจับไป เธอก็เกือบถูกรถชน ฉันควรขอโทษเธอต่างหาก เพราะว่าฉันให้เธอไปกับฉัน แต่ว่ายังดีที่เธอไม่เป็นไร”

ถ้าปาจรีย์ถูกรถชนจริงๆ

ชีวิตนี้เธอก็ไม่อาจอยู่เป็นสุขได้

“ใช่สิวารุณี เธอทำยังไงถึงได้ไม่เป็นไรขนาดนี้?”ปาจรีย์มองวารุณีที่อยู่ครบสามสิบสองประการ

ความคิดของเธอเหมือนกับพิชิต ตกลงมาจากหน้าผาสูงขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เป็นอะไร ซึ่งทำให้เธอตกใจจริงๆ

วารุณีหัวเราะ และก็ไม่ได้ปิดบังเธอ พูดว่าตัวเองกับนิรุตติ์รอดมาได้อย่างไร ออกมาทั้งหมด

ปาจรีย์ฟังจบก็ถอนหายใจ“คนดีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองจริงๆ ไม่งั้นจะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร ที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่ข้างล่างพวกเธอ แต่ว่านี่ก็ไม่ถูก ถึงพวกเธอจะถูกห้อยอยู่บนต้นไม้ แต่ต่อมาล้มไปลงที่พื้น ก็ไม่มีทางที่จะไม่บาดเจ็บหนัก”

“ฉันไม่เป็นไร ที่เป็นคือนิรุตติ์ ขาเขาหัก แขนทั้งสองข้างก็เคล็ด”วารุณีนึกถึงสภาพย่ำแย่ของนิรุตติ์ในตอนนั้นแล้วพูดออกไป

และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไร

ได้ยินนัทธีบอกว่า ช่วงที่เธอหมดสติไป นิรุตติ์ก็หนีไปก่อน ตอนนี้นัทธีให้คนไปหาเขา ไม่รู้ว่าจะหาเจอไหม

“งั้นเขาก็อนาถเสียจริง”ปาจรีย์เบะปาก พูดอย่างสะใจ

จากนั้น เธอจึงตระหนักอะไรได้ ดวงตานั้นเบิกโต“ไม่สิ พวกเธอตกลงมาจากต้นไม้ใหญ่ด้วยกัน เขาล้มจนเป็นแบบนี้ วารุณีเธอกลับไม่เป็นอะไร คงไม่ใช่ว่าเขาช่วยเธอไว้หรอกนะ?”

“ไม่มั้ง?”วารุณีดูตะลึงไป

ปาจรีย์หรี่ตาลงคาดเดาออกไป“เป็นไปได้นะ ไม่งั้นจะอธิบายอย่างไรว่าทำไมบาดแผลของพวกเธอถึงต่างกันขนาดนี้”

“เอ่อ......”วารุณีไม่พูด ใจนั้นเต้นแรง

คงไม่ใช่นิรุตติ์ช่วยเธอจริงๆหรอกนะ

แต่ทำไมเขาต้องทำแบบนี้?

คนที่จับตัวเธอไปก็คือเขา จี้เธอไปกระโดดหน้าผาก็เป็นเขา แล้วทำไมสุดท้ายเขาต้องช่วยเธอ?

คิดไม่ออก วารุณีจึงกัดริมฝีปาก และก็ไม่คิดอีก

ไม่ว่าเพราะสาเหตุอะไรนั้น และไม่ว่านิรุตติ์ช่วยเธอหรือไม่ รอจับเขาได้แล้ว ก็จะรู้ทุกอย่าง

ตอนนี้เอง ที่บันไดก็มีการเคลื่อนไหวเข้ามา

วารุณีกับปาจรีย์หันหน้าไปมองพร้อมกัน นวิยากำลังจับราวบันไดเดินลงมาจากชั้นบน

นวิยายิ้มให้ทั้งสองคน“คุณวารุณี คุณปาจรีย์”

“สวัสดีค่ะคุณนวิยา”ปาจรีย์พยักหน้าไปนิ่งๆ แล้วตอบกลับ

สายตานวิยามองไปที่ตัววารุณี“คุณปาจรีย์มาดูคุณวารุณีเหรอ?”

