พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ นิยาย บท 830

มารุตซึ่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเล็กข้าง ๆ เห็นท่าทีเช่นนั้น จึงถามด้วยความสงสัย “ท่านประธาน เป็นอะไรไปครับ? จดหมายฉบับนี้มีอะไรผิดปกติหรือครับ?”

เมื่อครู่นี้ แผนกต้อนรับได้รับจดหมายลงทะเบียนจากที่ทำการไปรษณีย์ฉบับหนึ่ง แจ้งว่าถึงท่านประธาน

ท่านประธานจึงให้เขาไปเอาขึ้นมา

จะว่าไปก็แปลก หลายปีมานี้คนส่งจดหมายกันน้อยมาก โดยทั่วไปจะเป็นธนาคารใหญ่ ๆ ที่จะส่งพวกบัตรเครดิตให้ลูกค้าทางไปรษณีย์ ถึงจะใช้วิธีส่งจดหมาย

ทุกวันนี้ ถ้าคนต้องการที่จะบอกเรื่องต่าง ๆ ให้คนอื่นก็จะส่งข้อความ วิดีโอ และอีเมล

ดังนั้นเมื่อได้ยินพนักงานต้อนรับบอกว่ามีจดหมายถึงท่านประธาน เขาจึงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

คิดว่าคนหัวโบราณที่ไหนยังส่งจดหมายอยู่ เขาลงไปดูก็พบว่าไม่มีชื่อที่อยู่ผู้ส่ง มีเพียงชื่อที่อยู่ผู้รับเท่านั้น นี่ช่างน่าประหลาดใจ

ในตอนนี้ เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของประธานหลังจากอ่านจดหมายแล้ว มารุตยิ่งรู้สึกว่าในจดหมายนั่นมีบางอย่างผิดปกติ

นัทธีเหลือบมองมารุตที่กำลังถามคำถาม จากนั้นส่งจดหมายในมือให้ “นายดูเองก็แล้วกัน”

มารุตลุกขึ้นและเอื้อมมือไปหยิบ เขาก้มหน้ามองจดหมายฉบับนั้น

เมื่อเห็นเนื้อหาในนั้น เขาก็ตกใจมากเช่นกัน "คุณนิรุตติ์เป็นคนเขียนนี่ครับ"

ลายมือของจดหมายฉบับนี้ เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี ดูแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นของนิรุตติ์

ถึงอย่างไร เขาอยู่เคียงข้างท่านประธานมาหลายปี ลายมือของคนตระกูลไชยรัตน์ มองปราดเดียวก็จำได้

ดังนั้นข้อความในจดหมายนี้ต้องเป็นของนิรุตติ์อย่างแน่นอน

แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือเนื้อหาข้างในจดหมาย

เดิมที คนที่บอกตำแหน่งของพงศกรและตระกูลจิรดำรงค์ก็คือนิรุตติ์ และสายลับที่พวกเขาจับได้ก็คือคนของนิรุตติ์

พูดถึงสายลับคนนั้นก็น่าเวทนาเช่นกัน คนอื่นใช้เงินหนึ่งล้านเพื่อติดสินบนเขา คนที่ติดต่อกับเขาทางออนไลน์ก็ไม่ใช่ตัวนิรุตติ์เอง

พูดได้ว่า สายลับคนนั้นก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำงานให้ใคร

ทว่านี้ยังแสดงให้เห็นอีกว่า นิรุตติ์คนนี้ฉลาดแกมโกง และจัดการให้ผู้อื่นเป็นสายลับออนไลน์ ด้วยวิธีนี้ พวกเขาไม่เพียงแต่สามารถรู้ข้อมูลต่าง ๆ จากฝั่งของพวกเขา แม้ว่าสุดท้ายแล้วสายลับจะถูกจับได้ ก็ไม่มีทางสาวถึงตัวนิรุตติ์

ความเป็นจริงในตอนแรก พวกเขายังสงสัยว่าสายลับนั้นเป็นคนของนิรุตติ์หรือไม่ แต่แทบไม่มีร่องรอยของนิรุตติ์จากสายลับเลย แต่พวกเขากลับพบเบาะแสบางอย่างที่ว่าพงศกรเคยพบกับสายลับคนนี้

ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าสายลับนี่เป็นคนของพงศกร

และยืนหยัดจนถึงที่สุด

เพราะพงศกรต้องการตามหาตระกูลจิรดำรงค์ ตอนนี้เขารู้ที่อยู่ของตระกูลจิรดำรงค์แล้ว คนรอบข้างของพวกเขาก็เปิดเผย และสายลับเองก็บอกว่าเขาเคยพบพงศกรมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นความเป็นไปได้ที่ว่าพงศกรเป็นคนส่งสายลับมานั้นจึงสูงมากเป็นธรรมดา

ผลคือพวกเขาเดาผิด สายลับเป็นคนของนิรุตติ์

“ท่านประธาน ท่านว่าเขาส่งจดหมายฉบับนี้ถึงท่าน มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่ครับ?” มารุตส่งจดหมายคืนให้นัทธี “และเขายังบอกด้วยว่าสายลับนั่นเขาเป็นคนจัดการเอง เขากำลังยั่วยุเราหรือครับ?”

นัทธีหรี่ตาลง “เขาไม่เพียงแต่ยั่วยุเท่านั้น แต่ยังส่งจดหมายท้าทายถึงฉันด้วย”

“จดหมายท้าทายหรือครับ?” มารุตประหลาดใจ “ท่านประธาน ท่านหมายความว่านิรุตติ์ต้องการต่อสู้กับท่านหรือครับ?”

นัทธียกคางขึ้น "ฉันรู้จักเขาดี นั่นคือสิ่งที่เขาหมายถึง ที่ผ่านมา ฉันกับเขาก็เหมือนแมวไล่จับหนู ฉันไล่จับ เขาหลบซ่อน ฉันจับเขาไม่ได้ แต่ไม่กล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าฉัน ในตอนแรก เขาอาจคิดว่าเกมไล่ล่านี้สนุก แต่ด้วยนิสัยของเขา เกมไม่ทันจบ เขาก็ทนกับความกดดันจากการถูกไล่ล่าไม่ไหว ดังนั้นเขาจึงหมดความอดทน จึงโผล่หางออกมาเอง จดหมายท้าทายฉบับนี้ก็คือหลักฐาน”

เขาชี้ไปที่จดหมายบนโต๊ะ

สุดท้ายมารุตก็พยักหน้าโดนพลัน “อย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะที่ท่านไม่เคยคิดที่จะคว้าตัวนิรุตติ์ออกมาเร็ว ๆ เพราะท่านรู้ว่าไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะโผล่หัวมา”

“ถูกแล้ว” นัทธีหรี่ตาลง “นิรุตติ์คนนี้นับว่าเป็นคนทะเยอะทะยาน ความสามารถไม่น้อย แต่นิสัยใจคอไม่ดี นิสัยของเขาจะดึงเขาลงนรกไม่ช้าก็เร็ว นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมคุณปู่ถึงไม่ค่อยอบรมสั่งสอนเขามากนัก"

“เข้าใจแล้วครับ” มารุตดันแว่นตา “ถ้าอย่างนั้นท่านประธานครับ เราจะทำอย่างไรต่อไปครับ?”

นัทธีไม่ตอบและถามกลับ "นายก็รู้ร่องรอยของนิรุตติ์มาก่อนแล้วไม่ใช่หรือ คนที่ส่งไปหาเจอหรือยัง"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