"เข้ามา!” เสียงเยือกเย็นของนัทธีดังขึ้น
วารุณีเปิดประตูเข้าไป "ประธานนัทธี สุดสัปดาห์นี้คุณมีเวลาว่างไหมคะ?"
"มีอะไรรึเปล่าครับ?" นัทธีวางเอกสารในมือลงแล้วมองไปที่เธอ
วารุณีจับมือตนเองแน่น รวบรวมความกล้าแล้วพูด“คือว่า สุดสัปดาห์นี้ที่โรงเรียนอนุบาลของอารัณกับไอริณ มีกิจกรรมพ่อแม่ลูก คุณเองก็รู้ดีว่าสถานการณ์ของพวกเราพ่อแม่ลูกเป็นยังไง ดังนั้น......"
"คุณอยากให้ผมสวมรอยเป็นพ่อของเด็กทั้งสองคน แล้วไปร่วมกิจกรรมนี้เหรอครับ?" นัทธีขมวดคิ้ว เข้าใจสิ่งที่เธอพูดทันที
"ใช่ค่ะ" วารุณีพยักหน้า
มือเรียวยาวของนัทธีเคาะโต๊ะทำงานเบาๆ "ทำไมถึงมาขอให้ผมช่วย? คุณมีหมอที่ชื่อพงศกรอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?"
วารุณีจับจมูก "พงศกรไม่ว่างค่ะ"
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของนัทธีเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
ดังนั้นที่เป็นเพราะเธอไม่มีคนอื่นให้ขอความช่วยเหลือ ก็เลยมาหาเขา?
คิดถึงตรงนี้ ภายในใจของนัทธีโมโหเล็กน้อย ขณะที่เขากำลังจะปฏิเสธ เสียงโอหังดังขึ้นมาจากประตู "เรื่องแบบนี้ คุณควรมาหาผมสิ"
หื้ม?
วารุณีหันหน้ากลับไป
เห็นนิรุตติ์ถือเอกสารเอาไว้หนึ่งเล่ม แล้วเดินเข้ามา หยุดลงข้างเธอ
"ผู้อำนวยการนิรุตต์" วารุณีร้องทักด้วยความเกรงใจ
นิรุตต์มองนัทธีด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จากนั้นมองไปที่วารุณี "เมื่อกี้ผมได้ยินหมดแล้ว คุณอยากหาพ่อไปร่วมกิจกรรมพ่อแม่ลูกให้ลูกทั้งสองคนของคุณ ผมไปดีไหมครับ?"
เขาชี้ไปที่ตัวเอง
นัทธีขมวดคิ้วเป็นปม ทว่าไม่ได้พูดอะไร เขามองวารุณี อยากรู้คำตอบของเธอ
วารุณีไม่ทำให้เขาผิดหวัง โค้งลำตัวลงแล้วบอกกับนิรุตติ์ด้วยความรู้สึกผิด "ขอบคุณมากนะคะผู้อำนวยการนิรุตติ์ แต่ว่าไม่เป็นไรค่ะ"
เธอปฏิเสธเสียงแข็งแบบนี้ ทำให้นัยน์ตาของนิรุตติ์ฉายความโมโห แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว "ทำไมคุณถึงไม่พิจารณาผมบ้าง? ให้ผมไปกับนัทธีไปน่าจะไม่มีอะไรแตกต่างกันมากรึเปล่า?"
"มีค่ะ!” วารุณีหันไปทางนัทธี "ประธานนัทธีหน้าตาคล้ายลูกชายของฉันมาก ไม่ต้องกลัวว่าถ้าเขาไปคนอื่นจะสงสัยว่าเป็นพ่อลูกกันรึเปล่า"
นี่ก็จริง!