“ใช่”ปาจรีย์ดื่มชาน้ำผึ้งที่ป้าส้มต้มมาให้

“แบบนี้นี่เอง งั้นฉันไม่รบกวนพวกคุณแล้ว พวกคุณคุยกันต่อเถอะ”นวิยาพูดจบ จึงเดินไปที่สวนด้านนอก

ปาจรีย์เห็นเธอเดินไปไกล จึงพูดเสียงเบากับวารุณี:“วารุณี ฉันได้ยินเธอบอกว่า เธอคบกับคุณหมอพิชิตแล้วนี่?ทำไมยังอยู่นี่?”

“คุณหมอพิชิตบอกแล้ว รอตกแต่งห้องเสร็จ จะรับเธอไป”วารุณีถือแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแล้วพูด

ปาจรีย์พยักหน้า“ก็พอได้นะ แต่ฉันจะบอกให้ เธอไม่ควรอยู่นี่หรอก เธอคือภรรยาของประธานนัทธี ส่วนเธอเป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กของประธานนัทธี และยังเป็นเพื่อนวัยเด็กที่มีความหมายกับประธานนัทธีอีก ภรรยากับเพื่อนวัยเด็กอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน นี่มันอะไรกันเนี่ย?”

วารุณียิ้ม ไม่พูดอะไร

ปาจรีย์เบะปาก“ประธานนัทธีก็จริงๆเลย เขาไม่กลัวพวกเธอตบกันเหรอ?”

“พอเถอะ อย่าพูดเรื่องนี้เลย พูดเรื่องอื่นเถอะ”วารุณีไม่อยากพูดถึงเรื่องของนวิยา

ถ้าเจ้าตัวได้ยิน จะคิดว่าพวกเธอนินทาเธอได้

ปาจรีย์ก็รู้เรื่องนี้ ยักไหล่ แล้วเปลี่ยนเรื่อง

จนเที่ยง ปาจรีย์ทานข้าวเสร็จ ก็ขอตัวลา

วารุณีกลับไปวาดภาพออกแบบของตัวเอง

ตอนนี้เอง โทรศัพท์ที่เธอวางไว้ข้างๆก็ดังขึ้นมา

วารุณีวางดินสอในมือ หยิบโทรศัพท์มาดู เป็นเบอร์แปลกเบอร์หนึ่ง

ลังเลแป๊บหนึ่ง วารุณีก็กดรับไป“ใครคะ?”

“ฟื้นแล้ว?”เสียงทุ้มของชายหนุ่มดังเข้ามาในสาย

รูม่านตาวารุณีหดลง โทรศัพท์ก็กำไว้แน่นมาก“นิรุตติ์”

นิรุตติ์หัวเราะเสียงเบา“ดีใจจริงๆที่คุณฟังเสียงของผมออกทันที”

“คุณโทรหาฉันทำไม?”วารุณีเม้มริมฝีปาก ถามอย่างเยือกเย็น

ตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ที่ภูเขาแล้ว ไม่ใช่เพื่อนร่วมทีมที่ต้องการความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อรอดออกไปจากภูเขาได้

พวกเขาในตอนนี้ เป็นศัตรูกันจริงจัง

นิรุตติ์ฟังน้ำเสียงเย็นชาของวารุณี หัวใจก็แผ่วลงไป แต่แป๊บเดียวก็คืนกลับมาเหมือนเดิม รอยยิ้มชัดขึ้น“แต่ยังไงพวกเราก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน คุณทำกับผมแบบนี้ ผมเสียใจนะ”

“คุณไม่พูด ฉันจะวางละนะ!”วารุณีพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ

นิรุตติ์จับหน้าผาก“คุณนี่ไม่รักษาน้ำใจเลยนะ โอเค ผมจะบอกว่า ที่จริงผมก็ไม่มีอะไร แค่อยากรู้ว่าคุณฟื้นยัง”

เขาเพิ่งฟื้นจากการผ่าตัด พอฟื้นมา ก็มาถามเธอเป็นอย่างแรก

ตลกจัง เขาเนี่ยนะจะใจเต้นกับเธอ!

