วารุณลูบคาง “งั้นเธอก็ต้องขอบคุณเธอจริงๆ ”
ลีน่ายิ้มและพูด “แน่นอน ฉันก็ขอบคุณเธออยู่ในใจมาตลอดนั่นแหละ ไม่อย่างนั้นตอนที่เธอกระโดดมาข้างหน้าฉัน มาทำท่าทางยั่วฉัน ฉันคงลงมือไปนานแล้ว ต้องบอกเลยว่า ที่คายาโกะ ยามาโมโตะมาทำท่าทางหยิ่งผยอง ฉันล่ะอยากเอาชนะเธอจริงๆ ”
วารุณีขำสิ่งที่เธอพูด เอามือป้องปากแล้วหัวเราะ หลังจากนั้นก็มองเธออย่างอิจฉา “ดีจัง ฉันเองก็อยากมีคู่ต่อสู้ที่สูสีกับฉันบ้าง”
“เธอไม่มีเหรอ?” ลีน่ามองวารุณี
วารุณีส่ายหน้า “ไม่มี เมื่อก่อนตอนที่ฉันไม่รู้ว่าโสรยาคือพิชญา ก็เข้าใจว่าผลงานของโสรยา เป็นงานที่โสรยาวาดด้วยตัวเอง เธอรู้ไหม?ตอนที่เห็นผลงานของโสรยา ฉันดีใจมาก แล้วก็ตื่นเต้นมาก เพราะฉันคิดว่าตัวเองคนที่ในอนาคตอันไกล จะได้มาแข่งแย่งที่หนึ่งกับฉัน เป็นคู่ต่อสู้ที่พัฒนาไปด้วยกัน แต่ไม่คิดเลยว่า จะได้รู้ในตอนท้าย ว่าโสรยาก็คือพิชญา ผลงานพวกนั้นของเธอ คือผลงานที่อาจารย์ลินดาวาดเองกับมือ”
“ดูออกเลย ว่าเธอผิดหวังมาก” ลีน่าพยักหน้า
วารุณียิ้มอย่างจำใจ “ใช่ ฉันผิดหวังมาก ผิดหวังที่อาจารย์ลินดายอมปล่อยให้ตัวเองตกต่ำ ไปทำงานแทนให้กับอะไรที่ไม่สำคัญ ถึงแม้ว่าอาจารย์ลินดาจะถูกแบนออกจากวงการการออกแบบ แต่อย่างน้อยเธอก็เคยเป็นอาจารย์ระดับสูงคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะหมดโอกาสที่จะมีหน้ามีตา แต่ก็ยังหยิ่งผยองอยู่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าอาจารย์ลินดา จะเลิกหยิ่งผยอง อย่างเดียวกัน ฉันก็ผิดหวังที่โสรยาคือพิชญา หลังจากถอดหน้ากากของพิชญา ฉันก็สูญเสียคู่ต่อสู้ไป”
“แบบนี้ วารุณี เธอน่าสงสารจริงๆ ” ลีน่ามองเธออย่างเห็นอกเห็นใจ
ในฐานะนักออกแบบเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นแค่นักออกแบบเครื่องประดับ แต่เธอก็รู้ว่าการมีคู่ต่อสู้ เป็นเรื่องที่หาได้ยากขนาดไหน
เธอมีคายาโกะเป็นคู่ต่อสู้ แต่วารุณี ตลอดที่ผ่านมา เธอเดินบนเส้นทางดอกไม้นี้อย่าลำพัง ไม่มีคู่ต่อกรที่สูสีกับวารุณี เดินมาคู่กับวารุณี
เมื่อเป็นแบบนี้ สำหรับวารุณีในการออกแบบเสื้อผ้านี้ จึงทำให้รู้สึกเหงา และลดแรงกระตุ้นลงไปอย่างมาก
วารุณีคลึงขมับ “ฉันเองก็รู้สึกว่าตตัวเองน่าสงสาร เพราะไม่มีคู่ต่อสู้ ฉันเลยไม่รู้ว่าตัวเองพัฒนาแล้วหรือยัง ทุกครั้งต้องอาศัยอาจารย์มาช่วยดู ฉันเลยหวังว่าคู่ต่อสู้ของฉันจะปรากฏตัวขึ้น ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ ฉันคิดว่าสายการออกแบบของฉัน คงจะสวยงามและมีสีสัน ไม่โดดเดี่ยวแบบนี้อีก”
“หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ” ลีน่าพยักหน้า หลังจากนั้นก็นึกอะไรได้บางอย่าง แล้วถามขึ้นอีกครัง “ใช่แล้ว โสรยาคนนั้น......ไม่สิ พิชญา ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?เป็นบ้าจริงๆ แล้วเหรอ?”
ครั้งที่แล้ววารุณีบอกเธอว่า พิชญาคนนั้นเป็นบ้าไปแล้ว
แต่จากที่เธอมอง พิชญานั่นก็ไม่ใช่คนดีอะไรอยู่แล้ว อาจจะเพราะจะได้ออกไป เลยอาจจะแกล้งบ้าก็ได้
เมื่อวารุณีได้ยินคำถามของลีน่า สีหน้าก็จริงจังขึ้นมา แล้วอืมเพื่อตอบ “เป็นบ้าแล้วจริงๆ เมื่อก่อนนัทธีส่งคนไปที่นั่น ตั้งใจไปตรวจสอบคำพูดจากคุณหมอ ดูว่าพิชญาบ้าจริงหรือแกล้งบ้า สุดท้ายคนที่นัทธีส่งไปก็ส่งข่าวกลับมา ว่าเธอมีปัญหาจริงๆ ”
“แบบนี้นี่เอง งั้นก็ดีแล้ว” ลีน่าหยิบกาแฟสองกระป๋องจากกล่องเก็บของในรถ แล้วโยนให้วารุณีหนึ่งกระป๋อง บิดเปิดกระป๋องของตัวเองและจิบดื่ม พูดอีกครั้ง “ขอแค่เธอบ้าจริงๆ เธอก็ไม่ต้องกังวลว่าอยู่เธอจะออกจากโรงพยาบาลจิตเวชแล้วมาก่อเรื่อง”
“ใช่” วารุณีถือกาแฟไว้ไม่ได้ตั้งใจที่จะดื่ม มุมปากยิ้มจางๆ “อันที่จริงต่อให้พิชญาไม่บ้า ฉันก็ไม่ได้กลัวว่าเธอจะเหมือนเมื่อก่อน ที่วิ่งหนีตายไป เพราะนัทธีให้คนฝังชิปไว้ในตัวเธอ เป็นชิประบุตำเเหน่งของเธอ เนื่องจากนัทธีให้คนติดตั้งแบบลับพิเศษ พิชญาเลยไม่รู้ ต่อให้เธอหนีไปแล้วจริงๆ พวกเราก็จะหาเธอได้ทันที”
“เยี่ยมมาก เจ๋งมาก” ลีน่ายกนิ้วให้ด้วยความประหลาดใจ
วารุณียิ้ม “ในตอนแรก เราก็ไม่ได้คิดถึงตรงจุดนี้ แต่พอหลังจากที่อารัณเตือน นัทธีเลยให้คนติดตั้งไว้”
“อย่างนี้นี่เอง อารัณนี่เป็นเด็กอัจฉริยะจริงๆ ” ลีน่าพูดอย่างชื่นชม
รอยยิ้มบนใบหน้าของวารุณีสว่างงจ้าขึ้นเรื่อยๆ
ใช่ มีแม่คนไหน ไม่ชอบลูกตัวเองถูกชมบ้าง?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...