แต่ว่าวารุณีก็ไม่ผิดหวังเลยแม้แต่น้อยที่ตนเองมาเช้าไป
เพื่อที่จะได้เจอสามีและลูกเร็วๆ เธอยอมมาเช้าหน่อย ก็ยังดีกว่ามาสายไป
วารุณีถือโทรศัพท์มือถือ นั่งรออยู่ในห้องรับรอง
พวกบิ๊กมาส่งผลไม้ของหวานและน้ำชาให้เธอ “คุณหญิง ทานอะไรหน่อยเถอะครับ”
“วางไว้ที่นี่เถอะ ขอบคุณนะ” วารุณียิ้มกับพวกเขาไปที
“ไม่เป็นไรครับ งั้นคุณหญิง คุณพักผ่อนอยู่ข้างใน พวกเราไปเฝ้ารอข้างนอก หากท่านประธานและคุณชายน้อยกับคุณหนูน้อยมาถึงแล้ว พวกผมจะรีบมาแจ้งคุณนะครับ” บิ๊กกล่าว
วารุณีพยักหน้า “โอเค รบกวนพวกนายแล้ว”
จริงๆ ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขามาแจ้งเลย
ในห้องรับรองนี้ เป็นห้องรับรอง มีผนังกระจกทุกด้าน อยู่ที่นี่ สามารถเห็นสถานการณ์ทุกอย่างบนลานจอดเครื่องบินได้อย่างชัดเจน
และเธอก็คุ้นเคยกับเครื่องบินส่วนตัวของนัทธีขนาดนี้ เธอจะต้องเห็นทันทีแน่นอน
พวกบิ๊กออกไปแล้ว
วารุณีนั่งหันหน้าเข้าหาผนังกระจก ก้มศีรษะลงมองโทรศัพท์ เงยขึ้นมองบ่อยครั้ง มองไปทางลานจอดเครื่องบิน กลัวว่าจะพลาดการลงจอดเครื่องบินของนัทธี
การมองนี้ ก็มองไปครึ่งชั่วโมง
เหมือนดั่งที่นัทธีส่งข้อความมาบอกในก่อนหน้านี้ ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เครื่องบินส่วนตัวของเขาก็บินร่อนลงมาจากฟ้า จากนั้นก็จอดอยู่บนลานจอดเครื่องบิน
วารุณีลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น
ขณะนี้ ประตูห้องรับรองก็เปิดออกแล้ว บิ๊กเข้ามารายงาน “คุณหญิงครับ พวกท่านประธานมาถึงแล้วครับ”
“ฉันรู้แล้ว ไปกันเถอะ” วารุณีเก็บโทรศัพท์ เดินไปทางหน้าประตูอย่างเร่งรีบ เดินออกจากห้องพักผ่อน เดินตรงไปยังทางเดิน
ห้องรับรองนี้ไม่ได้ห่างไกลจากตรงนั้นมากนัก เดินไปสองนาทีก็ถึงแล้ว
ในตอนที่วารุณีเดินมาถึงทางเดิน ก็ได้รอไปสองสามนาที ในที่สุดก็ได้เจอกับคนที่อยากเจอ
“หม่ามี๊” เด็กทั้งสองเห็นวารุณีที่อยู่ตรงทางเดินข้างนอก ปล่อยมือของนัทธีออกอย่างพร้อมกันด้วยความดีใจ แล้ววิ่งไปทางเธอ
วารุณีโค้งตัวลง อ้าแขนกว้าง รับเด็กทั้งสองไว้
“หม่ามี๊ คิดถึงหม่ามี๊มากเลย”
“หม่ามี๊ หนูก็คิดถึงหม่ามี๊มากๆ ครับ”
ทั้งสองแย่งกันพูดกล่าวความคิดถึงกับวารุณี
วารุณีรู้สึกอบอุ่นใจมาก ลูบศีรษะน้อยๆ ของเด็กทั้งสองแล้วตอบกลับ “เป็นเด็กดีนะ หม่ามี๊ก็คิดถึงพวกหนู ดังนั้นพวกหนูดูสิ ตอนนี้เราเจอหน้ากันอีกแล้ว”
“ใช่ครับ” อารัณพยักหน้า จากนั้นก็จูบไปที่แก้มของวารุณี
ไอริณก็ไม่ยอมล้าหลัง ทำปากจู๋ที่ปากน้อย จูบไปทางแก้มอีกด้านหนึ่งของวารุณี
วารุณีสัมผัสกับความนุ่มนิ่มจากปากของเด็กทั้งสอง ก็อดหัวเราะไม่ไหว จากนั้นก็ลูบหน้าเด็กทั้งสอง จูบไปคนละทีเช่นกัน
หลังจากที่จูบเสร็จแล้ว ไอริณก็ชี้ไปทางผู้ชายที่อยู่ข้างหลัง “หม่ามี๊ ยังมีคุณพ่ออีกค่ะ คุณพ่อก็อยากจุ๊บจุ๊บค่ะ”
นัทธีมองดูเจ้าเด็กน้อย ริมฝีปากปากยิ้มโค้งขึ้น
เด็กดีจริงๆ สมแล้วที่เป็นเจ้าตัวจิ๋วของเขา ไม่ลืมที่จะเอ็นดูเขาด้วย
เหมือนอารัณยัยเด็กดื้อนั่นที่ไหนกัน!
นัทธีเหลือบไปมองอารัณ แล้วเดินไปทางวารุณี
อารัณเบ้ปากอย่างหมดคำพูด
ถึงแม้ว่าเขาจะเด็ก ทว่าเขาฉลาด แน่นอนว่ามองออกถึงสายตาที่คุณพ่อมองตนเอง ก็โทษว่าตนเองไม่เหมือนกับไอริณไง ที่ให้หม่ามี๊จูบเข้าด้วย
เฮ้อ ได้พ่อที่แค้นเคืองและใจแคบมา เขาที่เป็นลูก ก็เหนื่อยใจจริงๆ
“ได้ยินที่ลูกสาวพูดหรือยัง?” นัทธีเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของวารุณี มองเธอ พูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำแหบ
วารุณีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ฉันได้ยินอยู่แล้ว ดังนั้นนายจะให้ฉันจูบนาย?”
“อย่าให้ลูกผิดหวัง” นัทธีตอบกลับ
วารุณีกุมขมับ “กลัวว่าลูกจะผิดหวังจริงๆ หรือว่าตัวนายเองก็อยากให้ฉันจูบอยู่แล้วนะ”
เธอรู้จักผู้ชายของตนเองดี เขาต้องเป็นกรณีหลังแน่นอน
อีกอย่างถึงแม้จะไม่มีคำพูดของไอริณ เขาก็จะให้เธอจูบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...