“ฉันฟื้นหรือไม่ เหมือนจะไม่เกี่ยวอะไรกับผู้อำนวยการนิรุตติ์นะคะ ผู้อำนวยการนิรุตติ์โทรหาฉัน ไม่กลัวฉันเอาเบอร์ของคุณส่งให้นัทธี ให้เขาตามรอยคุณไปเหรอ?”วารุณียกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา

นิรุตติ์นอนบนเตียงคนไข้ ขาข้างหนึ่งห้อยสูงขึ้นมา แขนทั้งสองข้างก็พันผ้าไว้ โทรศัพท์ถูกพยาบาลวางไว้ข้างหู แกล้งทำเป็นถอนหายใจอย่างเสียใจ“คุณอยากให้ผมถูกจับได้จริงๆเลยนะ”

“คุณว่าไงล่ะ พวกเราเป็นศัตรูกันนะ”วารุณีส่งเสียงเย็นชาออกไป

สายตานิรุตติ์หม่นลง“ใช่ ศัตรู แต่ผมเสียใจแล้ว......”

เสียใจที่ให้เธอคบกับนัทธี

ถ้าเขารู้ว่าตัวเองจะรักเธอ เขาไม่ให้เธอได้คบกับนัทธีแน่!

วารุณีไม่รู้ว่าในใจของนิรุตติ์กำลังคิดอะไรอยู่ ขมวดคิ้วอย่างสงสัยไปว่า“เสียใจอะไร?”

“ไม่มีอะไร”นิรุตติ์ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

วารุณีขมวดคิ้ว

นิรุตติ์เห็นพยาบาลเข้ามา จึงพูดไปอีกว่า:“โอเค รู้แล้วว่าคุณไม่เป็นไรผมก็โล่งอก แค่นี้นะ”

ได้ยินประโยคที่เขาพูด วารุณีก็ตะลึง จากนั้นก็คิดถึงคำพูดที่ปาจรีย์พูดเมื่อเช้า จึงพูดเรียกเขาไว้จากจิตใต้สำนึก“เดี๋ยวก่อน!”

“ทำไม อาลัยอาวรณ์ผมเหรอ?”มุมปากของนิรุตติ์ยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ

วารุณีขมวดคิ้วแน่นขึ้น ในใจนั้นโกรธหน่อยๆ

คนๆนี้ ทำตัวไม่จริงจังขนาดนี้ จะต้องไม่ได้ช่วยเธอแน่!

คิดไป วารุณีก็ระงับแรงกระตุ้นที่อยากถามให้เข้าใจภายในใจไว้ พูดไปนิ่งๆ:“ไม่มีอะไร แค่นี้นะ!”

พูดจบ วารุณีก็ตัดสายไปโดยตรง จากนั้นส่งเบอร์ของนิรุตติ์ให้นัทธี

แป๊บเดียวนัทธีก็โทรมา“นิรุตติ์โทรหาคุณ?”

“อือ”วารุณีพยักหน้า

สีหน้านัทธีหม่นลง“เขาหาคุณทำไม?”

เขาตามหาร่องรอยของนิรุตติ์ไมได้

คิดไม่ถึงว่านิรุตติ์จะโผล่ออกมาเอง

วารุณีก็ไม่ได้ปิดบัง พูดไปตรงๆ“เขาถามว่าฉันฟื้นหรือยัง”

“ถามว่าคุณฟื้นยัง?”นัทธีขมวดคิ้ว

นิรุตติ์โทรมา เพื่อถามแค่นี้?

“ใช่”วารุณีตอบอือ

นัทธียิ่งคิดไม่ออกว่าเป้าหมายของนิรุตติ์อยู่ที่ไหน

และในใจก็ไม่สบายใจเท่าไหร่นัก

ทำให้เขายิ่งรังเกียจนิรุตติ์มากขึ้น

“ผมรู้แล้ว ผมจะหาร่องรอยของนิรุตติ์ คุณพักผ่อนเยอะๆ”นัทธีขมวดคิ้ว

วารุณียิ้มตอบ“โอเค”

โทรศัพท์เสร็จ นัทธีวางโทรศัพท์ลง เรียกมารุตเข้ามาในห้องทำงาน“นี่เบอร์ของนิรุตติ์ คุณให้คนไปล็อกตำแหน่งของเขาไว้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