ริมฝีปากบางของนัทธีกระตุกขึ้นเล็กน้อย อารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นเล็กน้อย เพราะคำพูดของเธอ
นิรุตติ์ไม่พอใจที่นัทธีได้ดี หลบตาลงซ่อนความหม่นหมอง พูดเสียงเบา“แค่หน้าตาคล้ายกันจะมีประโยชน์อะไร กิจกรรมพ่อแม่ลูกต้องให้เล่นเกมเยอะแน่ๆ สุขภาพร่างกายของนัทธีไม่ดีเท่าไหร่ เล่นเกมไม่ได้ ไปก็สูญเปล่า!”
"เอ่อ......" วารุณีหยุดชะงัก
จริงด้วย เธอลืมเรื่องนี้ไปเลย
มองดูวารุณีที่เริ่มเอนเอียงไปตามคำพูดของนิรุตติ์ แววตาของนัทธีเยือกเย็น ลุกขึ้นจากวีลแชร์ "คำขอร้องของคุณ ผมตกลง"
"แต่ว่าประธานนัทธีคะแผลของคุณ......" ริมฝีปากแดงของวารุณีเม้มเล็กน้อย ถึงแม้เธอจะดีใจที่เขาตกลง แต่ก็ยังคงไม่วางใจ
นิรุตติ์ขยับแว่นแล้วพูด“จริงด้วยนัทธี แผลยังไม่หายก็อยู่นิ่งๆ ไปก่อน ขืนนายออกไปแล้วเป็นอะไรขึ้นมา ทำให้วารุณีเดือดร้อนเปล่าๆ ไม่ใช่เหรอ?"
ทว่านัทธีก็ไม่สนใจเขา มองไปที่วารุณี ริมฝีปากบางตอบกลับ“แผลของผมไม่สำคัญ ขอแค่ไม่ใช่การออกกำลังรุนแรงก็ไม่เป็นอะไร พอได้แล้วคุณออกไปเถอะ เดี๋ยวสุดสัปดาห์นี้ผมติดต่อคุณเอง"
เขาไล่แขก วารุณีก็ไม่สามารถขัดคำสั่งได้ กล่าวขอบคุณแล้วเดินออกไป
พอเธอเดินออกไป นิรุตติ์ก็ไม่เสแสร้งแกล้งทำอีกแล้ว กลับมาเป็นสีหน้าเดิมของเขา พูดด้วยความร้ายกาจ“นัทธี ดูไม่ออกจริงๆ ว่าแกแคร์ผู้หญิงคนนี้มาก เพื่อเธอแล้วถึงขั้นยอมสวมรอยเป็นพ่อเด็ก แกว่าถ้าฉันบอกเรื่องนี้กับพิชญา พิชญาจะไปหาเรื่องวารุณีไหม?"
เมื่อได้ฟัง นัทธีหรี่ตาลง นัยน์ตาสีนิลนั้น เผยความเยือกเย็นที่ไม่อาจบรรยายได้ "นิรุตติ์ ฉันขอเตือนแกเอาไว้ก่อน ทางที่ดีที่สุดแกอย่าคิดทำเรื่องพวกนี้!”
นิรุตติ์หัวเราะเยือกเย็น "ถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ แกจะทำอะไรฉันได้?"
"ถ้าอย่างนั้นแกก็ลองดู" นัทธีตอบกลับเสียงเยือกเย็น
นิรุตติ์จ้องมองเขาครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็หัวเราะ "ดูแกสิ ฉันก็แค่ล้อเล่นเท่านั้น แกจริงจังไปได้ พอได้แล้ว นี่คือเอกสารที่แกต้องการ"
นิรุตติ์ยื่นเอกสารในมือออกไป
นัทธีไม่ได้รับเอาไว้
นิรุตติ์ก็ไม่ว่าอะไร หลังจากยักไหล่ วางเอกสารไว้บนโต๊ะของนัทธีแล้วเดินออกไป
ในเวลานี้ มารุตเดินเข้ามา ในมือถือกระติกเก็บความร้อน
นัทธีนั่งลงบนวีลแชร์ มองดูกระติกเก็บความร้อน ขมวดคิ้วเล็กน้อย "นายยกอันนี้เข้ามาทำไม?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...